THE BARAI

THE BARAI (เดอะ บาราย) ไม่เพียงเป็นชื่อของสปาหรูที่ติดอันดับโลกเท่านั้น แต่ยังมีส่วนของห้องพักแบบ Suites จำนวน 8 ห้องที่ช่วยเติมเต็มการพักผ่อนของเราให้สมบูรณ์แบบ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กานต์จึงเลือกไปพักผ่อนและทำสปาที่ The Barai Suites ครับ อยู่หัวหินนี่เอง

Signature ของ The Barai ไม่เพียงแต่ Spa Treatment ที่ได้รับการยอมรับเท่านั้น แต่ยังขึ้นชื่อเรื่องความสวยของสถาปัตยกรรมที่ผ่านกระบวนการคิดในงานดีไซน์มาอย่างละเอียด จากฝีมือและจินตนาการของคุณเล็ก บุญนาค ศิลปินแห่งชาติ ซึ่งตีความหมายของสปา ว่าเป็นการบำบัดด้วยน้ำ

ดังนั้น The Barai ที่ได้รับอิทธิพลมาจากคำว่า บาเรย์ (Barays) ซึ่งหมายถึง แหล่งน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อเก็บน้ำสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันและยังเชื่อว่าน้ำจากแหล่งน้ำนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิต

The Barai จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสถานที่สำหรับบำบัดจิตใจและร่างกาย ถูกนำทางโดยสถาปัตยกรรม เพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมายคือความสงบทางจิตใจที่เกิดขึ้นหลังการเข้าพัก โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก นครวัด ในประเทศกัมพูชา

นี่เป็นคอนเซปต์คร่าวๆ ที่อยากจะบอกเล่าให้อ่านกันก่อนครับ ซึ่งในละรูปภาพที่กานต์ถ่ายมาฝากนั้น จะลงรายละเอียดมากกว่านี้ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นครับ

ในส่วนของสวีท เป็นที่พักจัดโซนแยกออกมาจากสปา ทว่าขนานไปกับ Hyatt Regency Hua Hin ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวระหว่างเข้าพัก แบ่งออกเป็น 2 type คือ ชั้นบนเป็นห้องสวีทแบบมีระเบียงและชั้นล่างเป็นห้องสวีทแบบพูลวิลล่า ซึ่งกานต์เข้าพักสวีท 5 สระใหญ่ที่สุดครับ แต่ละห้องจะมี Suite Butler คอยดูแล ขาดเหลืออะไรสามารถเรียกได้เลยครับ

ส่วนเรื่องอาหารคงต้องไม่พลาด หากมาที่ The Barai ต้องไปทานที่ McFarLand House เป็นอาหารนานาชาติแบบฟิวชั่น อ่อ! ถึงแม้ไม่ได้พักที่นี่ก็แวะมาทานได้นะครับ บ่ายๆ มี Afternoon Tea ให้บริการด้วยในทุกวัน

จะว่าไป หัวหิน ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนที่แท้จริงครับ จะสังเกตว่าช่วงหลังโควิด หัวหินเริ่มกลับมารถติดและโรงแรมช่วงเสาร์-อาทิตย์ถูกจองเต็มเกือบหมด เพราะผู้คนปรารถนาที่อยากจะพักผ่อนหลังจากอยู่บ้านกันมานานแรมเดือน

แต่ถ้าจะให้แนะนำ กานต์ว่า The Barai เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ เพราะได้นอนพักผ่อนริมทะเล แถมยังได้ทำสปา ในราคาสุดพิเศษสำหรับคนไทยอีกด้วย

The Barai Balcony Suites ราคา 16,000 บาทเน็ตแล้ว (ถ้าคืนวันเสาร์เพิ่มอีก 1,500 บาท)

ราคานี้รวมอาหารเช้าและเครื่องดื่มตลอดวัน พร้อม Pre-Dinner ที่ McFarland House ที่สำคัญคือได้ทำสปา อีก 60 นาทีทั้ง 2 ท่าน และพิเศษไปกว่านี้คือได้ Afternoon Tea อีก 1 เซ็ต โอวววถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคามากๆ เลยครับ

จองได้เลยที่ โทร 032 521 234

หรือ email Reservations.hrhuahin@hyatt.com

ถ้าไม่เชื่อ ลองคลิกเข้าไปอ่านด้านใน กานต์เขียนเล่าเอาไว้ในแต่ละรูปที่ถ่ายมาฝากครับ

#thebaraihyatt#thebaraihyattregency

#Hyattregencyhuain#Thebarai#Mcfarlandhouse

#KANT#KΔNT#leisuretravel#hotellifestyle

#journalisttravel#luxurytravel

#ท่องเที่ยวพักผ่อน#ชอบนอนโรงแรมสวย

The Signature Photo Shoot at The Barai Spa

แม้ไม่ได้มาเยือนหัวหินเสียนาน แต่ความทรงจำดีๆ ก็เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อมาเที่ยวเมืองตากอากาศยอดนิยมของคนไทยขับรถสบายๆ 2 ชั่วโมงกว่าจากกรุงเทพฯ กานต์เก็บภาพมุมสูงของหัวหินมาฝากกัน

รูปนี้หันไปทางเขาตะเกียบครับ เป็นภาพที่แปลกตาและ Contrast กันดีระหว่างธรรมชาติ สีเทอร์ควอยซ์ของน้ำทะเล สีเขียวของต้นไม้ ซึ่งภาพนี้จะเห็นว่าหัวหินก็มีต้นไม้เยอะเหมือนกัน เหมาะแก่การพักผ่อนในช่วงนี้ครับ

เนื่องจาก THE BARAI by Hyatt Regency Hua Hin อยู่ช่วงปลายๆ ของชายหาดหัวหิน จึงไม่ค่อยพลุกพล่านมากนัก มีคนเล่นน้ำทะเล วิ่งออกกำลังกาย ทำกิจกรรมหลากหลาย ส่วนกานต์ขอปูผ้า พร้อมตะกร้าปิคนิก ในฐานะนักสังเกตการณ์ค่อยถ่ายภาพแห่งความทรงจำที่ประทับใจ เก็บไว้ในกล้องถ่ายรูปก่อนก็แล้วกัน

สำหรับคนชอบถ่ายรูปแบบกานต์แล้ว ในวันพักผ่อนยังคิดต่อว่า ที่พักสวยๆ มุมถ่ายรูปเยอะๆ น่าจะทำให้เราสนุกและมีความสุขในวันสบายๆ ได้มากขึ้น จึงลงตัวที่ The Barai by Hyatt Regency หัวหินครับ

The Barai ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ เคียงข้างไปกับโรงแรม Hyatt Regency แต่มีโซนที่แยกตัวออกมาต่างหาก จากภาพมุมสูงจะเห็นอยู่ทางโซนด้านบนของภาพครับ มีทั้งส่วนของ The Barai Spa และ Suite รวมถึงบ้านพักหลังใหญ่อย่าง Presidential Pool Villa ด้วย

ส่วนกานต์พักที่ The Barai Pool Suite ชั้น 1 เช็คอินที่ห้องพักได้เลยครับ ห้องใหญ่มาก ขนาดประมาณ 149 ตรม. จัดวางทุกอย่างไว้พร้อม

ทาง Suite Butler ของ The Barai จะต้อนรับแขกเราด้วยพวงมาลัยไทยกลิ่นหอมๆ พร้อม Welcome Drink น้ำกระเจี๊ยบผสมน้ำสับปะรด กลิ่นหอมสดชื่น ดื่มแล้วหายเหนื่อยจากการขับรถมาเลยครับ เสริฟพร้อมผ้าเย็น

บนโต๊ะมี iPad ตั้งไว้ให้เราได้ใช้ด้วยครับ

ส่วนกระบวนการ Check in เราก็มาทำกันใน Living Room ของห้องสวีทนี้ได้เลยครับ สะดวกสบายมาก จากนั้น Suite Butler จะมาแนะนำถึง Facilities ต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมระหว่างวันด้วย หากต้องการอะไรเพิ่มสามารถโทรเรียก Suite Butler ได้ทันทีครับ

ส่วนด้านหลังเป็น Coffee & Tea Station อีกด้านเป็น Day Bed ขนาดใหญ่พิเศษ เพื่อที่ว่าจะสามารถทำ Spa ได้ถึงในห้องถ้าหากเราต้องการ นอกจากนี้ ยังเตรียมกระเป๋าหวายใส่ผ้าและอุปกรณ์ปิคนิกบนชายหาด เตรียมไว้พร้อมสรรพ ด้านในจะมีการ์ดบอกไว้ว่า หากเราต้องการไปนั่งเล่นชายหาด ให้แจ้ง Suite Butler เพื่อให้เขาเตรียมเก้าอี้ชายหาดให้ครับ ซึ่งเตียงชายหาดฝั่ง The Barai จะสงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้า The Barai เท่านั้น แขกฝั่ง Hyatt Regency ไม่สามารถมาใช้ได้ ซึ่งแน่นอนว่า มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นไปอีก

กาแฟของที่นี่เป็นแบบแคปซูลของ Lavazza จิบกาแฟพร้อมกับดื่มด่ำบรรยากาศดีๆ ใน The Barai Pool Suite ได้เลยครับ

ด้านในห้องนอน มีโซฟากับโต๊ะกลางตั้งไว้ บนโต๊ะมี Welcome Note ด้วยครับ เขียนด้วยลายมือของ GM ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังจัด Welcome Fruit และ ผลไม้อบแห้ง พร้อมขนมปังชีสสัปปะรด ของฝากขึ้นชื่อจากหัวหินเป็น Complimentary ไว้ให้ด้วย ถัดไปเป็นโซนเอนเตอร์เทนเม้นท์

ห้องนอนใหญ่ถือว่ามากครับ

แต่ที่ใหญ่พอๆ กันคือเตียงครับ เป็นขนาดสั่งทำพิเศษ ราวๆ 8 ฟุตได้ ถ้าใครมาเป็นคู่ ตอนตื่นมาอาจจะต้องรีบไปแจ้งความคนหาย เพราะเตียงใหญ่ไป จนหากันไม่เจอ (นี่ก็เวอร์ไป๊) แต่ยอมรับว่า ไปนอนพักผ่อนโรงแรมมาทั่วโลก ยังไม่เคยเจอเตียงใหญ่ขนาดนี้ หัวเตียงเชื่อมต่อกับด้านหลังซึ่งเป็นเคาน์เตอร์ยาว มีเก้าอี้สามารถนั่งทำงานได้เลย บนโต๊ะวางลำโพงบรูทูทและนาฬิกาปลุกพร้อมโทรศัพท์ไว้ให้

ถัดไปด้านในสุดเป็นโซนห้องแต่งตัว ห้องน้ำ และที่พิเศษ คือ ห้องอาบน้ำมีฟังก์ชั่นในการอบไอน้ำสตรีมส่วนตัวได้เลย จัดเป็นสัดส่วนชัดเจนดีครับ ส่วน Amenities kit ใช้ของแบรนด์ June Jacobs Spa Collection ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องของส่วนผสมและสารสกัดจากพืชธรรมชาติโดยไม่ใช้สารเคมีเพื่อคืนความสมดุลตามธรรมชาติของผิว

ห้องแต่งตัวจะแยกซ้ายขวา อนุมานว่าน่าจะเป็น His & Her เพราะการจัดวางเครื่องเคราพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างบ่งบอกได้ชัดว่าห้องคุณผู้ชาย หรือห้องคุณผู้หญิง แถมรองเท้าแตะยังจัดไซส์ไม่เท่ากัน ในแต่ละห้อง เพื่อให้กระชับเท้า สิทธิ์อีกอย่างของ The Barai Suites คือบริการซักรีดฟรีสองรายการต่อวัน

อ่อ! ทางโรงแรมจะแขวนเสื้อยืดสีขาว สกรีนลาย The Barai เอาไว้ให้ที่ราวเสื้อผ้า สามารถนำกลับไปเป็นที่ระลึกได้เลยครับ หากไซส์ไม่พอดี สามารถแจ้งขอเปลี่ยนที่ Suite Butler ได้เลย

บ่ายแก่ๆ เปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งปิคนิกริมทะเลกันดูบ้าง

เสน่ห์อย่างหนึ่งของหัวหิน คือความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย แอบมีหรูบ้างตามประสาเมืองตากอากาศ หัวหินเป็นชายหาดเปิดที่ทอดยาว เราจึงได้เห็นคนทั่วไปแม้ไม่ใช่ลูกค้าของโรงแรมก็เดินมาเล่นน้ำทะเล วิ่งออกกำลังกาย หรือรถขายปลาหมึกย่าง ก็สามารถวิ่งลงหาดมาเดลิเวอรี่ได้ถึงที่

ภาพนี้แสงสวยดีครับ

เย็นนี้ ผมจะไปทานดินเนอร์ที่ห้องอาหารบ้านแมคฟาร์แลนด์ (McFarland House) ครับ เป็นห้องอาหาร Signature ของโรงแรม Hyatt Regency และ The Barai เป็นห้องอาหารที่มีประวัติยาวนานและสถาปัตยกรรมอันงดงามของบ้านไม้อายุกว่า 100 ปี มีวิวอ่าวไทย 180 องศา มาเป็นตัวเสริมความสวยงามและบรรยากาศที่ดีในการรับประทาน

McFarland House เป็นบ้านไม้เก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 บ้านทรงไทยร่วมสมัยที่เจ้าของโรงแรมซื้อมาถอดประกอบใหม่ ส่วนเจ้าของเดิมคือ ดร.จอร์จ แมคฟาร์แลนด์ นายแพทย์ฝรั่งผู้บุกเบิกโรงพยาบาลศิริราช โดยทางโรงแรมยังคงรักษาสภาพโครงสร้างหลักของบ้านไม้เอาไว้ ปรับเปลี่ยนและตกแต่งเพิ่มเติมแต่คงเสน่ห์แบบเดิมไว้ จนกลายเป็นห้องอาหารริมชายทะเลบรรยากาศดี มีต้นไม้ให้ร่มเงาเหมาะกับการพักผ่อนของผู้คนที่แวะเวียนมาทานอาหาร หรือ Afternoon Tea ที่นี่เป็น All Day Dining แต่ที่พิเศษสำหรับแขกของ The Barai Suites คือ Pre – dinner ช่วง 5 โมงเย็น – 1 ทุ่ม สามารถมาทานอาหาร เครื่องดื่มได้ฟรีที่ McFarland House

ห้องอาหาร McFarland House ดูแลโดยเชฟ วินเชนโซ กัตติ เป็นชาวอิตาลีครับ ที่นี่เสิร์ฟอาหารแบบโมเดิร์น ยูโรเปี่ยน ที่เน้นการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและการปรุงสมัยใหม่ที่คำนึงถึงสุขภาพเป็นหลัก ทำให้ได้เมนูที่มีความแปลกใหม่และมีประโยชน์ นอกจากนี้ห้องอาหารยังมีสวนสมุนไพรที่ใช้วิธีปลูกแบบออร์แกนิค เพื่อใช้สำหรับปรุงอาหารอีกด้วย

ดินเนอร์เย็นนี้เราจึงได้ทานอาหารยุโรปฟิวชั่นที่ปรุงแบบธรรมชาติ เริ่มจากขนมปังแบบฝรั่งเศส มี Appetizer เป็น Salt & Pepper Squid จากนี้อร่อยมาก เรียกน้ำย่อยได้เพลินๆ เพราะปลาหมึกสดหวานและไม่เหนียวเลย

จากนั้น บริกรเสิร์ฟซุปเห็ดแชมปิยองที่มีกลิ่นของทรัฟเฟิลออยล์ เคลือบมาบนครีมซุป ปรุงรสอ่อนด้วยสมุนไพร หอมมาก อาหารจานหลักชื่อ “Organic Bird” แต่เป็นจานไก่ที่นำไปซูวีเป็นเวลา 1 วัน ไก่ไม่ผ่านการปรุงรสมากนัก จึงนุ่ม ทานง่าย มาพร้อมเครื่องเคียงและจานเคียงอย่างดอกกะหล่ำอบชีส

อาหารที่ McFarland House ทานง่าย หายกังวลเรื่องวัตถุดิบที่ตอนนี้กลายเป็นเทรนด์ว่าผู้บริโภคต้องการทราบแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่วางใจได้ กระบวนการปรุงที่สะอาด รสชาตที่อร่อย 

McFarland House ยามค่ำคืน

จบจากห้องอาหาร McFarland House เราได้เวลาพักผ่อนที่ The Barai Pool Suite ครับ ก่อนนอนให้ Suite Butler เตรียมอ่างน้ำนมไว้ให้แช่ตัว จะได้หลับสบาย เป็นอ่างขนาดใหญ่มาก ปรับแต่งบรรยากาศให้ดูผ่อนคลาย แต่ผมคิดว่าราตรีนี้คงอีกยาวไกล ขอเพิ่มสีสันสดใส เติมเต็มวันแห่งการพักผ่อนไปอีกนิด

ก่อนจะปิดไฟนอนบนเตียงขนาดใหญ่มากกกกกกกก

Good Morning Hua Hin ครับ ข้อดีของการมีเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกันทั้งโลกได้ ทำให้เราอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงาน อ่านข่าวสารในระหว่างที่เรานอนหลับไป ว่าโลกเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลายคนอาจจะท้วงว่ามาพักผ่อน ก่อนควรจะปล่อยวาง แต่อาจจะด้วยนิสัยของความเป็นสื่อมวลชนที่ติดตัวมา และทำเป็นกิจวัตรทุกเช้า ผมจะอ่านข่าวเพื่ออัพเดทก่อนในช่วงตื่นนอนครับ เพื่อให้ตามติดความเป็นไปบนโลก ก่อนจะไปทานอาหารเช้า

ที่หัวหินพระอาทิตย์ขึ้นไวครับราวๆ ก่อนหกโมงเช้า ผมออกไปวิ่งริมชายหาดและเก็บภาพมาฝากกัน

จากนั้น ราวๆ 7 โมง จะมีพระเดินริมทะเลมาบิณฑบาตร กลายเป็นภาพที่เราเห็นจนชินตา แขกหลายท่านมารอใส่บาตร รับพรพระแต่เช้า

ภาพนี้จังหวะดี แสงอาทิตย์ลงตรงตัวแบบพอดีครับ สวยดี

เช้านี้เราทานที่ McFarland House เช่นเคย เป็นอาหารเพื่อสุขภาพตามคอนเซปต์ของห้องอาหาร เน้นแบบ A la carte สามารถสั่งได้ทุกอย่าง ผมเลือกเป็นจาน Signature อย่าง MFH Big Breakfast ที่รวมเอาของโปรดหลายๆ อย่างมาไว้ในจานเดียว นอกจากนี้ยังมี Energy Bolw สำหรับใครที่อยากทานผลไม้แบบเพิ่มพลังและความสดชื่นในตอนเช้า ก็สามารถสั่งได้เช่นกัน ส่วนอาหารไทยมีให้เลือก 4 อย่าง ผมสั่ง ข้าวหน้าไก่ ใช้ไก่ออร์แกนิค ปรุงรสคล้ายกระเพรา ท๊อปมาบนข้าวญี่ปุ่น อร่อยมากครับ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพก็มีหลายแก้วที่น่าสนใจ ช่วยเติมพลังให้เช้าวันใหม่ได้อย่างสดชื่นมากๆ 

ยิ่งได้ทานอาหารเช้าริมทะเลแบบนี้ ยิ่งทำให้วันพักผ่อนของเรามีความสุขมากขึ้นไปอีกครับ

จากนั้นสายๆ ก็มาเล่นน้ำที่ Pool ส่วนตัวของเรา

ดีไซน์ของ The Barai Suites ก็จะออกแบบให้สอดรับกับ The Barai Spa อย่างสระก็จะมีความเป็นเขมรนิดๆ เป็นท่อน้ำที่คล้ายกับมาจากสวรรค์ เพื่อสะท้อนว่าน้ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมนุษย์ทุกคน

จองคิวทำสปาเอาไว้ครับ อย่างที่บอก แขกของ The Barai Suites สามารถทำสปาได้ฟรี ผมเลือกมาทำที่ The Barai เลยครับจะได้เก็บภาพด้วยเพราะสวยมาก แต่แนะนำให้จองเวลาไว้ล่วงหน้า เพราะแม้ว่าสปาจะมีถึง 18 ห้อง แต่ก็มีแขกมาใช้บริการเต็มตลอดเวลาทั้งแขกของ The Barai และ Hyatt Regency ตลอดจนแขกจากด้านนอกครับ

ที่นี่ออกแบบให้ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยเรื่องราว อย่างทางเดินที่เราเห็นเป็นแผ่นกระเบื้องขนาดใหญ่ เว้นร่องเอาไว้ ก็เพื่อให้เรามีสติในแต่ละย่างก้าวนับตั้งแต่เดินเข้ามา เพื่อเป็นการเตรียมสติและจิตใจให้พร้อมก่อนทำสปา ก่อนจะเดินเข้ามาด้านในเจอกับบ่อน้ำและต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่ เพิ่มความสดชื่น

เราสูดลมหายใจรับอ๊อกซิเจนเบาๆ ก่อนเดินเข้าด้านในครับ

การมา The Barai Spa สร้างความตื่นเต้นให้กับผมมากครับ นอกจากจะมีชื่อเสียงระดับโลก ได้รับรางวัลมามากมาย ล่าสุดกับ Best for Luxury Value จาก Conde Nast Johansens Awards for Excellence 2020

The Barai Spa ยังเป็นสถานที่ที่ถ่ายรูปสวย มีคอนเซปต์ มีความใหญ่โต อลังการ และกว้างขวาง เราเดินไปตามแนวกำแพงไฟที่ทอดยาวไป ตามทางเดินจะสังเกตว่าเพดานมีความโค้งไม่เท่ากัน เพื่อให้เกิดความไหลลื่นในจิตใจ นำทางไปสู่ความสงบสุข ที่สำคัญคือถ่ายรูปออกมาสวยมากครับ

เดินเข้าไปจนสุดจะเป็นกำแพงดาว หรือ Star Wall เป็นอีก Signature Photo Shot ที่ถ่ายรูปออกมาได้สวยอีกเช่นกัน ถ้าเป็นช่วงเย็นจะมีช่องแสงลอดมาตกกระทบเกิดเงารูปดาวอันสวยงาม

จากนั้นเราจะเดินผ่านอุโมงค์ทรงปลายแหลมเพื่อเข้าไปสู่ด้านในของ The Barai Spa ช็อตนี้ก็เป็นอีกมุมที่ถ่ายภาพออกมาสวยงามครับ

เมื่อเข้ามาด้านในก่อนจะเช็คอินสปา ขอแว๊ปมาเก็บภาพก่อน เป็นมุมของสระตรงกลางที่เป็นที่มาของชื่อ The Barai หรือสระน้ำขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมแบบสมมาตร ตามประวัติศาสตร์ขอมคือมักจะขุดสร้างคู่กับโบราณสถาน เพื่อเป็นสถานที่เก็บกักน้ำไว้อุปโภคบริโภค แต่ถูกสถาปนิกนำมาลดทอนรายละเอียดจนดูร่วมสมัย และย่อขนาดไว้ภายในสปาแห่งนี้

แค่เห็นความใส นิ่ง สงบของน้ำ ก็ช่วยกระตุ้นความรู้สึกให้เรารู้สึกผ่อนคลายและเกิดความสงบในจิตใจได้อย่างแท้จริง ที่นี่จะมีห้องเช็คอิน 3 ห้อง เพื่อความเป็นส่วนตัวของแขกครับ

เมื่อเช็คอินเสร็จ พนักงานจะพาเราเดินเข้าไปด้านในคล้ายกับเขาวงกต ทะลุประตูนั้นมาโผล่ประตูนี้ แต่ก็เพลิดเพลินด้วยดีไซน์ที่ใส่รายละเอียดไว้ในทุกจุด จนต้องหยุดเก็บภาพอยู่บ่อยๆ

อย่างรูปปั้นด้านในก็ได้รับแรงบันดาลใจมากจากศิลปะขอม พร้อมรูปปั้นและเรื่องราวของนางอัปสรา ที่เราเคยเห็นในปราสาทนครวัด (Angkor Wat) เพราะตามความเชื่อของชาวเขมร นางอัปสรา คือนางฟ้า หรือเทพธิดา ที่อยู่คอยรับใช้และดูแลศาสนสถาน ที่ The Barai Spa จึงมีรูปแกะสลักของนางอัปสราประดับไว้ในผนัง ส่วนเครื่องแบบของพนักงานและเทอราพิส ก็ได้รับแรงบันดาลใจมากจากนางอัปสรา เช่นกัน

เดินมาคอร์ทกลางก็ยังมีบ่อน้ำ แต่ที่ผมชอบคือการจับคู่สีกันระหว่างอิฐแดงกับน้ำเงินเข้ม ดูแปลกตา ทว่ามีเสน่ห์ดีครับ

เดินมาคอร์ทกลางก็ยังมีบ่อน้ำ แต่ที่ผมชอบคือการจับคู่สีกันระหว่างอิบแดงกับน้ำเงินเข้ม ดูแปลกตาทว่ามีเสน่ห์ดีครับ

มาถึงห้องทรีตเม้นท์กันแล้ว เป็นห้องที่สวยงามมาก ด้วยสีสันและลวดลายที่ออกแบบได้อย่างลงตัว การสร้างบรรยากาศก่อนการทำสปาเป็นเรื่องสำคัญมาก ทั้งกลิ่น เพลงบรรเลง หรือแม้แต่เสียงที่นุ่มเย็นของเทอราพิส ก็ช่วยเพิ่มความสงบในจิตใจของเราได้ดี

การนวดที่ The Barai จะใช้ศาสตร์การนวดสมัยโบราณผสมผสานกับศาสตร์การนวดแบบตะวันตก ผมเลือกเป็นนวดผ่อนคลาย เพราะว่าเหนื่อยจากการล้างานหนักมาหลายวันครับ ก่อนนวดเทอราพิสจะนำน้ำมันหอมระเหยมาให้เลือกกลิ่น ผมชอบลาเวนเดอร์ หอมผ่อนคลายดี ถ้าใครเลือกไม่ถูกก็ถามเทอราพิสได้ เธอจะให้คำแนะนำได้ดีและตรงตามความต้องการของเรา ใช้เวลานวดราว 60 นาทีครับ

ส่วนประตูด้านหลังจะเป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่สำหรับให้แขกได้แช่ตัว และพักผ่อนหลังจากทำสปาเสร็จใหม่ๆ บรรยากาศดีมากครับ ตรงด้านนอกจะเป็นแสงจากธรรมชาติ เพื่อให้เราหลุดพ้นจากแสงสีต่างๆ ในห้องสปา กลับคืนมาสู่ความสงบ

ที่ The Barai ยังมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปกันอีกเยอะ หรือที่ แทงควิลิตี้ คอร์ท (Tranquility Court) ก็ถ่ายรูปสวย จะเป็นสระน้ำเกลือยาวกว่า 30 เมตร ตั้งอยู่ด้านหลังสปา มีเวลาได้นั่งพักผ่อนตรงนี้ช่วงสั้น ๆ ก็รู้สึกผ่อนคลายดีเช่นกัน หรือใครจะว่ายน้ำก็ได้ครับ สงวนสิทธิ์เฉพาะแขกของ The Barai เท่านั้น

หรืออย่างโซนบันไดทางขึ้น The Barai Balcony Suites ก็สวยครับ ยิ่งผมเป็นคนชอบถ่ายรูปแนวสมมาตร จะถูกใจเป็นพิเศษ

บ่ายสองกว่าๆ ได้เวลาไปทาน Afternoon Tea ที่ McFarland House เช่นเคย วันนี้อากาศที่หัวหินสดใส แดดดีตลอดทั้งวัน ลมพัดเย็นสบาย

ผมจึงให้ Suite Butler ย้าย Afternoon Tea มานั่งริมหาดแทน ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบครับ เป็นมุมส่วนตัวสำหรับแขกของ The Barai Suites เท่านั้น นอนพักผ่อนสบายๆ จิบชาร้อนหรืออยากจะสั่งเป็นกาแฟเย็นก็ได้ครับ สโคนของที่นี่อร่อยมาก หอมชุ่มฉ่ำ เนื้อไม่ร่วนเกินไป ได้บรรยากาศการพักผ่อนดีมากๆ

Afternoon Tea เสิร์ฟทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่บ่ายสองครับ ส่วนวันอาทิตย์จะไม่มีบริการจิบน้ำชายามบ่ายแต่จะให้บริการซันเดย์บรันช์แทนตั้งแต่ 11.30 น.

#โดยสรุป The Barai เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจหากใครกำลังมองหาสถานที่สำหรับพักผ่อนทางร่างกายและจิตใจ ในห้องสวีทสวยๆ บรรยากาศดี และมีสปาให้นวดผ่อนคลายด้วย แถมช่วงนี้มีราคาพิเศษอีก คุ้มมาก แนะนำเลยครับ

จองได้เลยที่
โทร 032 521 234 หรือ email Reservations.hrhuahin@hyatt.com

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน