Soneva Kiri เป็นรีสอร์ตที่กานต์ตั้งใจจะต้องมาพักที่นี่ให้ได้สักครั้งในชีวิต และคิดว่าหลายคนก็คงเหมือนกัน ด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมานานนับสิบปี การันตีด้วยรางวัลต่างๆ ที่ได้รับมาแล้วมากมาย ในแต่ละปีมีเซเลป คนดัง นักเดินทาง จากทั่วโลก ต่างบินตรงมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ แล้วนั่งเครื่องบินส่วนตัวของทางรีสอร์ตเพื่อมาเข้าพักที่นี่ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Soneva ไปโดยปริยาย กลายเป็นแรงบันดาลใจให้อยากมาสัมผัสการใช้ชีวิตแบบ “Intelligent Luxury” ดูสักครั้ง ซึ่งมั่นใจว่า Soneva Kiri ไม่ทำให้เราผิดหวังอย่างแน่นอนครับ
จากทั้งหมด 36 วิลล่าที่เรียงรายอยู่ใต้ร่มไม้เมื่อมองจนท๊อปวิวลงมาเสมือนกับว่าวิลลากับป่าไม้และทะเลกลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน วิลล่าแต่ละหลังจะกระจายกันไปในโซนต่างๆ Hill บ้าง Ocean บ้าง มีขนาดตั้งแต่ 1 ถึง 6 ห้องนอน แต่ที่แน่ๆ ทุกหลังจะตั้งอยู่ห่างกันเพื่อความเป็นส่วนตัวและมีสระว่ายน้ำอยู่ทุกหลัง โดยมีต้นไม้ใหญ่น้อยโอบล้อมเอาไว้ เรียกได้ว่ามีความเป็นส่วนตัวอยู่สูงมาก
SONEVA KIRI Villa No.17
วิลล่าของกานต์หมายเลข 17 เป็นแบบ 2 ห้องนอนวิวมหาสมุทรครับ 2 Bedroom Junior Beach Pool Retreat ยอมรับเลยว่าเป็นวิลล่าที่วิวสวยมาก จนแทบไม่อยากออกไปไหน พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีเดย์เบดริมหาดส่วนตัวด้วยครับ หน้าหาดมีหินค่อนข้างเยอะ อาจจะไม่เหมาะกับการเล่นน้ำ แต่ส่วนนี้กานต์ไม่ค่อยซีเรียสครับ เป็นคนแปลกอย่างหนึ่งคือชอบมาพักผ่อนที่ทะเล แต่ไม่ค่อยชอบเล่นน้ำทะเลสักเท่าไรนัก อยากนอนอ่านหนังสือ ฟังเสียงคลื่น ปะทะลมทะเลพัดเย็นๆ มากกว่า
Ms.Friday นำกานต์มาถึงวิลล่า ก่อนจะพบว่า กระเป๋าเดินทางมารออยู่แล้วด้านใน พร้อมจัดเก็บไว้ให้อย่างเสร็จสรรพ
เม่นน้อย เอาไว้ขัดทรายออกจากเท้า ก่อนเข้าไปยังห้องนอนในวิลล่าครับ
วิลล่าของผมเป็นแบบ 2 ห้องนอน แยกออกจากกันครับ กานต์พักที่ Master Bedroom ซึ่งจะหันหน้าเข้ามหาสมุทร พร้อมกับที่นั่งพักเป็นเบาะสีเหลืองคู่กับหมอน เวลาสีตัดกับน้ำแล้วดูสวยแต่ไม่หลุดโทนดีจังครับ
เตียงนอนหันหน้าออกไปทางมหาสมุทร บริเวณวิลล่าถูกโอบล้อมด้วยน้ำจากสระ ทำให้อยู่แล้วรู้สึกเย็นสบาย เมื่อเปิดประตูบานเฟี้ยมออกไปจะเป็นเบาะนั่งสีเหลือง การตกแต่งของวิลล่าทุกหลังเป็นไปในโทนเดียวกัน แตกต่างกันที่ขนาดและสิ่งอำนวยความสะดวก สถาปนิกออกแบบให้เน้นการใช้ไม้เป็นองค์ประกอบหลัก อารมณ์แบบ Rustic มีความโมเดิร์นด้วยเครื่องหนังที่ใส่เข้าไป มีกระจกใสเป็นองค์ประกอบรอง ส่วนบริเวณปลายเตียงมีกล่องขนาดใหญ่คล้ายกระเป๋าเดินทางหนังเรียบหรู สามารถเปิดขึ้นมาได้กลายเป็นโทรทัศน์ (ที่ไม่มีสัญญาณ) แต่สามารถชมดีวีดีได้ จากบนเตียงครับ
ด้านในเป็นมุมส่วนตัวที่กานต์ชอบมากครับ ทุกเช้าจะชอบมานั่งโซฟาสีส้มตรงนี้ เพราะแดดอ่อนๆ จะลงตรงนี้พอดี ทริปนี้ กานต์หยิบหนังสือ “ความเรียบง่ายไร้กาลเวลา” มาอ่านด้วยครับ เข้ากับคอนเซปต์ของ Soneva Kiri พอดี จริงๆ ห้องนี้มีห้องเอนกประสงค์ จัดเก็บเสื้อผ้า ของใช้ และสามารถแต่งตัว แต่งหน้าได้ที่นี่ครับ มีโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมไฟหลอด 6 ดวงสำหรับแต่งหน้า
ส่วนด้านในสุดของวิลล่าจะเป็นโซน Ourdoor ครับ มีตู้ขนาดใหญ่ 2 ฝั่ง ออกแบบได้เก๋มาก คล้ายกับกระเป๋าเดินทางขนาดยักษ์ พร้อม Bathroom Amenities ที่เป็นแบรนด์ของทางรีสอร์ตเองครับ นอกจากนี้ยังมีเบาะขนาดใหญ่สำหรับนอนพักผ่อนได้บริเวณหลังบ้าน เรียกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเลยทีเดียว
กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่ออกแบบที่เก็บของและเป็นอ่างล้างหน้าแบบ His&Her ครับแยกส่วนกัน จะได้มีความเป็นส่วนตัว
ถัดจากเดย์เบดนุ่มๆ ด้านในจะเป็นอ่างอาบน้ำกลางแจ้งที่รายล้อมด้วยใบไม้สีเขียวน้อยใหญ่ครับ เป็นความเพลินใจอย่างหนึ่งในการเข้าพักรีสอร์ตหรูที่มีอ่างอาบน้ำ เพราะกานต์ชอบแช่อ่างไป อ่านหนังสือหรือจิบไวน์ฟังเพลง เป็นการ Retreat ตัวเองรูปแบบหนึ่ง จากความเหนื่อยล้า ให้ร่างกายและจิตใจได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กานต์ว่าแต่ละคนก็มีวิธีการบำบัดตัวเอง (Self-therapy) ที่แตกต่างกันออกไป อย่างผมชอบไปอ่านหนังสือริมทะเล เป็นวิธีการพักผ่อนอย่างง่ายๆ ให้ผ่อนคลายสบายใจครับ
อ่านไปอ่านมา อ่าว!! หลับเฉยเลย 555
ส่วนด้านข้าง จะเป็นห้องสุขาครับ ออกแบบมาคล้ายถ้ำ กานต์ว่าเก๋ดี ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพื้นที่ส่วนตัว
เด็ดไปกว่านั้นคือการเจาะช่องหน้าต่าง เพื่อให้สามารถมองเห็นวิวทะเลขณะทำธุระส่วนตัวได้ด้วยครับ
เอาละ มาดูห้องนอน 2 กันบ้างครับ ไม่อยากเรียกว่าห้องนอนเล็ก เพราะไม่ได้เล็กเลยครับ กลับมีขนาดใหญ่พอๆ กับ Master Bedroom แถมยังแต่งสวยไม่แพ้กันเสียด้วย เปิดประตูบานเฟี้ยมมาจะเป็นชุดโซฟาสีส้มอ่อนๆ ชวนพักผ่อนมากครับ ถัดไปด้านในถึงจะเป็นเตียงนอน ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าไปเป็นมุมแต่งตัว ห้องน้ำ และ Outdoor Shower ครับ
วิวจากห้องนอน 2 เมื่อมองออกไปบริเวณด้านนอกครับ
กานต์ชอบการตกแต่งภายในวิลล่าของ Soneva Kiri มากครับ เป็นความเรียบง่ายที่หรูหรามากๆ คิดดูสิว่า ถ้าเป็นต่างชาติ ข้ามน้ำข้ามทะเลมา ต้องมากางมุ้งนอน แต่เป็นมุ้งแบบเตียงโบราณให้ความรู้สึกอลังการ (หรือจะไม่กางก็ได้ แต่ผมว่ากางมุ้งแล้วฟีลลิ่งดีกว่า) แม่บ้านจะมาเตรียมห้องนอนให้ในช่วงเย็นเวลาเทิร์นดาวน์ พอเอามุ้งลงแล้วกลายเป็นความหรูหรามากขึ้นไปอีก
ตอนเย็นแม่บ้านจะมาทำความสะอาดวิลล่าอีกรอบ คอยเตรียมน้ำดื่มวางไว้บริเวณหัวเตียง เอาม่านลง พร้อมกางมุ้งให้เสร็จสรรพ
บริเวณชั้นสองของวิลล่า จะเป็นมุมครอบครัวครับ มีโซฟาสีเทอวคอวยซ์ พร้อมหมอนเข้าชุดกัน หันหน้าออกไปทางระเบียง ซึ่งก็มีมุมให้นั่ง (อีกแล้ว) ระเบียงค่อนข้างกว้าง กานต์ว่าถ้าพักกันหลายคน เหมาะแก่การปาร์ตี้เบาๆ และถ้าเราจะมองวิวก็จะเห็นสระว่ายน้ำของบ้านทอดยาวไปจนถึงชายหาดครับ
ส่วนด้านในสุดของชั้นสองเป็นห้องครัว มี pantry เล็กๆ สำหรับเตรียมอาหาร จานชามแก้วมีให้ครบครันทุกอย่าง พร้อมบริการชา กาแฟ และผลไม้ครับ
เวลามีความสุข เห็นอะไรก็หิว น่าทานไปเสียหมดครับ
มาดูบริเวณพื้นที่ Outdoor กันบ้าง มีศาลามุงด้วยผ้าเต้นท์ให้อารมณ์ Glamping เบาๆ กานต์ชอบความเข้ากันในโทนสี เหลืองเขียว น้ำตาล ฟ้า ประมาณนี้เสียจริงๆ ดูคุมโทนดี ไม่หลุดเลย
ข้อดีของพูลวิลล่าและอากาศร้อนๆ คือ เราสามารถว่ายน้ำ นั่งๆ นอนๆ อยู่ริมสระได้ทั้งวันครับ มันเป็นความรู้สึกที่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก หลายคนเป็นเหมือนกัน บางทีก็ไม่ได้อยากจะว่ายน้ำหรอก แค่อยากได้สัมผัสกับความชุ่มช่ำก็น้ำ เท่านี้ก็เพียงพอต่อใจแล้ว
วิลล่าบางหลังจะมีสไลเดอร์ด้วย กานต์แอบไปเล่นมาครับ น่าจะเหมาะกับครอบครัวที่มีเด็ก ถ้าเล่นกันหลายคนก็สนุกดีนะครับ แอบแว๊บไปเล่นวิลล่าหมายเลข 21 มา เป็นวิลล่าขนาด 4 ห้องนอนครับ ใหญ่กว่านี้มาก
ขณะเดียวกัน วิลล่าของเราก็มีความพิเศษคือมีเดย์เบดพร้อมหาดทรายส่วนตัว ไว้ให้นอนอาบแดดได้อย่างสบายใจ
เรียกได้ว่า Soneva Kiri เป็นรีสอร์ตที่เหมาะแก่การพักผ่อนเสียนี่กระไรครับ เฉพาะในวิลล่าเราก็แทบไม่อยากออกไปไหนกันแล้ว แต่ก็ต้องไป เพราะ Chapter 3 กานต์จะพาไปเที่ยวหาดส่วนตัวของ Soneva Kiri ที่ North Beach เป็น Exclusive Beach เฉพาะแขกของ Soneva Kiri เท่านั้นครับ