Setthasiri (Wongwaen – Chatuchot)

Art Deco (อาร์ตเดโค) เป็นพัฒนาการทางของงานดีไซน์ที่เกิดขึ้นในทศวรรษที่ 1920 ที่ปารีส ฝรั่งเศส จุดเริ่มต้นมาจากนิทรรศการ “Exposition Internationale des Arts Decoratifs et Industriels Modernes” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อจัดแสดงแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ในแขนงมัณฑนศิลป์และประยุกต์ศิลป์

.

“𝐀𝐫𝐭 𝐃𝐞𝐜𝐨 𝐚𝐫𝐜𝐡𝐢𝐭𝐞𝐜𝐭𝐮𝐫𝐞 𝐢𝐬 𝐚 𝐭𝐢𝐦𝐞𝐥𝐞𝐬𝐬 𝐜𝐥𝐚𝐬𝐬𝐢𝐜 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐜𝐨𝐧𝐭𝐢𝐧𝐮𝐞𝐬 𝐭𝐨 𝐢𝐧𝐬𝐩𝐢𝐫𝐞 𝐝𝐞𝐬𝐢𝐠𝐧𝐞𝐫𝐬 𝐚𝐧𝐝 𝐚𝐫𝐜𝐡𝐢𝐭𝐞𝐜𝐭𝐬 𝐭𝐨𝐝𝐚𝐲.”

.

Michael A. Tomlan ผู้เขียนหนังสือชื่อ Art Deco Style ได้อธิบายไว้ว่า “สถาปัตยกรรมแบบอาร์ตเดโคคือความคลาสสิกเหนือกาลเวลาที่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบและสถาปนิกในปัจจุบัน”

.

Art Deco จึงถูกพัฒนามาเป็นรูปแบบของงานดีไซน์ที่ไร้กาลเวลาซึ่งสามารถเพิ่มความเย้ายวนใจและความซับซ้อนให้กับการออกแบบบ้าน โดดเด่นด้วยการใช้รูปทรงเรขาคณิต นำเสนอผ่านเส้นสายที่เรียบง่ายโค้งมนบ่งบอกถึงความรวดเร็ว ฉับไวและศักยภาพทางความคิดในการเป็นผู้นำ

.

ผนวกเข้ากับการเลือกใช้สีสันที่สดใส ไม่ว่าจะเป็นสีทอง สลับกับสีขาว ดำ ผสานกันอย่างลงตัว ทำให้สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยและความมีชีวิตชีวาภายในบ้าน กานต์คิดว่าสถาปัตยกรรมแบบ Art Deco เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพแวดล้อมในเมืองที่มีผู้คนเดินทางตลอดเวลาอย่างเช่นกรุงเทพฯ บ้านเรา

.

ดังนั้น บ้านดีไซน์ Art Deco จึงโดดเด่นด้วยความรู้สึกมั่งคั่ง การมองโลกในแง่ดีและความยิ่งใหญ่ เนื่องจากมีรากฐานมาจากความต้องการความหรูหรา เย้ายวนใจ สะท้อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมที่ไม่เหมือนใคร

.

เห็นได้จากงานดีไซน์ของโครงการ “เศรษฐสิริ วงแหวน – จตุโชติ” ที่กานต์เพิ่งได้ไปเยี่ยมชมมา พบว่ามีความน่าสนใจในการหยิบยกเอาหัวใจหลักของงาน Modern Art Deco มาใช้ในงานออกแบบบ้านและ Clubhouse ตลอดจนสร้างบรรยากาศภายในโครงการให้ดูมีเสน่ห์น่าสนใจ ราวกับได้ย้อนไปในยุคที่นำเสนอเรื่องราวความหรูหรา ทว่า แต่งเติมความคลาสสิคลงไปให้เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น

.

ไปชมภาพที่กานต์ถ่ายมาฝากกันพร้อมกับอ่านเรื่องราวต่อในแคปชั่นด้านในได้เลยครับ อ่อ!! สำหรับคนที่สนใจโครงการเศรษฐสิริ วงแหวน – จตุโชติ ตอนนี้ทางโครงการเปิดให้เข้าชมบ้านตัวอย่างจริงแล้วครับ

.

สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติม และลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่นี่เลยครับ http://siri.ly/ITuMAT8

#Setthasiri#PortraitOfSuccess#Sansiri

โครงการ เศรษฐสิริ วงแหวน – จตุโชติ ตั้งอยู่บนถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา เนื้อที่โครงการ 50 ไร่เศษ

.

รังสรรค์เป็นโครงการบ้านเดี่ยวดีไซน์ Modern Art Deco แห่งแรกของแบรนด์เศรษฐสิริ บนขนาดที่ดิน 100 ตร.วา ขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 149 ยูนิตเท่านั้น

โครงการตั้งอยู่บนทำเลที่ดีมาก เพราะอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนพิเศษฉลองรัช ช่วงรามอินทรา–อาจณรงค์ (ด่านจตุโชติ) ประมาณ 2.4 กม. สามารถวิ่งเข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวกรวดเร็วใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น*

ไม่ว่าจะเป็นลาดพร้าว ทองหล่อ เอกมัย หรือจะเข้าเมืองฝั่งพระราม 9 อโศก รัชดาภิเษกก็สะดวก

ทั้งยังสามารถวิ่งไปยังถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกมุ่งหน้าบางปะอินหรือบางนาได้ทันที กานต์ลองจับเวลาดูแล้วว่า สามารถขับรถไปยังสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิใช้เวลาประมาณ 30 นาที*

ทำเลที่ตั้งของโครงการรายล้อมไปด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้าพรอมมานาด คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านสะดวกซื้อ

มีสถานพยาบาล อาทิ โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา โรงพยาบาลอินทรารัตน์ โรงพยาบาลสายไหมและโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี

มีสถานศึกษาชั้นนำ อาทิ โรงเรียนสาทิตพัฒนา โรงเรียนนานาชาติกีรพัฒน์ โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี ฯลฯ

รอบโครงการเป็น Residential พื้นที่พักอาศัยที่ไม่พลุกพล่าน โครงการอยู่ห่างจากถนนหลักเข้าไปประมาณ 400 เมตร จัดทำเป็นสวนด้านหน้าและมีแนวต้นไม้ใหญ่ทำหน้าที่ให้ความร่มรื่นและคอยเป็น Buffer ช่วยป้องกันเสียงได้ด้วย ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะกับการพัฒนาเป็นที่พักอาศัยที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง

ออกแบบโดยเน้นฟังก์ชันการพักอาศัยที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด ทัศนียภาพภายในโครงการมีความสวยงาม ผ่อนคลาย ด้วยดีไซน์แบบ Modern Art Deco

ด้านหน้าตกแต่ง Main Gate ในสไตล์ Modern Art Deco เน้นสีดำขลิบด้วยสีทองดูหรูหราพร้อมกับมีป้ายชื่อโครงการติดตั้งอยู่ด้านหน้า พื้นที่โดยรอบปลูกต้นไม้นานาพันธุ์เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว เติมเต็มความสดชื่นให้หายเหนื่อยทันทีที่กลับมาถึงบ้าน

เมื่อมาถึงด้านหน้าโครงการจะพบกับการรักษาความปลอดภัยแบบ Double Gate Security โดยมีจุดแรกบริเวณด้านหน้าเป็นป้อมรปภ.

ทางเข้าออกจะเป็นประตูเลื่อนอัตโนมัติลูกบ้านใช้ระบบ Key Card Access ส่วน Visitor แบบเรา ต้องแลกบัตรกับทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก่อนเข้าโครงการครับ

ทั้งยังติดตั้ง CCTV 39 จุดรอบโครงการ รั้วโครงการสูง 3 เมตร มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อดูแลให้ลูกบ้านอุ่นใจ

เมื่อเข้าไปภายในโครงการ บรรยากาศแวดล้อมโดยรอบมีความสงบเงียบดีมากครับ Clubhouse มองเห็นได้ตั้งแต่เข้ามาจาก Main Gate จึงเหมาะสำหรับเป็นพื้นที่ต้อนรับแขก

Clubhouse 2 ชั้นสไตล์ Art Deco ที่ดูสวยงามโดดเด่นมาแต่ไกล การเลือกใช้สีจะสดใสจัดจ้านด้วยสีเหลืองทอง ที่มีรายละเอียดของการออกแบบชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะ Facade ด้านหน้า เรียกได้ว่าสร้างความประทับใจในทันทีที่ได้พบเลยครับ

เมื่อเข้ามาด้านในจะพบกับโถงนั่งเล่นขนาดใหญ่ ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสไตล์ Art Deco การเลือกเฟอร์นิเจอร์และวัสดุตกแต่งนำเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อให้สะท้อนสไตล์ได้ชัดเจนที่สุด

เรียกได้ว่าผ่านกระบวนการคิดมาแล้วในทุกมิติ โดยเฉพาะการรังสรรค์วัสดุชั้นเยี่ยมนำมาใช้ ผสานเข้ากับอัตลักษณ์ของศิลปะ และการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาอำนวยความสะดวก

ชั้นล่างจัดวางที่นั่งเป็นโซฟาทรงโค้งเข้ามุมสีน้ำเงินสดใส ซึ่งผมชอบมากเพราะเป็นสีคู่ตรงข้ามของสีเหลืองทอง เปิดรับวิวบรรยากาศสวนและสระว่ายน้ำภายนอก

ด้านในก่อนขึ้นบันไดไปชั้นบน จัดวางที่นั่งอีกหนึ่งจุด สำหรับรองรับการใช้งานของลูกบ้านและแขกที่เรานัดมาพบปะกันที่นี่กรณีที่เราไม่ต้องการให้แขกเข้าไปภายในโซน Residential เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวของการพักอาศัย ถือเป็นข้อดีของการที่จัดให้มี Clubhouse อยู่โซนด้านหน้าทางเข้าโครงการเลยครับ

บริเวณนี้ยังมีประตูเชื่อมออกไปยังห้องทำงานนิติบุคคลด้านหลังและอีกฝั่งเป็นประตูเปิดไปสู่สระว่ายน้ำ

Clubhouse เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ จัดเอาไว้ด้านหลังเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวเป็นพื้นที่สงวนสิทธิ์สำหรับลูกบ้านเท่านั้น เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือแบ่งเป็น 2 สระแบบเล่นระดับ โดยสระผู้ใหญ่ ขนาด 5.5 x 16.8 เมตร พร้อมและสระเด็ก

โดยรอบจัดพื้นที่สำหรับพักผ่อนแบบ Outdoor เอาไว้โดยรอบ วางเก้าอี้นั่งพักผ่อนและ Sunbed สำหรับนอนเล่นในช่วงเย็นๆ ตอนที่ตะวันใกล้ลับขอบฟ้า

มีที่นั่งกลางแจ้งสีสันสดใดอยู่ใกล้ๆ จัดไว้สำหรับให้เหล่าคุณแม่จับกลุ่มพูดคุยกันระหว่างที่รอเด็กๆ กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน หรือใช้เป็นมุมนั่งอ่านหนังสือได้

ชั้นบนขึ้นจากบันไดเหล็กเดินวนให้อารมณ์วินเทจนิดๆ มี Co-Working Space ให้นั่งทำงานแบบส่วนตัว มีการจัดวางที่นั่งแบบกระจายกันไปตามความต้องการทั้งเดี่ยว คู่และแบบหมู่คณะ

ชั้นบนออกแบบให้เป็นพื้นที่สำหรับลูกบ้านได้มานั่งพักผ่อน อ่านหนังสือหรือพูดคุยกัน

หากใครต้องการความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น สามารถเข้าใช้ Meeting Room เพื่อประชุมหรือพรีเซนต์งานได้ โครงการจัดไว้รองรับการใช้งานของลูกบ้านแล้วครับ

ชั้นบนของ Clubhouse ยังเป็นที่ตั้งของฟิตเนสด้วยครับ บรรยากาศโล่งๆ ดีมาก ภายในมีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน ทั้งแบบ Cardio และ Weight Training Machine

แต่ที่ผมชอบคือการจัดวางลู่วิ่งไฟฟ้าให้หันหน้าออกไปทางสวนต้นไม้มองผ่านกระจกใสมีแสงลอดผ่านรับวิตามินดีเบาๆ ยามเช้า บรรยากาศดูแล้วสดชื่นดีเวลาที่เห็นต้นไม้สีเขียวๆ ระหว่างที่เรากำลังวิ่งออกกำลังกาย ช่วยให้หายเหนื่อยได้ครับ

สวนสาธารณะภายในโครงการมีขนาดใหญ่มาก กินพื้นที่โดยรวมประมาณ 1 ไร่ และยังมีสวนอีกจุดซึ่งอยู่ด้านในโครงการด้วย

การออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง จัดวางสวนและ Clubhouse ให้เชื่อมต่อกันตามความสนใจของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัว เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ในบรรยากาศที่ร่มรื่น

ภายในสวนประดับด้วยไม้ดอกไม้พุ่ม พร้อมต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อให้ร่มเงา เราจะพลอยนึกไปถึงบรรยากาศในช่วงเย็นๆ น่าจะเป็นเวลาที่ลูกบ้านพากันมาออกกำลังกาย เดินเล่นพักผ่อนใช้เวลาร่วมกันในบรรยากาศสบายๆ หลังเลิกเรียนหลังเลิกงาน

ด้านในมี Pavilion เป็นศาลาดีไซน์ Art Deco สำหรับนั่งพักผ่อนบนสนามหญ้า เหมาะสำหรับชมสวน จิบชายามบ่าย พูดคุยกันในบรรยากาศสบายๆ

ติดกันเป็น Playground สนามเด็กเล่นกลางแจ้ง ติดตั้งเครื่องเล่นเพื่อความสนุกสนานและเสริมพัฒนาการเด็ก ตลอดจนคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยด้วยการออกแบบให้เป็นพื้นยางเพื่อลดแรงกระแทก

อีกทั้งยังออกแบบให้มี Walk Way ขนาดกว้างเพื่อรองรับการใช้รถเข็นวีลแชร์ กรณีที่บ้านมีเด็กหรือผู้สูงอายุก็สามารถเข็นออกมาเดินเล่นรับลมตอนเย็นๆ ได้เช่นกัน

แบบบ้านของโครงการมีด้วยกัน 4 แบบ ที่กานต์พามาชมในครั้งนี้เป็นบ้านหลังใหญ่สุด RENE 04 ขนาดที่ดินเริ่มต้น 126.1 ตร.วา ขนาด 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ Living Area พร้อมพื้นที่รับประทานอาหาร Family Area ขนาดใหญ่

หน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 4 คัน พร้อมห้องนอนแม่บ้านด้านหลัง จึงเหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ที่อยู่กัน 3 Generations หรืออาจจะปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นภายในให้เหมาะสมกับการใช้งานและไลฟ์สไตล์ลูกบ้านก็ได้เช่นกันครับ

ลักษณะการออกแบบบ้านของโครงการนี้ จะเป็นดีไซน์ Modern Art Deco ซึ่งผสมผสานความคลาสสิคในยุค 20s เข้าไปกับความร่วมสมัยในยุคปัจจุบัน

เราจึงได้เห็นงานออกแบบที่มีเอกลักษณ์ของเส้นสายที่โค้งมนนำเสนอความอ่อนช้อย การย่อมุมและประดับบัวหัวเสา การเลือกใช้วัสดุที่เป็นโลหะสีดำเข้มมาประกอบทำเป็นราวกันตก พร้อมด้วยกระจกเขียวตัดแสงเพื่อลดทอนความแข็งกระด้างของบ้านลงไปได้

โครงสร้างของตัวบ้านใช้การก่อสร้างเป็นระบบพรีแคสต์ ตัวบ้านเลือกใช้เป็นสีขาวทริมขอบและจุดเด่นของบ้านที่ต้องการไฮไลท์ด้วยสีเทาเข้ม ออกแบบมาเป็นบ้านหน้ากว้างที่จัดวางฟังก์ชันภายในไว้ได้อย่างน่าสนใจ ดูแล้วมีความร่วมสมัยด้วยสีขาว สีเทา สีดำ ทำให้เกิดเฉดเงาการตกกระทบของแสงได้อย่างน่าสนใจ

หลังคาเป็นแบบ Lean To คือมีลักษณะเป็นแนวลาดลงล้อมด้วยขอบอาคารยกสูง ปิดผิวด้วยเมทัลชีท ซึ่งข้อดีก็คือทำให้ระบายน้ำได้ดีเมื่อยามฝนตก ทั้งนี้บนหลังคาได้มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 1.84 กิโลวัตต์ให้ด้วยครับเพื่อช่วยในการประหยัดพลังงานนั่นเอง

หน้าบ้านเป็นบริเวณลานจอดรถสามารถจอดได้ 4 คัน โครงการได้วางระบบ Wallbox ในการติดตั้ง EV Charger เป็นระบบไฟฟ้า 3 เฟสแบบ 50/150 เพื่อรองรับสำหรับบ้านไหนที่มีรถยนต์ไฟฟ้า โครงการได้ลงเสาเข็มลึกเท่าตัวบ้านเพื่อป้องกันการทรุดเอาไว้ให้แล้ว พื้นเป็นทรายล้างตามแบบบ้านตัวอย่างเลยครับ

มีประตูบานเล็กสำหรับเข้าบ้านผ่านทางลานจอดตรงเข้าสู่ครัวโซนด้านหลังบ้านได้ทันทีนับว่าสะดวกมาก ออกแบบให้เป็นทางลาดสำหรับการใช้รถเข็นวีลแชร์ด้วย

นอกจากนี้ยังได้ติดตั้ง Digital Door Lock เอาไว้ให้แล้ว รั้วทางเข้าบ้านเป็นประตูเหล็กรางเลื่อนซึ่งโครงการได้ติดตั้งมอเตอร์สำหรับทำเป็นรางเลื่อนไฟฟ้าไว้ให้แล้วด้วยครับ

Main Entrance ของตัวบ้าน สามารถเดินจากลานจอดรถเข้ามาได้เช่นกัน สถาปนิกออกแบบให้มีชายคากันแดดกันฝนยื่นออกมานับว่าสะดวกดีมาก

ติดตั้งประตูบานอลูมิเนียมปิดผิวลายไม้แบบบานคู่ สามารถเปิดออกพร้อมกันได้ ทำให้สะดวกในการขนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่เข้าบ้าน ประตูและผนังหน้าบ้านบางส่วนกรุด้วยกระจกใสตัดแสง เป็นการช่วยเปิดช่องแสงให้กับบ้านดูสว่างได้ตลอดทั้งวัน ติดตั้ง Magnetic & Motion Sensor ที่ประตูชั้นล่างเอาไว้ให้แล้วครับ

เมื่อได้เข้ามาชมภายในบ้านและรับฟังเรื่องราวก็ยิ่งรู้สึกประทับใจในความเรียบโก้หรู การออกแบบที่เห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่างานดีเทลดีมากเลยครับ ภายในตัวบ้านชั้นล่างเราจะแบ่งแยกออกเป็น 4 โซนเพื่ออธิบายได้ง่ายขึ้น

ทันทีที่เราเปิดประตูบ้านเข้าไปด้านในจะเป็นโถงต้อนรับขนาดใหญ่แบบ Double Volume สูง 6.3 เมตร บริเวณหน้าบ้านสำหรับรับรองแขก

บ้านตัวอย่างปูพื้นด้วยกระเบื้องลายตัดขาวดำ ให้ความรู้สึกแบบวินเทจนิดๆ ตกแต่งภายในเน้นความเรียบหรูด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวครีม เพิ่มความมันวาวด้วยวัสดุสีทองอร่ามด้วยแชนเดอร์เลียและราวบันไดสีดำ สามารถจัดวางตู้รองเท้าเพิ่มเติมได้ มองขึ้นไปเห็นพื้นที่เชื่อมต่อจากชั้นล่างและชั้นบน

บริเวณด้านหน้าออกแบบให้มีห้องนอนรองชั้นล่าง ซึ่งสะดวกมากสำหรับบ้านที่อยู่กันหลายเจนเนอเรชั่น เพราะสามารถปรับเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุได้ หรือจะใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ก็ได้เช่นกัน

ห้องนี้มีขนาดกว้างขวาง ภายในห้องสามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่และยังมีพื้นที่รอบเตียงเดินได้สบายเลยครับ หัวเตียงจัดวางโต๊ะเตี้ยและโคมไฟประดับ มาพร้อมกับวิวสวนสีเขียวด้านข้างซึ่งผู้สูงอายุสามารถเปิดประตูออกไปชมสวนสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าแบบส่วนตัวได้

ห้องนี้จึงเหมาะสำหรับปรับเป็นห้องนอนผู้สูงอายุเนื่องจากออกแบบมารองรับการใช้งานให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้ประตูทางเข้าห้องนอนและประตูห้องน้ำจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ เพื่อรองรับการใช้งานรถเข็นวีลแชร์ได้ในกรณีที่จำเป็น ส่วนที่บริเวณหน้าห้องน้ำ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่และสามารถเก็บของได้ในตัว

ห้องนอนนี้ปูพื้นแบบ Absorbtion Floor เพื่อรองรับการกระแทก ส่วนภายในห้องน้ำจะปูพื้นเรียบเสมอไปกับพื้นห้องไม่มีธรณีประตูให้เดินสะดุด ภายในติดตั้งอ่างล้างมือพร้อมกระจกเงาบานใหญ่เต็มผนัง และยังสามารถจัดวางที่นั่งภายในพื้นที่อาบน้ำเพิ่มเติมได้

ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่พักผ่อนและต้อนรับแขกไปในตัว บ้านตัวอย่างตกแต่งได้หรูหรามีระดับ เน้นความโอ่อ่ากว้างขวางของการอยู่อาศัย ในบรรยากาศที่อบอุ่น โอบล้อมด้วยธรรมชาติผ่านกระจกใสที่รายรอบบ้าน โดยจัดวางชุดโซฟาสีขาวครีมขนาดใหญ่หลายที่นั่งกระจายกันไปพร้อมงานเก้าอี้ดีไซน์สวย

ทั้งนี้เราสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการ เพราะโครงการให้ความสำคัญกับการสร้างปฏิสัมพันธ์ของคนทุกรุ่นในครอบครัว

ส่วนตัวผมชอบการออกแบบจัดวางเฟอร์นิเจอร์และการประดับตกแต่งของบ้านตัวอย่างอีกหลังที่ดีไซน์คลาสสิคจึงเน้นโทนสีขาวครีมตัดด้วยสีดำดูเรียบเก๋ สไตล์ผู้ดีอังกฤษ

บ้านตัวอย่างจัดวางชุดโซฟาที่นั่งไว้หลากหลายรองรับได้ทุกความต้องการเช่นกัน ท่ามกลางบรรยากาศของสวนสวยสีเขียวรอบบ้านที่เปิดโล่งผ่านหน้าต่างที่เป็นกระจกใส ทำให้เป็นไอเดียที่น่าสนใจสำหรับใครที่ซื้อบ้านแล้วอยากตกแต่งในแบบที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ความชอบของตัวเองนะครับ

ด้วยความที่ Common Area ออกแบบได้เป็นแนวกว้างขนานไปกับตัวบ้านด้านใน ทำให้ชั้นล่างของบ้านดูค่อนข้างโล่งและโปร่งสบายด้วยการเปิดช่องแสงธรรมชาติโดยรอบทำให้บ้านสว่างได้ตลอดทั้งวันเป็นการประหยัดไฟไปในตัว เปิดมุมมองที่กว้างกว่าบ้านทั่วไปและยังให้ความเป็นส่วนตัวได้มากกว่า

พื้นชั้นล่างด้านในปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนแผ่นใหญ่ ประกอบกับบ้านตัวอย่างตกแต่งโทนสีขาวสีครีม เข้ากันดีกับสีเอิร์ธโทนของเฟอร์นิเจอร์และสีเขียวของต้นไม้ด้านนอก ก็ช่วยให้บ้านดูอบอุ่นน่าอยู่

Dining Area จัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 8 ที่นั่งซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่มากและยังสามารถจัดเพิ่มได้เพราะมีพื้นที่บริเวณนี้รองไว้อย่างเพียงพอ และยังเชื่อมต่อกับพื้นที่สวนด้านหลังบ้านสามารถติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวและเตาบาร์บีคิวเพื่อทำเป็นมุมปาร์ตี้โดยใช้พื้นที่ภายนอกและภายในไปพร้อมกันได้

ถ้าสังเกตให้ดีจะพบรายละเอียดในการออกแบบที่น่าสนใจและแตกต่างจากบ้านโครงการอื่นทั่วไป คือบ้าน เศรษฐสิริ วงแหวน – จตุโชติ จะมีบรรยากาศรายล้อมภายในบ้านด้วยกระจกใสบานใหญ่ ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในได้เต็มที่ ทั้งนี้เราสามารถเปิดประตูออกไปสู่ลานกว้างภายนอกบ้านด้านหลังได้

พื้นที่บริเวณนี้ยังสามารถออกแบบให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่แตกต่างกันของสมาชิกแต่ละคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดสวน จัดวางเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งสำหรับนั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือหรือจัดทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวพร้อมเตาบาร์บีคิว หรือจะสร้างเป็นสระว่ายน้ำแบบ Pool Villa เพิ่มเติมก็ได้ ให้อารมณ์เหมือนพักผ่อนอยู่รีสอร์ตใจกลางกรุงแบบส่วนตัวเลยทีเดียวครับ 

Dining Area เชื่อมต่อโต๊ะรับประทานอาหารกับ Pantry และมีครัวไทยที่อยู่ถัดเข้าไปด้านใน จริงๆ แล้วบริเวณนี้จะเป็นพื้นที่โล่ง

ทว่าบ้านตัวอย่างจัดวางเคาน์เตอร์ พร้อมเก้าอี้สตูลทรงสูงสำหรับนั่งซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดูอบอุ่นสบายๆ นึกไปถึงตอนเช้าที่เด็กๆ กำลังเตรียมตัวจะไปเข้าโรงเรียนก็ต้องมีการเติมพลังกันหน่อย โดยคุณแม่และแม่บ้านกำลังง่วนเลยกับการจัดเตรียมอาหารเช้า

ถัดไปด้านในจะเป็นที่นั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์ของคุณพ่อ เป็น Nook ที่มาพร้อมกับเฉลียงยื่นออกไปเล็กน้อย เพื่อเปิดมุมมองที่กว้างไกลได้มากกว่าสำหรับผู้บริหารตัวจริง

เราสามารถเปิดรับแสงแรกของวันที่ค่อยๆ ส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกใส ผมนึกภาพตามแล้วพลอยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น บรรยากาศสบายๆ ของสมาชิกทุกคนในครอบครัว

ติดกันเป็นทางเข้าห้องครัวไทยขนาดใหญ่แบบปิดที่แยกไว้ด้านหลังอย่างเป็นสัดส่วน ทางโครงการได้ติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวของ Starmark ครบชุด เตาแก๊สแบบ 4 หัวพร้อมเครื่องดูดควันของ TEKA

มาพร้อมกับอ่างล้างจานแบบ 2 หลุมที่สามารถเปิดหน้าต่างบานสไลด์ช่วยระบายอากาศได้ พร้อมตู้เก็บของบานปิดบนและล่างมาให้แล้ว

เชื่อมต่อกับ Maid Plaza พื้นที่หลังบ้าน ลานซักล้าง ส่วนด้านในสุดจะเป็นห้องนอนแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว

บริเวณ Common Area จะมีห้องน้ำแบบ Powder Room ไว้ให้เรียบร้อยครับ ดูหรูหราด้วยกระเบื้องปูพื้นลายขาวดำและผนังเป็นหินอ่อนที่ประดับประดาห้องน้ำให้ดูเป็นหน้าเป็นตามากขึ้น เพราะจะเป็นห้องน้ำที่รองรับแขกด้วยครับ มาพร้อมกับสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติ แต่จะไม่มีโซนสำหรับอาบน้ำ

ห้องน้ำมีขนาดใหญ่ ผมชอบรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของงานออกแบบที่สอดแทรกมาให้ คือการเปิดช่องแสงเล็กๆ จากหน้าบ้านเพื่อให้ห้องน้ำดูสว่างและสามารถเปิดบานกระทุ้งออกเพื่อระบายอากาศ ไล่ความชื้นได้

บริเวณโถงบันไดเปิดช่องแสงจากภายนอกเป็นกระจกใสบานสูงจรดฝ้าเพดานชั้นบน ทำให้บ้านดูโปร่งโล่งและมีแสงสว่างในตอนกลางวัน จนไม่จำเป็นต้องเปิดไฟในจุดนี้

อย่างไรก็ดีแนะนำให้ติดตั้งผ้าม่านเพิ่มครับหากต้องการปรับแสงและเพิ่มความเป็นส่วนตัว หากใครต้องการเพิ่มความสวยหรูให้กับโถงบันได ผมแนะนำให้ติด Chandelier เป็นคริสตัลพวงยาวรูปแบบเกลียวเหมือนบ้านตัวอย่าง พอผมเห็นแล้วรู้สึกได้ทันทีคือความเรียบหรูโก้ที่ช่วยเพิ่ม Charisma ให้กับบ้านได้
บันไดติดตั้งราวจับเป็นไม้และโครงเหล็ก ช่วยให้บ้านดูโปร่ง มีดีเทลความโค้งมนของราวกันตกรับกันดีกับดีไซน์ของตัวบ้าน

โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กมีลูกตั้งลูกนอนวัสดุเป็นไม้ยางพาราประสาน ให้สัมผัสเหมือนไม้จริงครับ

ขึ้นไปบนชั้นบนกันบ้างครับ บริเวณตรงกลางบ้านเป็นโถงความสูงของพื้นถึงเพดานชั้น 2 อยู่ที่ 2.85 เมตร พื้นปูด้วย Hybrid Engineered Wood ลายไม้ให้ความรู้สึกถึงสัมผัสของธรรมชาติ

จัดวางที่นั่งสำหรับสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น เพราะถือว่าชั้นนี้เป็นพื้นที่ Family Area ครับ เนื่องจากจะมีเพียงห้องนอนเท่านั้น และยังอยู่ใกล้กับห้องนอนรองทั้ง 3 ห้องทำให้เด็กๆ สามารถมานั่งทำการบ้าน นั่งเล่น iPad ด้วยกันที่บริเวณนี้ได้

งานออกแบบโครงสร้างภาพรวมของบ้านที่ได้รับอิทธิพลมาจาก Modern Art Deco ซึ่งมีเอกลักษณ์คือเน้นดีไซน์ของเส้นสายและเหลี่ยมมุม

ดังนั้น สถาปนิกจึงต้องสอดแทรกความนุ่มนวลของฟอร์มทรงกลมของเฟอร์นิเจอร์เข้ามาลดทอนน้ำหนักและช่วยทำให้บ้านดูอบอุ่นน่าอยู่ยิ่งขึ้นครับ

บริเวณ Family Area ฝั่งด้านหน้าบ้านจะมีประตูเปิดออกสู่ระเบียง เราสามารถออกไปยืนสูดอากาศบริสุทธิ์และจิบกาแฟยามเช้า ให้เราเกิดความรู้สึกสบายใจเมื่อได้มองเห็นวิวธรรมชาติภายนอก โดยเฉพาะพื้นที่สีเขียวที่อยู่รายรอบบ้าน และเป็นการเปิดช่องแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในบ้านได้อีกหนึ่งช่องทาง

โครงการออกแบบให้ทุกห้องเป็นแบบ En Suite Bedroom คือมีห้องน้ำส่วนตัวให้ทุกห้อง ห้องนอนรองห้องแรกอยู่โซนหน้าบ้านทางด้านขวา ให้ความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศที่เปิดโล่งด้วยช่องแสงขนาดใหญ่ผ่านประตูกระจกใส

ภายในตกแต่งโทนสีชมพูโอรส บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างโปร่งด้วยช่องแสงที่เปิดออกหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหัวเตียงซึ่งหันไปทางข้างบ้าน และระเบียงด้านข้างเตียงที่สามารถเปิดออกไปได้

ภายในห้องนอนจัดวางเตียงนอนไว้ด้านใน หัวเตียงประดับด้วยโคมไฟสำหรับอ่านหนังสือ ฝาผนังด้านข้างประดับกระจกเงาบานเล็กส่วนปลายเตียงติดตั้งคาร์บิเน็ตเตี้ยสำหรับจัดวางทีวีเราสามารถติดตั้งสมาร์ททีวีจอใหญ่ได้เลยเพราะมีระยะในการรับชมค่อนข้างกว้างนอนชมได้จากบนเตียง

ด้านในเป็นมุมแต่งตัวมีพื้นที่สำหรับติดตั้งตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดีครับ มาพร้อมกับห้องน้ำที่แยกส่วนเปียกแห้งมาให้แล้ว

ชั้นสองมีห้องนอนรองอีกห้องอยู่โซนด้านหลัง บ้านตัวอย่างตกแต่งเป็นห้องอเนกประสงค์ อย่างที่บอกไปว่าสถาปนิกออกแบบให้เป็น Open Plan ให้เราปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้ตามใจ

สามารถออกแบบให้เป็นมุมสำหรับทำกิจกรรมร่วมกันภายในบ้าน เราสามารถใช้ห้องนี้เป็นพื้นที่ทำงาน อ่านหนังสือ หรือเป็นห้องสมุด สำหรับสมาชิกในครอบครัว หรือจะปรับเป็น Entartainment Room ก็ได้เช่นกัน ตามแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัว

เพราะเอาเข้าจริงสมาชิกในแต่ละครอบครัวล้วนมีหลากหลายเจนเนเรชั่น การออกแบบจึงต้องให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของส่วนรวมทุกคน แต่ยังคงไว้ซึ่งการออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนตัวภายในบ้านอยู่ จนดูเป็นการเชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกของสมาชิกทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

เป็นโจทย์ที่สถาปนิกแก้คำตอบมาให้ได้ดีมากครับ ภายในห้องนี้มีห้องน้ำในตัว ออกแบบแยกส่วนเปียก-แห้งชัดเจน

ติดกันมีห้องนอนรองอีกหนึ่งห้องการจัดวางผังห้องที่เชื่อมต่อกัน เพื่อสร้างความผูกพันในครอบครัว ห้องนี้ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีขาว สีครีมและสีดำ

ภายในห้องจัดวางฟังก์ชันไว้ครบ เริ่มจากเตียงนอนที่อยู่บริเวณด้านหน้า สามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้สบายเลยครับ หัวเตียงเปิดช่องแสงไว้เล็กน้อยพร้อมกับจัดวางโคมไฟส่องสว่าง

ด้านในออกแบบให้เป็นมุมแต่งตัว จัดวางโต๊ะเครื่องแป้งไว้หน้าห้องน้ำซึ่งภายในแยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วเช่นกันครับ

ห้องนอนหลักมีขนาดกว้างมาก กินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของตัวบ้านปีกขวา แบ่งฟังก์ชันการใช้สอยภายในห้องได้หลากหลายและลงตัวดีครับ

ผมชอบในการลงรายละเอียดของการออกแบบก็คือมี Sitting Area เปิดพื้นที่ด้านข้างเตียงเพิ่มแล้วติดตั้งอาร์มแชร์สำหรับนั่งอ่านหนังสือบริเวณชั้นวาง ส่วนปลายเตียงจัดให้มีที่นั่งสำหรับชมทีวี หรือจะเป็นพื้นที่สำหรับเอกเขนกได้ตามใจ อาจจะติดตั้งโต๊ะทำงานเพิ่มเติมได้สำหรับผู้บริหารที่ต้องทำงานตอนเช้าหรือเคลียร์งานช่วงก่อนนอน

อีกทั้งยังสามารถเปิดประตูออกไปตรงบริเวณระเบียงเพื่อสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าหลังตื่นนอนก็ได้เช่นกัน

การออกแบบจะเน้นความโปร่งสบาย เนื่องด้วยขนาดพื้นที่ใหญ่อย่างที่บอกไปและภายในห้องเปิดช่องแสงจากธรรมชาติภายนอกโดยรอบ ตอนนอนอาจจะต้องติดตั้งม่านทึบแสงหลายจุดหน่อย แต่ถือว่าดีมาก เพราะได้แสงส่องสว่างเข้าตลอดทั้งวันโดยแทบไม่ต้องเปิดไฟ

ภายในห้องแบ่งฟังก์ชั่นออกเป็น 2 ส่วน ด้านขวาจะเป็นส่วนพักผ่อนบ้านตัวอย่างจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่คิงส์ไซส์ได้เลยครับ หัวเตียงจัดวางโคมไฟส่องสว่างสำหรับอ่านหนังสือก่อนนอน

ส่วนด้านในสุดเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet รายล้อมด้วยตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่สูงจรดเพดานพร้อม Island ตรงกลางสำหรับจัดวางเครื่องประดับ เป็นห้องแต่งตัวที่ดูหรูหรามาก ด้านในมีโต๊ะเครื่องแป้งที่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามา

ขณะที่ Master Bathroom จะอยู่อีกฝั่งซึ่งมีขนาดค่อนข้างกว้าง แยกส่วนการใช้งานแบบเปียกแห้งมาให้เรียบร้อยแล้ว ภายในมีอ่างล้างหน้าแบบ His & Her แยกกันระหว่างคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงพร้อมกระจกเงาบานใหญ่

ใกล้กันเป็นสุขภัณฑ์แบบ Washless ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ของ Shower และอ่างอาบน้ำ แต่ที่เราชอบคือออกแบบให้เชื่อมต่อกับพื้นที่แต่งตัวแบบ Walk in Closet ชนิดที่ว่า ออกจากห้องน้ำมาก็เดินเข้าห้องแต่งตัวได้ทันที ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและสะดวกมากครับ

“Art Deco architecture is a reminder of a time of optimism and progress.”

Elizabeth Cromley นักเขียนงานด้านสถาปัตยกรรมสรุปไว้ได้ดีมากว่า อาร์ตเดโคเป็นเครื่องเตือนใจถึงช่วงเวลาแห่งการมองโลกในแง่ดีและมองไปข้างหน้า เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ความสวยงามหรูหราคลาสสิคของสไตล์ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนเช่นนี้ก็ยังคงอยู่

สามารถมาสัมผัสความหรูหราของงานดีไซน์ Modern Art Deco ได้ที่โครงการเศรษฐสิริ วงแหวน-จตุโชติ ที่นำเสนอสไตล์ผ่านบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ขนาดที่ดิน 100 ตร.วาขึ้นไป ที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึงฟังก์ชันในการพักอาศัยที่สะดวกสบาย รองรับการพักอาศัยของคนในทุกเจนเนอเรชัน และตั้งอยู่บนทำเลที่เชื่อมต่อกับการเดินทางสามารถเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับคนที่สนใจโครงการเศรษฐสิริ วงแหวน – จตุโชติ ตอนนี้ทางโครงการเปิดให้เข้าชมบ้านตัวอย่างจริงแล้วครับ

สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติม และลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่นี่เลยครับ http://siri.ly/ITuMAT8

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน