MASTERS OF THE 150TH: AN EPICUREAN JOURNEY

เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ

เนื่องในวาระที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ กำลังก้าวเข้าสู่การเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปี ในปี พ.ศ. 2569 แคมเปญ“Masters of the 150th: An Epicurean Journey” จึงเปิดตัวขึ้นในฐานะหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของ UnfoldingLegacies โปรแกรมแห่งการเฉลิมฉลองที่สะท้อนรากฐานและอัตลักษณ์ของโรงแรมผ่านการรวมตัวของเชฟระดับแนวหน้าจากนานาประเทศ เพื่อร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของอาหาร งานฝีมือ และมรดกทางวัฒนธรรมด้วยมุมมองร่วมสมัยที่ให้คุณค่ากับรายละเอียดและความหมายในทุกจาน

กรุงเทพฯ, 16 ธันวาคม 2568 – ในโอกาสที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ
กำลังก้าวเข้าสู่การเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปี ในปี พ.ศ. 2569 โรงแรมได้เปิดบทใหม่ของเรื่องราวอันทรงคุณค่า
ที่สะท้อนมรดกและอัตลักษณ์ซึ่งสั่งสมมายาวนาน ควบคู่ไปกับการมองสู่อนาคตด้วยวิสัยทัศน์และจินตนาการ
ในฐานะโรงแรมหรูแห่งแรกของประเทศไทย โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ได้เปิดตัว Unfolding
Legacies โปรแกรมแห่งประสบการณ์อันน่าจดจำตลอดทั้งปี ที่ร้อยเรียงวัฒนธรรม งานฝีมือ
และอิทธิพลทางวัฒนธรรมของสายน้ำเจ้าพระยา เข้าด้วยกันอย่างมีความหมาย
ศิลปะการปรุงอาหารคือหนึ่งในใจความสำคัญแห่งการเฉลิมฉลองนี้ Masters of the 150th: An Epicurean
Journey รวบรวมเชฟรับเชิญระดับแนวหน้าจากทั่วโลก รวมถึงเชฟมิชลินสตาร์
มาร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์อาหารผ่าน 4-Hand Dinner ดินเนอร์สุดเอกซ์คลูซีฟที่เชฟ 2 คน
มาทำร่วมกันในบรรยากาศใกล้ชิด โดยแต่ละเชฟจะร่วมปรุงอาหารเคียงข้างทีมเชฟของโรงแรม ถ่ายทอดปรัชญา รสชาติ
และแนวคิดการทำอาหารอันเป็นเอกลักษณ์
ปฐมบทแห่งการเดินทาง


Chef Richard Ekkebus x Chef Alex Dilling
14 – 18 มกราคม 2569 ณ ห้องอาหาร Alex Dilling at Lord Jim’s
การเดินทางครั้งนี้เปิดฉากด้วยการร่วมงานของสองบุคลากรสำคัญแห่งวงการอาหาร เชฟอเล็กซ์ ดิลลิง เชฟสองดาวมิชลิน
ผู้ถ่ายทอดแนวคิดร่วมสมัยผ่านห้องอาหาร Alex Dilling at Lord Jim’s ร่วมต้อนรับเชฟริชาร์ด เอ็กเคอบัส
เชฟผู้อำนวยการฝ่ายอาหารของห้องอาหาร Amber ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล เดอะ แลนด์มาร์ค ฮ่องกง
ซึ่งได้รับการยกย่องด้วยสามดาวมิชลิน และรางวัล MICHELIN Green Star
การพบกันครั้งนี้จึงทำหน้าที่เป็นบทเปิดของประสบการณ์การรับประทานอาหารที่สะท้อนถึงฝีมือ มุมมอง
และอัตลักษณ์ทางอาหารของเชฟทั้งสองได้อย่างชัดเจนและร่วมสมัย
เชฟริชาร์ด เอ็กเคอบัส หนึ่งในเชฟผู้เป็นกำลังสำคัญของเครือโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล
ได้รับการยอมรับในฐานะผู้ขับเคลื่อนอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยในเอเชียผ่านงานครัวที่เน้นความประณีตและแนวคิดด้านความยั่งยืนอย่างมีชั้นเชิง ขณะที่เชฟอเล็กซ์ ดิลลิง
เป็นที่รู้จักจากความเชี่ยวชาญเชิงเทคนิคและแนวทางการปรุงอาหารที่ชัดเจนจากการตีความของเค้า
โดยสามารถคว้าสองดาวมิชลินจากร้านของตนในกรุงลอนดอนได้ภายในเวลาเพียงหกเดือน
การร่วมงานของทั้งสองถ่ายทอดออกมาเป็นเมนูอาหารค่ำแบบ 6 คอร์ส จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 5 ค่ำคืน ระหว่างวันที่ 14–18
มกราคม ซึ่งผสานรากฐานของอาหารฝรั่งเศสคลาสสิกเข้ากับมุมมองร่วมสมัยอย่างกลมกลืน เมนูไฮไลต์ประกอบด้วย


“Sweetbread” จากลิมูแซงรมควัน เสิร์ฟพร้อมทรัฟเฟิลฤดูหนาวและเซเลอรีแอค
โดย เชฟอเล็กซ์ ดิลลิง
“Aka Uni” จับคู่ดอกกะหล่ำ ล็อบสเตอร์เจลลี่ และคาเวียร์ Royal Cristal
โดย เชฟริชาร์ด เอ็กเคอบัส
“Hunter’s Chicken” ไก่จากแคว้นลองด์ เลี้ยงด้วยข้าวโพด เสิร์ฟพร้อมเห็ดป่าและซอสอัลบูเฟรา
โดย เชฟอเล็กซ์ ดิลลิง
“Williams Pear and Yellow Bell Pepper Sorbet” เสิร์ฟคู่เครมบรูเลหญ้าฝรั่น พร้อมเสาวรส ขิง และน้ำผึ้ง
โดย เชฟริชาร์ด เอ็กเคอบัส


เมนูพิเศษนี้ให้บริการสำหรับมื้อค่ำ ในราคา 12,500++ บาทต่อท่าน (เฉพาะอาหาร)
พร้อมตัวเลือกไวน์แพริ่งสำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับประสบการณ์ที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น
ด้วยจำนวนที่นั่งที่จำกัดจึงขอแนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้าผ่านระบบ ออนไลน์ การโทร. +66 (2) 659 9000
หรืออีเมล mobkk-adlordjims@mohg.com


ข้อมูลเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่ mandarinoriental.com/bangkok


LOOKING AHEAD
ตลอดปี 2569 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2570 โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ จะทยอยนำเสนอช่วงต่าง ๆ ของ
Unfolding Legacies อย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละบทถูกออกแบบอย่างรอบคอบเพื่อสะท้อนมรดกทางประวัติศาสตร์
บุคลากร งานฝีมือ และบทบาททางวัฒนธรรมของโรงแรม การเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 150
ปีครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการย้อนมองอดีต
หากยังสะท้อนถึงมรดกที่ยังคงพัฒนาและดำเนินต่อไปริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างมั่นคงและร่วมสมัย

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน