Bangkok Boulevard Signature, Sathorn – Pinklao

ตอนที่ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) กานต์สังเกตเห็นอาคารขนาดใหญ่ที่มีนาฬิกาประดับไว้ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำแซน (La Seine) ซึ่งก็คือ Musée d’Orsay พิพิธภัณฑ์ออร์แซ หรือมูว์เซดอร์แซ

.

เดิมเป็นสถานีรถไฟชื่อ Gare d’Orsay ออกแบบโดยสถาปนิก 3 คน คือ Lucien Magne, Émile Bénard และ Victor Laloux ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ โดยตั้งใจใช้งานสถาปัตยกรรมสะท้อนภาพความเป็นเมืองหลวงที่ทันสมัยของปารีสในยุคนั้น

.

“𝑳𝒂 𝒈𝒂𝒓𝒆 𝒆𝒔𝒕 𝒔𝒖𝒑𝒆𝒓𝒃𝒆 𝒆𝒕 𝒂 𝒍’𝒂𝒊𝒓 𝒅’𝒖𝒏 𝑷𝒂𝒍𝒂𝒊𝒔 𝒅𝒆𝒔 𝑩𝒆𝒂𝒖𝒙-𝑨𝒓𝒕𝒔…”

.

“สถานีนี้ยอดเยี่ยมมากและมีกลิ่นอายของ Palace of Fine Arts …” จิตรกรชื่อดังชาวฝรั่งเศส Édouard Detaille เคยเขียนไว้ในปี 1900 จากนั้นอีก 86 ปีต่อมา คำทำนายของเขาได้รับกลายเป็นเรื่องจริง และเป็นแลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่งของเราเมื่อครั้งเดินทางไปเที่ยวปารีส

.

ภายใน Musée d’Orsay จัดแสดงศิลปะฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1848 ถึง 1914 รวมถึงภาพวาด ประติมากรรม เฟอร์นิเจอร์ และภาพถ่าย เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1986

.

การหยิบยกเอาสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นในยุคอุตสาหกรรมผสานความโมเดิร์นมาปัดฝุ่นใหม่ ในโครงการ Bangkok Boulevard Signature สาทร-ปิ่นเกล้า จาก SC Asset โดยสถาปนิกลดทอนรายละเอียดบางอย่างของงานออกแบบออกไป เช่นลวดลายประดับงานประติมากรรมหัวสิงโต กิ่งโอ๊ค และใบลอเรล แต่ยังคงไว้ซึ่งหลังคาทรงโค้งของอาคาร Clubhose พร้อมกระจกบานใหญ่ เป็นการนำเอาสถานที่ทางศิลปะที่งดงามมาผสานกับการอยู่อาศัยที่เหนือระดับได้อย่างน่าสนใจ

.

ส่วนนาฬิกาได้นำมาประดับไว้บริเวณโถงทางเดินเชื่อมระหว่างสองอาคารซึ่งอยู่ด้านหน้าทางเข้า เพิ่มความสดชื่นด้วยพื้นที่สีเขียวของสวน รวมถึงสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ด้านหน้า กานต์ว่าเป็นบรรยากาศภายในโครงการที่ดูหรูหรา สวยงามเป็นความคลาสสิคที่ไร้กาลเวลามากครับ

.

ส่วนบ้านตัวอย่างจะเป็นบ้านซีรีย์ใหม่ ดีไซน์ Modern Colonnade กานต์พาไปชมแบบบ้านหลังใหญ่สุดชื่อว่า CORINTHIAN ที่ดิน 100 ตร.วา ขึ้นไป มาพร้อม 7 นวัตกรรม เพื่อการอยู่อาศัยที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อลูกบ้านของ SC Asset โดยเฉพาะ

.

กานต์จะค่อยๆ พาเดินชมความงามในแบบฉบับฝรั่งเศสที่หยิบยกแรงบันดาลใจจาก Musée d’Orsay มาไว้ที่โครงการ Bangkok Boulevard Signature สาทร-ปิ่นเกล้า พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวผ่านแคปชั่นในภาพ ติดตามไปพร้อมๆ กันนะครับ

.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่ https://m.scasset.com/HMMV

..

โครงการ Bangkok Boulevard Signature สาทร-ปิ่นเกล้า ตั้งอยู่บน ถ.บางกรวย-จงถนอม จ.นนทบุรี เนื้อที่โครงการ 32-2-84.1 ไร่ รังสรรค์ให้เป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 73 ยูนิต

.

เสน่ห์ของโครงการคือการผสมผสานกลิ่นอายของงานศิลปะและความเป็นศิลปินเอาไว้ในพื้นที่ส่วนกลางและบ้านตัวอย่าง

การเดินทางถือว่าสะดวกมาก กานต์ขับรถยนต์ตรงมาจากทางสาทร ผ่านปิ่นเกล้า ออกทางเบี่ยงซ้ายและวนเข้ามาทางบางกรวยได้อย่างรวดเร็ว โดยอยู่ห่างจากถนนราชพฤกษ์เพียง 2 กม. เท่านั้น ทั้งยังเชื่อมต่อทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก หรือจะออกไปทางถนนนครอินทร์ ถนนรัตนาธิเบศร์ ก็ได้เช่นกัน หรือใครจะมุ่งหน้าไปทางปิ่นเกล้า เข้าเพชรเกษมและถนนกาญจนาภิเษกและเมืองนนทบุรีก็ได้เช่นกันครับ

โครงการ Bangkok Boulevard Signature สาทร-ปิ่นเกล้า ตั้งอยู่บน ถ.บางกรวย-จงถนอม จ.นนทบุรี เนื้อที่โครงการ 32-2-84.1 ไร่ รังสรรค์ให้เป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 73 ยูนิตที่ผสานกลิ่นอายของความเป็นศิลปินเอาไว้ในพื้นที่ส่วนกลางและบ้านตัวอย่าง

โดยรอบโครงการเป็นย่านพื้นที่พักอาศัยทำให้มีความเป็นชุมชนสูง แวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ใกล้จะเปิดตัวภายในปีนี้อย่าง Central Westville ตลอดจน Community Mall หลายแห่ง มีร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ร้านอาหาร คาเฟ่และอื่นๆ อีกมากมาย

นอกจากจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแล้ว ทำเลนี้ยังมีสถานศึกษาชื่อดังรองรับทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า พระราม 5, โรงเรียนนานาชาติเด่นหล้า, โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี, มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ส่วนสถานพยาบาลใกล้เคียง ได้แก่ โรงพยาบาลบางกรวย, โรงพยาบาลศรีสวรรค์, โรงพยาบาลเจ้าพระยา หรือจะมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ก็สะดวกเช่นกัน

ด้านหน้าโครงการโดดเด่นด้วย Main Gate ขนาดใหญ่เลือกใช้สีน้ำตาลอ่อนดูคลาสสิคเพื่อให้สอดรับกับสโมสรของโครงการที่อยู่ถัดเข้าไปด้านใน ประตูหน้าเป็นรั้วรางเลื่อนแยกฝั่งเข้า-ออกชัดเจน

ส่วนการรักษาความปลอดภัยของที่นี่จะเน้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูง โดยการเข้าออกของรถยนต์จะเป็นระบบอ่านป้ายทะเบียนรถยนต์อัตโนมัติ (License Plate Recognition) เพื่อช่วยจัดการรถยนต์ของลูกบ้านและแขกที่มาพบได้อย่างสะดวกง่ายดาย ควบคุมผ่านแอปพลิเคชั่นรู้ใจ พร้อมมีโหมดห้ามรบกวนเพื่อความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยซึ่งเป็น 1 ในนวัตกรรมเพื่อการใช้ชีวิตที่ดีจาก SC Asset

นอกจากนี้ ยังมีระบบกล้อง CCTV โดยรอบโครงการ 44 จุด รั้วรอบโครงการสูง 2.8 เมตรและมีรั้วระแนงเสริมสูงขึ้นไปอีก พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

ส่วนตัวผมชื่นชอบบ้านในโครงการ Bangkok Boulevard Signature อยู่แล้ว เนื่องจากนำเสนอสุนทรียะในการพักอาศัยให้เข้าคู่กับงานศิลปะได้อย่างลงตัว

อย่างเช่นที่ Bangkok Boulevard Signature สาทร-ปิ่นเกล้า ได้หยิบยกเอาความหรูหราแบบฝรั่งเศสที่ยังคงความร่วมสมัยของ Musée d’Orsay พิพิธภัณฑ์ออร์แซ หรือมูว์เซดอร์แซ ซึ่งในอดีตเคยเป็นสถานีรถไฟในกรุงปารีสมาก่อน

โดยสถาปนิกได้นำเรื่องราวความงดงามของยุคสมัย มาตีความใหม่ให้มีความเรียบหรูดูมีความเป็นตัวของตัวเอง โดยดึงเอาเอกลักษณ์โดดเด่น อย่างเช่น ซุ้มโค้งทรง Arch โถงกลางและอาคารเชื่อมต่อ ลดทอนรายละเอียดของงานประติมากรรมและลวดลายแกะสลักทั้งหลายออกไป แต่ยังคงไว้ซึ่งนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากปี 1900 ในยุคที่ผู้คนยังไม่สามารถมีนาฬิกาเพื่อสวมใส่และบอกเวลาได้

ผนังกรุด้วยกระจกใสเขียวตัดแสงให้เพื่อรับกับยุคสมัย จนกลายเป็นอาคารสโมสรขนาดใหญ่ 2 ชั้นดูโอ่โถง โอ่อ่า สำหรับให้บริการลูกบ้านของโครงการ

ด้านหน้าเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 7 x 15 ม. คำนวนคุณภาพน้ำให้มีค่า pH ที่เหมาะสม มีความปลอดภัยสูงกว่าสระคลอรีนทั่วไปจึงไม่ทำร้ายต่อผิวเรา

ด้านข้างจัดวาง Sun Bed สำหรับนั่งพักผ่อนและอาบแดด วางเอาไว้ในพื้นสระที่ยกระดับขึ้นมาและยังออกแบบให้มีสระว่ายน้ำสำหรับเด็กและจากุซชี่แยกออกไป โดยผู้ปกครองสามารถมองเห็นเด็กๆ เล่นน้ำอย่างสนุกสนานได้จาก Lobby Lounge ขนาดใหญ่ภายในสโมสรตลอดจน Co-Working Space ที่อยู่ถัดไป ซึ่งเป็นหนึ่งในรายละเอียดเล็กๆ ซึ่ง SC Asset ในฐานะผู้พัฒนาโครงการใส่ใจในการออกแบบที่เชื่อมต่อทุกความสัมพันธ์เอาไว้

ด้านในเป็น Lobby Lounge ขนาดใหญ่ บรรยากาศค่อนข้างโปร่งด้วยเพดานทรงสูงแบบ Double Volume จรดชั้น 2 ผนังกรุด้วยกระจกใส ทำให้เปิดรับวิวและบรรยากาศจากภายนอก ความรู้สึกจึงคล้ายกับการเดินอยู่ใน Musée d’Orsay เลยครับ

บริเวณนี้จัดวางที่นั่งไว้อย่างหลากหลาย เพื่อรองรับการใช้งานของลูกบ้าน ทว่าปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่สำนักงานขายของโครงการ โดยลูกบ้านสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางเพื่อพักผ่อน อ่านหนังสือหรือทำธุระส่วนตัวได้ที่ Co-Working Space ซึ่งอยู่ถัดไปอีกฝั่งของสโมสร เราเดินผ่านโถงทางเชื่อมตรงกลาง ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งนาฬิกาขนาดใหญ่อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Musée d’Orsay

Co-Working Space ออกแบบได้เรียบหรูดีเช่นกันครับ จัดวางที่นั่งไว้กระจายไปรอบห้องเพื่อรองรับการใช้งานของลูกบ้านไม่ว่าจะมาพักผ่อน อ่านหนังสือแบบเดี่ยวๆ หรือชวนเพื่อนข้างบ้านมานั่งคุยกันที่นี่ ตลอดจนใช้เป็นพื้นที่พบปะพูดคุยกับแขกจากภายนอกได้ด้วยหากไม่ต้องการให้เข้าไปภายในตัวบ้าน

ส่วนตัวผมชอบการเลือกใช้สีที่คุมโทนได้ดี เน้นเป็นสีเอิร์ธ น้ำตาล เทา ขาวและดำ ทำให้สัมผัสได้ถึงรายละเอียดในการออกแบบที่เน้นความหรูหรา ทว่าคลาสสิคสไตล์ฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดี

พื้นที่โดยรอบอาคาร Clubhouse ปลูกต้นไม้ไว้หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งไม้ดอก ไม้พุ่ม ไม้ยืนต้นฟอร์มเด่นสลับกันไปเพื่อให้เกิดร่มเงาและร่มรื่น เป็นการนำเอาศิลปะจากธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานสถาปัตยกรรม

ทางขึ้นชั้นบนของสโมสร ออกแบบเป็นโถงขนาดใหญ่ให้มีชานพักทรงครึ่งโค้งรับกับภาพรวมของงานดีไซน์ กรุขอบผนังกั้นด้วยกระจกนิรภัยเพื่อให้ยืนรับลมชมสวนสีเขียวได้ และเปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติภายนอกได้

ส่วนการออกแบบในภาพรวมยังคงเน้นการใช้หลัก “Universal Design” มีทางลาดสำหรับรถเข็นให้สามารถใช้ได้กับผู้สูงอายุ ผู้พิการ โดยคำนวนองศาของพื้นทางลาดมาให้แล้วด้วยว่าเป็นองศาที่สามารถใช้งานได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีเก้าอี้เลื่อนอัตโนมัติ Stair Lift เลาะไปตามราวบันไดให้ผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ สามารถขึ้นไปใช้งานบนพื้นที่ชั้น 2 ได้อย่างสะดวก เป็นหลักการออกแบบที่เราจะพบได้ทุกโครงการของ SC Asset เลยครับ

อีกทั้งบริเวณบันไดยังออกแบบให้เป็นแกลลอรี่ขนาดย่อม ประดับผนังด้วยงานศิลปะแนว Abstract เพื่อให้เกิดจังหวะพักในการเดินขึ้น-ลงอาคาร

บนพื้นที่ชั้น 2 ออกแบบให้มี Meeting Room เพื่อรองรับการประชุม พูดคุยธุรกิจ หารือร่วมกันของสมาชิกแบบเป็นส่วนตัว พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จำเป็น เตรียมรองรับเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ

นอกจากนี้ยังมีฟิตเนสขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นวิวของธรรมชาติภายนอก ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง ปลอดโปร่งเมื่อใช้งานจริง เน้นเอาใจคนรักสุขภาพสายแอคทีฟ มีทั้งโซนฟรีเวทและแมทชีน โดยทางโครงการได้ติดตั้งเครื่องออกกำลังกายวางกระจายกันไปทั่วห้อง พร้อมติดตั้งพื้นรองรับการกระแทก

แต่หากใครไม่อยากออกกำลังกายในฟิตเนส ทางโครงการยังได้ออกแบบให้มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ถัดเข้าไปด้านในบริเวณจุดกึ่งกลางของโครงการเพื่อเป็นศูนย์รวมกิจกรรมสันทนาการนอกบ้านให้กับสมาชิกของโครงการ สามารถชวนผู้สูงอายุมาเดินแกว่งแขวนเบาๆ ออกกำลังกายยามเช้า หรือวิ่งจ๊อกกิ่งหลังเลิกงานตอนเย็นก็ได้เช่นกัน

จะสังเกตว่างานภูมิสถาปัตย์ของสวนจะเน้นฟอร์มของทรงกลมเพื่อสอดรับกับการออกแบบโครงสร้างหลักของ Clubhouse ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจมาจาก Musée d’Orsay นั่นเองครับ

ผมชอบบรรยากาศภายในโครงการที่ค่อนข้างร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ตลอดจนไม้ดอกและไม้พุ่ม Bangkok Boulevard Signature สาทร-ปิ่นเกล้า เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ให้พื้นที่สีเขียวมาเยอะมาก ซึ่งเราพบเห็นไล่เรียงกันมาตั้งแต่ด้านหน้าทางเข้า ไปจนถึง Clubhouse และสวนส่วนกลางยังมีน้ำพุและธารน้ำไหลให้ความสดชื่นเพิ่มขึ้นอีกด้วย

สวนสาธาณะของโครงการขนาดประมาณ 1 ไร่ เป็นสวนแนวลึกเข้าไปในโครงการด้านใน ใครชอบบรรยากาศแบบนี้ให้รีบจับจองพื้นที่บ้านโซนหน้าสวนไว้ก่อนเลยครับ

ออกแบบให้มีประติมากรรมขนาดใหญ่ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก Musée d’Orsay ไม่ว่าจะเป็นซุ้มเหล็กหลังคาโค้งทรงหัวตัด ที่มีนาฬิกาประดับไว้อยู่ด้านบน ตลอดจนบันไดด้านข้างยังออกแบบให้เป็นรูปทรงโครงของนาฬิกา กานต์ว่าเป็นงานดีไซน์ที่ตีความได้กลมกลืนกับบริบทและสร้างบรรยากาศแวดล้อมให้มีความเป็นสวนแบบฝรั่งเศสได้ดี

นอกจากนี้ ยังเป็นโครงการที่ออกแบบให้มีพื้นที่สันทนาการนอกบ้านอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นสนามเด็กเล่น สไลเดอร์ เชือกปีนป่าย ปูพื้น EPDM ซึ่งสามารถช่วยลดการบาดเจ็บ หากเกิดอุบัติเหตุมี ออกแบบให้มีที่นั่งสำหรับพักเหนื่อย อ่านหนังสือ หรือพื้นที่เปิดโล่งสำหรับสร้างสรรค์จินตนาการและพัฒนาการอย่างเต็มท่ี่ให้กับเด็กๆ เรียกได้ว่าเป็นพืี้นที่ส่วนกลางที่มีการออกแบบฟังก์ชันการใช้งานที่คำนึงถึงการใช้ชีวิตในทุกช่วงวัยของลูกบ้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผมชอบกิมมิคของการดีไซน์ Playground ให้เป็นทางรถไฟล้อไปกับสโมสรส่วนกลางดูน่ารักสดใสดีครับ

ไม่ไกลจากสวนสาธารณะจะเป็นพื้นที่ของบ้านตัวอย่างครับ แบบบ้านในโครงการ Bangkok Boulevard Signature สาทร-ปิ่นเกล้า มีด้วยกัน 3 แบบ 3 ไซส์

กานต์พามาชมแบบบ้านหลังใหญ่สุดคือ CORINTHIAN ขนาดที่ดินเริ่มต้น 101.6 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 514 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องรับแขก 1 ห้องครัว Foyer แบบ Double Volume พร้อมห้องรับประทานอาหาร พื้นที่พักผ่อนชั้นบนสำหรับสมาชิกในครอบครัว พื้นที่ของ Maid Plaza และหน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 4 คัน โครงการนำสายไฟลงดินหมดแล้วทำให้ทัศนียภาพสวยงาม

ดีไซน์ภายนอกเป็นบ้านหน้ากว้าง โดดเด่นด้วยรูปทรงเรขาคณิตสี่เหลี่ยมที่ชัดเจน เน้นความเรียบหรูและเส้นสายที่คมชัด จัดเรียงองค์ประกอบของเส้นตั้งเป็นเอกลักษณ์ เป็นบ้านทรงกล่องที่เล่นระดับพร้อมกับเสา Colonnade

ประกอบกับงาน Exterior เลือกใช้สีที่มีเฉดแตกต่างกันออกไป พื้นผิวของผนังมี texture ของผิวเป็นริ้วเล็กๆ แตกต่างจากผนังบ้านเรียบๆ ทั่วไป เหล่านี้ช่วยทำให้บ้านดูมีมิติที่หลากหลาย โดยเฉพาะในช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดตกกระทบบ้านจะทำให้เปิดเป็นมิติที่น่าสนใจ

ด้านหน้าออกแบบให้มีโถงทางเดินแบบ Semi-Outdoor เชื่อมต่อจากลานจอด โดยลงรายละเอียดให้เป็นทางลาดทำให้สะดวกสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กต้องใช้รถเข็นหรือบ้านที่มีผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องใช้วีลแชร์ ซึ่งสามารถตรงเข้าห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุได้ทันที

ด้านนอกออกแบบเป็นทิวเสาสไตล์ Modern Colonnade สีน้ำตาลเข้มดูร่วมสมัย ส่วนผนังหน้าบ้านด้านในกรุด้วยไม้สีน้ำตาลอ่อน สลับกับกระจกเขียวตัดแสงเพื่อเป็นการเปิดช่องแสงธรรมชาติให้ส่องเข้าตัวบ้านด้านใน

ลานจอดรถสำหรับ 4 คัน พื้นเป็นทรายล้าง โครงการลงเสาเข็มพื้นลานจอดไว้ลึกเท่ากับโครงสร้างหลักของบ้าน หมดกังวลเรื่องการทรุดตัว เตรียมจุดพร้อมสำหรับติดตั้ง Wall Box EV Charger เป็นระบบไฟ 3 เฟส 30/100 เพื่อรองรับการใช้งานรถไฟฟ้า ส่วนด้านในจะมีตู้เก็บของขนาดใหญ่สำหรับเคลื่อนย้ายจากรถเข้าไปเก็บได้สะดวกเช่น ถุงกอล์ฟ รถจักรยาน หรือเอาไว้ใช้เก็บอุปกรณ์ทำสวนและยังมีประตูเล็กสำหรับตรงเข้าสู่ห้องครัวได้ทันที

นอกจากนี้ หน้าบ้านมาตรฐานจะมีรั้วบ้านเป็นรางเลื่อนเหล็กสีดำ ทางโครงการเตรียมการสำหรับติดตั้งระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเอาไว้ให้แล้วครับ

ผมชอบโถงด้านหน้าที่เปิดช่องตรงกับประตูหลักของบ้าน ดูเรียบหรูดีครับ เราจะพาเดินเข้าชมบรรยากาศภายในกันต่อนะครับ

ประตูเป็นบานไม้สักขนาด Oversize กรุด้วยกระจกใสเพื่อเปิดช่องแสง เป็นประตูแบบบานครึ่งซึ่งเปิดกว้างได้ทั้ง 2 ฝั่ง ผมว่าสะดวกมาก หากเราต้องการขนของชิ้นใหญ่เข้าบ้าน หรือสำหรับบ้านที่มีผู้พักอาศัยจำเป็นต้องใช้รถเข็นวีลแชร์ก็จะอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น ทางโครงการยังได้ติดตั้ง Digital Door Lock ที่มือจับประตูมาให้เรียบร้อยแล้ว

เมื่อเปิดประตูเข้าสู่ภายในบ้านจะพบกับความโดดเด่นของโถงกลางที่มีความสูงจากพื้นจรดฝ้าเพดานที่ชั้นสองถึง 6.8 เมตรแบบ Double Volume โดยรอบบ้านเน้นการเลือกใช้วัสดุกระจกใส ทำให้ความรู้สึกแรกหลังจากเปิดประตูเข้าสู่ภายในบ้านคือความโล่งโปร่งสบายทันทีที่กลับมาถึง

ผมชอบการเลือกใช้สีโทนเข้มตัดกับสีทองของแสงไฟและงานอาร์ตที่จัดวางเอาไว้ทำให้บ้านดูหรูหรามากยิ่งขึ้นครับ

นอกจากนี้ ยังได้มีการติดตั้งสัญญาณกันขโมย Magnetic & Shock Sensor ซึ่งจะเห็นอยู่ตรงบริเวณของช่องหน้าต่างและประตูบ้านทั้งหลังมาให้แล้วเช่นกัน ตลอดจนติดตั้ง Smoke Detector & Heat Detector มาให้ด้วย นับว่าเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานและความปลอดภัยได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนดีครับ

ฟังก์ชันการใช้งานบริเวณชั้นล่าง ทางด้านขวามือตามแปลนของบ้านมาตรฐานจะเป็นห้องนอนชั้นล่างที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ สำหรับครอบครัวที่อยู่กันหลาย Generation ครับ

โครงการได้ออกแบบฟังก์ชันไว้รองรับการใช้งานแล้วเรียบร้อยไม่ว่าจะเป็นประตูที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ พื้นเป็น SCG Soft Floor แบบเรียบไร้รอยต่อของธรณีประตูออกแบบมาเพื่อรองรับการกระแทกและเป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว

ขณะที่บ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็น Designer Studio ตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับเด็ก

ตรงกลางเป็น Foyer อย่างที่ได้บอกไป ส่วนอีกด้านสถาปนิกออกแบบให้เป็น Common Area ที่มีขนาดใหญ่ ประกอบด้วยมุมรับแขกที่โดดเด่นด้วยผนังกระจกใสแบบเข้ามุม 2 ด้าน ทำให้เปิดมุมมองภายในบ้านสู่ภายนอกได้กว้างกว่า


ยิ่งถ้าบ้านไหนมีพื้นที่รอบบ้านด้านหน้าและด้านข้างเหลือเยอะ สามารถจัดสวนขนาดใหญ่ ออกแบบให้มีน้ำตกและ Pavilion สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจก็ทำให้การอยู่บ้านของเรามีความสุขมากยิ่งขึ้น

พื้นชั้นล่างปูด้วยกระเบื้องสีขาวลายหินอ่อนแผ่นใหญ่ ทำให้บ้านดูหรูหรา บ้านตัวอย่างจัดวางชุดโซฟาที่นั่งขนาดใหญ่เน้นสีเขียวมะกอกทำให้บรรยากาศดูสดชื่นสบายตา และไม่ลืมที่จะหางานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซมาประดับบ้านเพื่อเติมเต็มสุนทรียะในการพักอาศัยอีกด้วยครับ

“𝐓𝐡𝐞 𝐛𝐞𝐬𝐭 𝐢𝐧𝐭𝐫𝐨𝐝𝐮𝐜𝐭𝐢𝐨𝐧 𝐭𝐨 𝐚𝐫𝐭 𝐢𝐬 𝐭𝐨 𝐬𝐭𝐫𝐨𝐥𝐥 𝐭𝐡𝐫𝐨𝐮𝐠𝐡 𝐚 𝐦𝐮𝐬𝐞𝐮𝐦. 𝐓𝐡𝐞 𝐦𝐨𝐫𝐞 𝐚𝐫𝐭 𝐲𝐨𝐮 𝐬𝐞𝐞, 𝐭𝐡𝐞 𝐦𝐨𝐫𝐞 𝐲𝐨𝐮’𝐥𝐥 𝐥𝐞𝐚𝐫𝐧 𝐭𝐨 𝐝𝐞𝐟𝐢𝐧𝐞 𝐲𝐨𝐮𝐫 𝐨𝐰𝐧 𝐭𝐚𝐬𝐭𝐞.”�

– Jeanne Frank

ชั้นล่างออกแบบให้มี Double Living ซึ่งจุดแรกเราพาไปชมกันแล้วคือมุมผนังฝั่งหน้าบ้าน ส่วนมุมนั่งเล่นพักผ่อนอีกจุดจะอยู่ถัดเข้ามาเป็นมุมบ้านด้านใน

ด้วยความที่สถาปนิกใช้หลักการออกแบบ Open Plan โดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ ความชอบและการใช้งานร่วมกันของสมาชิกในครอบครัวแต่ละหลังซึ่งอาจจะเหมือนหรือแตกต่างกัน เราจึงสามารถใส่ไอเดียในการตกแต่งบ้านได้เต็มที่กว่าเติมเต็มจินตนาการได้ไม่รู้จบ ดังนั้น จะเห็นว่าการออกแบบโถง Common Area จะไม่มีเสากลางบ้าน ทำให้บ้านดูกว้างและใช้ได้เต็มพื้นที่มากยิ่งขึ้น

อย่างเช่นบ้านตัวอย่าง ออกแบบมุมบ้านด้านในให้เป็นพื้นที่ของโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ 10 ที่นั่ง ซึ่งแบ่งกั้นพื้นที่ชั้นล่างด้วย Partition ของชั้นวางทีวีที่สามารถเปิดให้ Living & Dining Area เชื่อมต่อกันได้ โดยมีไฮไลท์คือผนังกระจกใสรอบบ้าน

ข้อดีอีกอย่างคือรองรับการใช้พื้นที่แบบ Semi-Outdoor จัดปาร์ตี้บาร์บีคิวกันได้สบายๆ หรือหากไม่ได้ใช้ก็แนะนำให้จัดเป็นสวนเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้าน เป็นการสร้างความเพลิดเพลินระหว่างมื้ออาหารไปด้วยได้

ติดกันเป็นบาร์ที่มาพร้อมเคาน์เตอร์ไม้สีเข้มดีไซน์วินเทจซึ่งจัดสตูลสีเขียวมะกอก ดูสอดรับกันดีกับบรรยากาศของพื้นที่ชั้นล่างของบ้าน สามารถจัดสังสรรค์จิบกันเบาๆ ก่อนเริ่มมื้ออาหารหลักเป็นลำดับถัดไป ด้านในสุดเป็น Pantry ครับ

มุมรับประทานอาหารเชื่อมต่อกับครัวขนาดใหญ่ที่อยู่ถัดเข้าไปด้านใน เป็นครัวแบบปิด ข้อดีก็คือจะได้ไม่มีกลิ่นย้อนกลับเข้าไปในบ้าน

โดยโครงการออกแบบให้มีเคาน์เตอร์เป็นรูปตัวแอล (L-Shape) พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะกับการทำอาหารไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างจานขนาด 2 หลุม พื้นที่สำหรับติดตั้งเตาและเครื่องดูดควัน หน้าต่างบานสไลด์สำหรับระบายอากาศและไล่ความชื้น ผนังครัวได้ติดตั้งตู้เก็บของบานปิดด้านบนเป็นกระจกเงา ส่วนตู้ด้านล่างเป็นบานทึบ ส่วนช่วงปลายเว้นที่ไว้สำหรับติดตั้งตู้เย็นขนาดใหญ่ 2 ประตูได้สบายเลยครับ

อีกหนึ่งฟังก์ชันการออกแบบที่น่าสนใจและผมมองว่าคำนึงถึงการใช้งานจริงได้ดี ก็คือการออกแบบให้มีประตูบานเล็กที่เชื่อมต่อกับลานจอดรถพร้อม Digital Door Lock ติดตั้งมาให้แล้ว เราสามารถเข้า-ออกบ้านผ่านประตูนี้ได้อีกทาง นับว่าสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะวันที่เราไปช้อปปิ้งข้าวของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตมาก็สามารถนำเข้ามาเก็บไว้ที่ครัวได้ทันที นอกจากนี้ ยังออกแบบให้หน้าประตูทางเข้าด้านในเป็น Shoes Storage สำหรับเก็บรองเท้า หรือจะทำเป็นตู้เก็บของเพิ่มก็ได้เช่นกัน

ติดกันเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room สำหรับแขกและสมาชิกในบ้านใช้งานร่วมกัน โดยจะไม่มีพื้นที่อาบน้ำ

ส่วนผนังด้านในออกแบบให้มี Control Panel สำหรับเชื่อมต่อการเปิดปิดและควบคุมระบบต่างๆ ภายในบ้านและยังสามารถสั่งการผ่านมือถือได้ด้วย โดยเป็น RueJai Home OS ซึ่ง SC Asset ได้พัฒนาขึ้น เป็นการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้อำนวยความสะดวกและสร้างความสบาย ปลอดภัยให้กับผู้พักอาศัย ภายในบ้านยังได้วางระบบ Active Air Quality ระบบขจัดมลพิษทางอากาศ กรองอากาศให้สะอาด และดันอากาศเสียออกออกบ้านโดยอัตโนมัติ ทำให้อากาศภายในบ้านสะอาด สดชื่นเหมือนนั่งอยู่ในสวน

ด้านหลังเป็น Maid Plaza และลานซักล้าง ตลอดจนห้องนอนของแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว ซึ่งบริเวณนี้มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง เลยครับ สามารถจัดวางเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า ใช้เป็นพื้นที่ตากผ้าได้ด้วย โครงการเดินงานระบบเอาไว้ให้แล้วด้วยครับ

ส่วนด้านข้างเป็นสวนและงานระบบ แต่จุดที่น่าสนใจคือสามารถใช้พื้นที่ด้านข้างเป็น Back of House คือให้เป็นทางเข้าออกของแม่บ้าน ซึ่งแม่บ้านจะไม่สามารถเปิดเข้าหน้าบ้านได้โดยตรงหากเราไม่อนุญาต จะต้องเดินอ้อมไปเข้าทางข้างบ้านแทนครับ การออกแบบลักษณะนี้ทำให้เราสามารถแยกฟังก์ชั่นได้ชัดเจนดีและเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวระหว่างเจ้าของบ้านกับแม่บ้าน

ขึ้นบันไดไปชมชั้นบนกันบ้างครับ บันไดขึ้น-ลง ถูกออกแบบให้อยู่ช่วงกึ่งกลางของบ้าน รับกับโถงสูงที่อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าบ้าน

โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ลูกตั้งลูกตั้งลูกนอนเป็นไม้มะค่าสีเข้ม ราวกันตกเป็นเหล็กทาสีดำ ส่วนมือจับเป็นลายไม้เข้ากันดี ชานพักระหว่างบันไดทั้ง 2 ระดับมีพื้นที่ใหญ่ สามารถเดินสวนกันขึ้นลงได้สบายเลยครับ ส่วนช่องว่างระหว่างพื้นชั้นล่าง สามารถจัดวางกระถางต้นไม้หรืองานศิลปะแบบ Installation Art ประดับเพิ่มเติมได้ครับ แนะนำว่าให้หาแชนเดอร์เลียสวยๆ มาแขวนบริเวณนี้ด้วย

ชั้นบนออกแบบให้มีพื้นที่เอนกประสงค์สำหรับใช้งานตามไลฟ์สไตล์และความต้องการ ไม่ว่าจะทำเป็นมุมออกกำลังกายภายในบ้าน ห้องพระ หรือว่าสตูดิโอไลฟ์สดเล็กๆ ขณะที่บ้านตัวอย่างทำเป็น Art Space สำหรับจัดแสดงงานศิลปะซึ่งจะหมุนเวียนไปกันตามโครงการต่างๆ ของ Bangkok Boulevard Signature ครับ

ชั้นบนปูด้วยพื้น Engineering Wood ต่อเนื่องกันไปทุกห้อง บริเวณโถงกลางบ้านออกแบบให้เป็น Family Area ที่ให้ความเป็นส่วนตัวสำหรับสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น จัดวางชุดโซฟาที่นั่งสำหรับพักผ่อนใช้เวลาร่วมกัน

ปีนี้ SC Asset ฉลองครบ 20 ปีพอดีครับ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีมากๆ เพราะจะว่าไปแล้ว ในฐานะของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย SC Asset ได้แต่งเติมสีสัน สร้างคุณค่าและพัฒนาโครงการต่างๆ ออกมาได้อย่างน่าสนใจ จนกลายเป็นผู้นำในตลาดบ้านเดี่ยวได้ในที่สุด เห็นได้จากการสร้างความน่าสนใจ ชูจุดขายที่โดนใจลูกบ้านและเดินหน้าพัฒนา “ประสบการณ์ในการพักอาศัย” ในฐานะ “ลูกบ้านเอสซี” อย่างต่อเนื่อง ที่สุดแล้วก็ทำให้ SC Asset กลายเป็นฐานรากสำคัญในการพัฒนาวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

กานต์เข้าใจว่าสถาปนิกตั้งใจจะเน้นให้เกิดความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย โดยให้มีพื้นที่ตรงกลางของ Family Area เพื่อใช้เวลาร่วมกัน จากนั้นก็แยกย้ายเข้าสู่ห้องนอนส่วนตัว

ห้องนอนหลัก หรือ Master Bedroom ตกแต่งโดยเน้นความโปร่งโล่งแบบ “Translucent Design” เพื่อให้เกิดสุนทรียแห่งการอยู่อาศัย ใช้หลักคิด Bauhaus ที่คลาสสิคและร่วมสมัยมาตั้งแต่ปี 1925 เป็นปรัชญาแห่งงานศิลปะต้นแบบของงาน Modern Style ที่ดูเรียบง่าย ชัดเจน ทว่ามีความตรงไปตรงมาด้วยการลดทอนองค์ประกอบต่างๆ ออกเหลือไปเหลือไว้แต่ส่วนสำคัญของงาน เราจึงได้เห็นห้องนอนที่มีความกว้างขวาง แบ่งสัดส่วนพื้นที่การใช้งานได้อย่างลงตัว

ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่จัดวางไว้ตรงกลางห้องพร้อมช่องแสงหัวเตียง ช่วงปลายเตียงจัดวางชุดโซฟาที่นั่งสำหรับพักผ่อน อ่านหนังสือหรือดูทีวีอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ผมสังเกตว่า ด้วยความที่ฝ้าเพดานของ Master Bedroom สูงถึง 4 เมตร ประกอบกับผนังกระจกที่รายรอบทำให้ห้องนอนหลักค่อนข้างโปร่ง สบาย เป็นการจัดวางแปลนห้องให้เหมาะแก่การพักผ่อนในพื้นที่ส่วนตัวของเราจริงๆ ส่วนด้านข้างเตียงสามารถเปิดประตูออกไปสู่ระเบียงภายนอกได้

ด้านในเป็นพื้นที่ของโต๊ะเครื่องแป้งและห้องแต่งตัว สถาปนิกเลือกใช้กระจกเงาเข้ามาเติมมิติในบ้านตัวอย่างทำให้มุมนี้ดูกว้างขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมกับติดตั้งกระจกเงาบานใหญ่สำหรับนั่งแต่งหน้า ด้านหลังเป็นช่องแสงธรรมชาติซึ่งถือว่าเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่กลับสะท้อนความชาญฉลาดในการออกแบบและใช้งานจริง

ถัดไปด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ห้องแต่งตัวติดตั้งตู้เสื้อผ้ามีขนาดใหญ่ล้อมไปกับผนังเป็นรูปตัวยู (U-Shape) ทำให้เราสามารถจัดเก็บเสื้อผ้าได้เยอะมากและแยกการใช้งานของคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงได้อย่างเป็นสัดส่วน ตรงกลางเป็น Island สำหรับจัดเก็บเครื่องประดับ

ก่อนจะเข้าสู่ Master Bathroom ที่อยู่ติดกัน ภายในห้องน้ำมีพื้นที่กว้างขวาง แยกส่วนการใช้งานแบบเปียกแห้งมาให้เรียบร้อยแล้ว

ภายในห้องน้ำมีอ่างล้างหน้าแบบ His & Her ที่มาพร้อมกับเคาน์เตอร์หินอ่อนสีขาวมุกขนาดใหญ่และกระจกเงาบานสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ผมว่าให้ความรู้สึกหรูหรามากจริงๆ ใกล้กันเป็นสุขภัณฑ์ระบบอัตโนมัติ ติดกันเป็นพื้นที่ของชาวเวอร์ที่กั้นกระจกเรียบร้อยแล้ว และโครงการยังได้ติดตั้งอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่สามารถใช้งาน 2 คนพร้อมกันได้เลยครับ

ห้องนอนรองห้องแรก ออกแบบมาสำหรับลูกสาวคนโตที่มีความเก๋สไตล์สาวปาริเชียง เน้นการเลือกใช้สีสันของเฟอร์นิเจอร์ที่สดใสสมวัย ภายในห้องนอนจัดวางฟังก์ชันได้ค่อนข้างลงตัว

ด้านในสุดออกแบบเป็นพื้นที่พักผ่อน จัดวางเตียงนอนไว้เกือบชิดผนัง ส่วนด้านข้างเป็นพื้นที่นั่งทำงานออกแบบสไตล์อาร์ตทิสรุ่นใหม่ ปลายเตียงจัดวางตู้เก็บของขนาดใหญ่ ส่วนทีวีเลือกเป็นแบบแขวนผนังทำให้ดูโมเดิร์นยิ่งขึ้น

ด้านหน้าทางเข้าห้องจะเป็นโซนแต่งตัว แต่งหน้าและห้องน้ำในตัว โดยมีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดตั้งไว้ให้ดูเป็นไอเดีย

ส่วนห้องนอนรองอีกห้องอยู่ติดกัน มีขนาดห้องไล่เลี่ยกัน จัดวางผังภายในห้องแตกต่างกันเล็กน้อย โดยวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้า

ฝั่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์เอนกประสงค์สำหรับเก็บข้าวของและใช้เป็นโต๊ะนั่งทำการบ้านไปในตัว

ด้านในสุดเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ที่มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เข้ามุมติดตั้งไว้อยู่ด้านหน้าห้องน้ำ ผมว่าฟังก์ชันแบบนี้สะดวกดีนะครับ เพราะว่าเราสามารถอาบน้ำแล้วแต่งตัวให้จบภายในโซนได้เลย

#โดยสรุป กานต์มองว่า ด้วยความที่สถาปนิกผู้ออกแบบเข้าใจฟังก์ชันการใช้งานที่เรียบง่ายและลดทอนรายละเอียดบางอย่างออกไปและเติมฟังก์ชันบางอย่างเข้ามาโดยไม่ให้ดูเป็นการยัดเยียดจนรู้สึกถึงความปรุงแต่งที่เกินพอดีแบบนี้ ผมว่านี่คือเสน่ห์ที่แท้จริงของ Bangkok Boulevard Signature ในทุกทำเล

โดยโครงการนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก Musée d’Orsay พิพิธภัณฑ์ศิลปะออร์แซอันโด่งดังของกรุงปารีส นำมาตีความใหม่ให้ดูโมเดิร์นมากขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ ที่มีกลิ่นอายของความเป็นศิลปินที่รักในงานศิลปะและมีสุนทรียะในการเลือกที่พักอาศัย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่ https://m.scasset.com/HMMV

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน