VALA Hua Hin – Nu Chapter Hotels

VALA Hua Hin – Nu Chapter Hotels🏖

#รีสอร์ตน้องใหม่ดีไซน์เก๋ แห่งชะอำ-หัวหิน

เปิด Beachfront Pool Villa มาให้ชมเป็นที่แรก

กานต์พักที่ Beachfront Pool Villa ติดหน้าหาดบรรยากาศดี

ถ้าเปรียบเป็นผู้หญิง ผมว่าที่นี่เค้าสวยแบบเรียบๆ แต่หน้าเก๋

อารมณ์เหมือนน้องออกแบบประมาณนี้ คือถ่ายรูปมุมไหนก็ดูดี

ผมชอบที่เค้าตั้งชื่อ VALA ที่แปลว่าพลังของธรรมชาติ

การตกแต่งของที่นี่จึงเน้นดึงเสน่ห์ต้นไม้ ท้องฟ้า สายน้ำ

ออกแบบให้มีความ Minimalist นิดๆ ชิคๆ คลูๆ อยู่แล้วสบายใจ

เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวจากภูเขาสู่ทะเลผ่านงานดีไซน์ในบริบทใหม่

ผลงานของ The Office of Bangkok Architects เขาแหละครับ

เริ่มจาก Drop Off เป็นกำแพงทรงกลมสูงสีน้ำตาลแดง

ลองไปตะโกนเบาๆ ตรงจุดนี้ จะมีเอฟเฟคซ่อนอยู่ (ไม่บอกหรอก อิอิ)

เดินเข้าสู่ Lobby เน้นสีเขียว น้ำตาลของไม้

เหมือนเป็นสวนป่าแบบเทอร์ราเรียมในโหลแก้วขนาดใหญ่

มองออกไปจะเห็นต้นไม้พันธุ์แปลกๆ ที่รีสอร์ตหามาปลูกประดับไว้

ผมเพิ่งเคยได้ยินชื่อต้นยีราฟ ก็จากนี่แหละครับ

ถึงกับถ่ายรูปไว้แล้วไปค้น Google ดู

ต้องชมว่า Landscape Tectonix Limited ออกแบบสวนมาได้น่าค้นหามาก

เข้ามาโซนห้องพักจะมีด้วยกันทั้งแบบอาคารและวิลล่า

หันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำและชายหาด

ผมพัก Beachfront Pool Villa No. 2 จากทั้งหมด 5 หลัง

วิลล่าจะขยับออกไปอีกนิดเพื่อความเป็นส่วนตัวของแขก

แต่ละหลังจะเลย์เอ้าท์จัดวางแตกต่างกันไป

ดีไซน์แบบเต้นท์แคมป์ Glamping หรูหราสุดๆ

ถ้าเป็นวิลล่า 2 ของผม หน้าบ้านจะกว้างกว่าใคร

มองไปด้านขวาเห็นสระว่ายน้ำส่วนกลาง เดินไปได้เลยครับ

ผมเตรียมคอสตูมโทนน้ำตาล ขาวเอามาใส่ถ่ายรูป

เพราะกะแล้วว่าทริปนี้ต้องคุมสี คุมโทนชุดให้เข้ากัน

จะสังเกตว่าคาแรกเตอร์ของรีสอร์ตจะเป็นสีเอิร์ธ น้ำตาล

แซมด้วยสีเขียวจากต้นไม้และตัดฟ้าน้ำทะเล

แต่ละมุมจะดีไซน์ให้แตกต่าง สร้างแสงและเงารูปแบบใหม่ๆ

เป็น Installation Art ที่มีชีวิตชิ้นใหญ่มาก บนเนื้อที่ 20 ไร่

ทำให้ชะอำทริปนี้ดูแปลกไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา

“Nature’s Touch with a Modern Design”

ชวนเข้าดูรูปและอ่านเรื่องราวต่อในแคปชั่นด้านในกันครับ

กานต์พัก Beachfront Pool Villa หมายเลข 2 ครับ ตั้งอยู่ด้านหน้าสุดของชายหาด เราสามารถชมวิวทะเลได้จากภายในห้องพักกันเลยทีเดียว ด้านนอกยังมีสระว่ายน้ำระบบเกลือส่วนตัว ขนาด 2.8 X 1.8 เมตร ด้านข้างมีพื้นที่สวนและศาลา เป็นมุมที่ผมชอบมา outdoor นั่งอ่านหนังสือ จิบชากาแฟ ที่นี่มีบัตเลอร์เซอร์วิส ตลอดระยะเวลาที่เข้าพักด้วยนะครับ เรียกว่า V-Verse ของผมเป็นน้องแตงครับ ดูแลดีมาก

ที่นี่แทบไม่ตัดต้นไม้เลยครับ จะใช้วิธีปรับ ย้าย ปลูก ทำให้มีพื้นที่สีเขียวมากถึงเกือบครึ่งนึงของรีสอร์ต

ผมว่า ภาพนี้บอกตัวตนของ VALA ได้ดี คือมีเอิร์ธโทนอยู่สูงมาก เน้นธรรมชาติจากภายนอกสู่ภายใน ออกแบบให้เข้ากันดีทั้งสีน้ำตาลจากไม้ สีเขียวและสีฟ้าจากทะเล สอดรับการงานดีไซน์ของกระจกที่ฟรีฟอร์ม ดูเก๋มาก

นอกจากชื่อ VALA แล้ว ผมชอบการตั้งนามสกุล (ขอเรียกแบบนี้ละกัน) Nu Chapter จริงๆ แล้วเป็นชื่อย่อของคุณตาและคุณยายผู้ก่อตั้งโรงแรมเครือรีเจนท์ จึงนำมารวมกัน

ที่สำคัญยังพ้องเสียงเป็น “นิว” แปลว่าสิ่งใหม่ๆ

แต่ที่เก๋สุดคืออ่านว่า “นู่” ก็ได้ ซึ่งเป็นชื่อเล่นของนูนู่-วศุมา เจ้าของและเป็นคนที่ดูแลโปรเจ็คนี้มาตั้งแต่แรก

Nu Chapter จึงเป็นบันทึกเหมือนบท(บาท)ใหม่ของคุณนูนู่ที่จะมาดูแลโรงแรมในเครือรีเจนท์ โดยเฉพาะการปั้นแบรนด์ที่ Independent ไม่พึ่งพาเชนโรงแรมขนาดใหญ่ เป็นการคิดที่สวนกับอีกหลายรายที่เน้นใช้เชนมาสวมชื่อ

นอกจาก คุณนูนู่จะสวยแล้ว ความคิดยังครีเอทและเก๋มากด้วยครับ

ชอบภาพนี้ รู้สึกผ่อนคลายดี ให้สมกับที่มาพักผ่อน ขออนุญาตรับพลังธรรมชาติจาก 3 ประสาน คือส้ม เลม่อน มะนาว ทำเอาฟินมากครับ

ภาพมุมสูงของชะอำยามเช้า เราไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนัก เป็นชายหาดยอดนิยมของคนกรุงที่เดินทางมาง่าย ใช้เวลาไม่นานครับ

ภาพนี้เป็นบทพิสูจน์ว่าทะเลอ่าวไทยของเรา ก็ยังคงสวยงามตลอดกาล ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม

สัมผัสแรกของผมที่มาทักทาย VALA อยากใช้คำว่า “ตกหลุมรักในทันที” ผมชอบดีไซน์ของเทอร์ราเรียม ที่มีต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านเอาไว้ ภายในเป็น Lobby ดีไซน์โปร่ง เสริมความเก๋ด้วยที่นั่งแบบชิงช้าแขวนเพดาน น่ารักมากครับ ให้ความรู้สึกพริ้วไหวตลอดเวลา ประดับประดาด้วยสีเขียวของต้นไม้แปลกตารายล้อม

เราจะเช็คอินกันที่นี่ครับ พร้อมกับบัทเลอร์ส่วนตัวมาแนะนำตัวและจะเป็นผู้ดูแลผมตลอดการเข้าพัก

Landscape Tectonix Limited ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม ได้แปลกตาดีครับ ผมชอบการจัดวางต้นไม้ที่ดีไซน์สูงต่ำโปร่งทึบสลับกันไป เน้นไม้ที่เราไม่ค่อยได้เห็นตามรีสอร์ตปกติทั่วไป อย่างต้นยีราฟนี่ก็เก๋ดีและยังมีไม้พุ่มทรงสวยๆ อีกเยอะมาก ใครชอบถ่ายรูปกับธรรมชาติก็ไม่ควรพลาดครับ

Pool Villas จะแยกตัวออกมาจากที่พักโซนอาคารครับ จะเดินอ้อมไปทางหาด เพราะว่าอยู่ติดเลย ที่นี่มีรถบัคกี้รับส่งนะครับ สามารถเรียกได้เลย

วิลล่าฝั่งบีชฟอรนท์จะแบ่งออกเป็น 2 โซนครับ ของผมจะอยู่ด้วยกัน 3 หลังคือ No.1-3 ห้องผมจะอยู่ตรงกลาง ซึ่งการวางผังของวิลล่าจะแตกต่างกันออกไป มีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนกัน ใครชอบส่วนตัวหน่อย แนะนำวิลล่า 1 ส่วนวิลล่า 2 จะหน้ากว้าง เทควิวทะเลได้เต็มตา มองเห็นสระว่ายน้ำส่วนกลางด้วยครับ ส่วนวิลล่า 3 ก็จะอยู่มุมถัดไปด้านในของตัวเอง ก็สวยไปอีกแบบ

เปิดประตูเข้าไปในวิลล่า ผมว่าดีไซน์เหมือนเต้นท์แคมป์สไตล์ Glamping หรูๆ ดูโปร่งสบายดีครับ ชอบการตกแต่งของที่นี่มาก ทุกอย่างจัดวางเป็นสัดส่วน แบ่งฟังก์ชันด้านในตามการใช้งานได้ชัดเจนดี

จากรูปด้านซ้ายเป็นโซนห้องน้ำ แต่งตัว เชื่อมด้วยอ่างอาบน้ำตรงกลางระหว่างมุมพักผ่อน มีโต๊ะทำงาน มุมรับประทานอาหาร มีความเบย์วินโดว์รอบทิศทาง

ตรงกลางเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่ หัวเตียงประดับโคมไฟ พร้อมทีวีแบบตั้งขา เพื่อจะได้ไม่บังวิวทะเลเวลามองจากเตียงนอน

ด้านขวาเป็นโซฟาเบดขนาดใหญ่พร้อมกับมุมมินิบาร์ที่จะเสิร์ฟชา กาแฟ ขนมให้เราได้ทาน

เก้าอี้น่ารักมากกกกก ผมชอบนั่งมุมนี้ เปิดม่านจะเห็นวิวทะเลชัดเจนดี มีขนมจากรีสอร์ตวางไว้ต้อนรับพร้อมการ์ด ขนาดขนมยังดีไซน์ออกมาในกล่องไม้ เข้าตีมสุดๆ

มุมเตียงนอนถ่ายจากหน้าประตูเข้าไป จะเห็นว่ามีเสาขนาดใหญ่ตรงกลางห้อง คล้ายกับเสาแกนของเต้นท์โดมเพิ่มกิมมิคในการออกแบบด้วยเชือกพันรอบ เท่มากครับ

ด้านหลังหัวเตียงจะเป็นทางเดิน ถัดไปด้านในถึงจะเป็นอ่างล้างหน้าที่เจาะช่องกระจกไว้

แอบเห็นคอสตูมของผมด้านในที่เตรียมคุมโทนสีมาเต็มที่

ถ่ายรูปในวิลล่ามาหลายๆ มุมให้ได้ชมกัน ผมชอบงานออกแบบของที่นี่มาก รู้เลยว่าผ่านกระบวนการคิดมามาก เฟอร์นิเจอร์ พรอพแต่ละชิ้น บรรจงเลือกกันสุดๆ

VALA ราวกับเป็นบทบันทึกการเดินทาง Journey of Transition ที่เปลี่ยนผ่านไปตามกาลเวลา แต่ว่ายังสื่อสารความเป็นภูเขาและทะเลเมืองเพชรบุรีได้ดีมาก

ผมชอบมานั่งทำงานที่โต๊ะนี้ มองออกไปจะเห็นวิวทะเลดี๊ดี อยากจะหนีมา Work From Villa ที่นี่สักเดือนนึง

ชอบรูปนี้ สวยดีครับ ดีไซน์สวย ถ่ายมาครบเลย ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ หน้าบ้านที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวและทะเล

ห้องน้ำแยกเป็นสุขากับห้องอาบน้ำแบบชาวเวอร์ที่เจาะช่องกระจกเอาไว้ มองเห็นสวนขนาดเล็กด้านนอก ส่วน Amenities ที่ใช้เป็นของ PAÑPURI กลิ่นเป็น Lemongrass & Mandarin หอมสดชื่นเป็นธรรมชาติดีครับ

แต่ถ้าจะให้สดชื่นกว่านี้ต้องมีทั้งเลม่อน ส้มวาเลนเซียและมะนาวครับ แช่อ่างในอโรม่าคือดี มีความหอมจากผิวส้ม สดชื่นมาก เดินทางมาไกลๆ แล้วหายเหนื่อยเลยครับ

เพิ่มพลังแล้ว มีแรงไปถ่ายรูปต่อ พร้อมกับเพื่อนคู่ใจ โชว์ความหล่อของน้อง Q2 นิดนึง

มุมที่นั่งด้านนอกกว้างมากครับ พร้อมกับหลังคาแบบโปร่ง เปิดรับแสงธรรมชาติได้ดี มีรั้วกำแพงสีน้ำตาลแดงกั้นระหว่างวิลล่า แต่ว่าที่นั่งของแต่ละหลังจะไม่ติดกันนะครับ ทำให้เราได้มีความเป็นส่วนตัวอยู่พอสมควร

ภายในปลูกต้นไม้ประดับไว้เยอะเลยครับ ฟีลเหมือนเราไปนอนเต้นท์แคมป์อยู่กลางทุ่งหญ้า

มุมนี้ สามารถทำกิจกรรมได้หลากหลาย ผมสั่งอาฟเตอร์นูนทียามบ่ายมาจิบเบาๆ เลือกเครื่องน้ำเป็นน้ำตาลสดเมืองเพชรมาชิม เสิร์ฟมาในกระบอกไม้ไผ่ หอมชื่นใจแต่หวานไปนิดนึงครับ

มื้อค่ำไปทานที่ห้องอาหารของรีสอร์ต ชื่อว่า “WOODS Kitchen & Bar” ให้บริการอาหารเช้า – กลางวัน – เย็น แบบ All Day Dining

ผมไม่ได้สั่งอะไรมาทานมาก วานให้เชฟแนะนำและเลือกให้เบาๆ เพราะว่าอยากจะลดมื้อเย็นอยู่

เสิร์ฟขนมปังมาก่อนเลยครับ ทานกับโอลีฟ ออยล์และบัคซามิก ขนมปังกรอบนอก นุ่มใน ทานเปล่าๆ อร่อยดี

ส่วนอาหาร เชฟ Nelson Amorim จัดมาให้ตามที่ร้องขอบอกว่าเอาเบาๆ ก็พอ มีทั้งสลัด และ Tapus Board ซึ่งเราจะเลือก 2 อย่าง เชฟจะเลือกให้ 3 อย่าง รวมเป็น 5 จาน พอชั่นพอดีทานเลยครับ

มีทั้ง หมึกสายยัดไส้กุ้ง ราดซอสหมึกดํา / เคียวแฮมรวมมิตร / มันฝรั่งทอด เบคอนกรอบ ไข่นกกระทา ซอสพริกมะเขือเทศ สไตล์สเปน / กุ้งลายเสือคั่วพริกกระเทียม / OSSOBUCO CROQUETTES เป็นเนื้อน่องวัวตุ๋นชุบเกล็ดขนมปังทอด เสิร์ฟกับซอสมายองเนสกระเทียมดํา

ส่วนของหวานว่าจะลดแต่ก็อดใจไม่ได้ เมื่อน้องพนักงานแนะนำว่าต้องสั่ง QUINDIM อารมณ์เหมือนขนมหม้อแกงแบบแยกองค์ประกอบมา และอีกจานเป็น สับปะรดคาร์ปาชโช จานนี้อร่อยมาก ถ้ามาผมแนะนำว่าต้องสั่ง พร้อมกับขอเบิ้ลไอศกรีม

เดินดูบรรยากาศใกล้ค่ำ ยิ่งเปิดไฟยิ่งสวย น่าเสียดายที่ผมไม่ค่อยได้ออกมานั่งเล่นด้านนอกวิลล่าตัวเองเท่าไร ไหนๆ ก็เสียตังมาแล้ว ต้องอยู่ในวิลล่าให้คุ้ม 555

แต่มุมนั่งส่วนกลางภายนอกก็สวยครับ มานั่งถ่ายรูปได้เยอะเลยแหละ

“Design is a human ritual of understanding.” แต่ผมว่าเหนือสิ่งอื่นใด ธรรมชาติต่างหากที่เป็นผู้ออกแบบสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ มนุษย์เพียงแต่มีหน้าที่ทำความเข้าใจในความเป็นไปเท่านั้นเอง

รูปนี้สวยดีครับ ถ่ายมาจากโถงทางเดินในรีสอร์ต

หน้าหาดริมสระว่ายน้ำ จะมีซันเบดตั้งเรียงราย พร้อมกับทรายละเอียดนุ่มๆ ให้เราได้พักผ่อน

ชายหาดที่นี่เดินลงไปได้นะครับ เช้าๆ สวยมาก ผมเพิ่งเคยเห็นชะอำในมุมนี้ภายสวยดีเลย มองเห็นสีฟ้าเทอควอยซ์ของน้ำทะเลที่ลึกลงไปถึงก้นบึ้ง สวยดีครับ ไล่เฉดดีเลยทีเดียว

เช้าวันนี้น้ำลด ลงไปเดินเล่นจะเห็นเป็นทะเลแหวกสันทรายโผล่ขึ้นมาครับ

ทรายจากธรรมชาติ ก็นุ่มเดินดีมาก ผมถอดรองเท้าออก เพื่อจะได้สัมผัสกับทรายขาวๆ นวลเนียน

ห้องพักฝั่งอาคารหันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำและมีอีกอาคารที่หันหน้าเข้าหาทะเล

ที่นี่เป็นสมาชิกของ SLH Small Luxury Hotels of the World แน่นอนว่า ต้องยืนหนึ่งเรื่องงานดีไซน์ และเสริมด้วยแนวคิดการใส่ใจสิ่งแวดล้อมครับ

ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาเก็บแสงตะวัน อย่างที่บอกไปถ้าใครนอนรีสอร์ตแถบชะอำหัวหิน อย่ารอที่จะเห็นตะวันตกดินนะครับ เพราะฝั่งนี้จะเป็นตะวันออก มองเห็นพระอาทิตย์ตอกบัตรตั้งแต่ตีห้าครึ่ง

เช้ามากกกกกก แต่สวยคุ้มค่าสุดๆ ถ้าใครยอมตื่นเช้าเราก็จะได้เห็นแสงแบบนี้ครับ

เสร็จภารกิจถ่ายรูปเพื่อมวลมนุษยชาติแล้ว ก็กลับเข้ามาในวิลล่า กินกาแฟ ชมบรรยากาศยามเช้ากันต่อเบาๆ

เราจะได้เห็นวิลล่าในมุมมองด้านหน้าที่แปลกตาออกไปครับ

หน้าวิลล่าจัดวางซันเบดไว้ให้ข้างๆ สระ เหมาะแก่การว่ายน้ำพักผ่อน นั่งจิบอะไรสบายๆ แล้วชมวิว

ตอนแรกก็น่าแปลกใจที่ผมเป็นคนชอบมาทะเลแต่ไม่ชอบเล่นน้ำทะเล แต่ตอนนี้ดีใจที่มีหลายคนคิดและเป็นเหมือนกัน คือชอบไปนั่งๆ นอนๆ ฟังเสียงคลื่น ให้ลมพัดหน้าเบาๆ แล้วเราก็หลับไปกับทะเลหน้าวิลล่า

แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วสำหรับทะเลชะอำทริปนี้

สายๆ มีบัทเลอร์พร้อมกับพนักงานในห้องอาหารมาเสิร์ฟอาหารเช้าแบบลอยน้ำ หรือว่า Floating Breakfast ซึ่งเราได้เลือกเมนูเอาไว้ตั้งแต่ก่อนนอนเมื่อคืนครับ

ลากถาดเอง ถ่ายรูปเอง นักเลงพอ 555

สระว่ายน้ำของที่วิลล่าก็สามารถว่ายได้จริงจังนะครับ เป็นสระระบบเกลือส่วนตัว ขนาด 2.8 X 1.8 เมตร แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยได้ว่ายหรอก เน้นแช่น้ำแล้วนั่งพักผ่อนใจถ่ายรูป ชมบรรยากาศมากกว่า

ถ้าอยากว่ายน้ำจริงจัง มาที่สระส่วนกลางดีกว่าครับ เดินมานิดหน่อย แต่สระกว้างใหญ่กว่าเยอะ ว่ายน้ำได้สบาย หรือใครอยากจะถ่ายรูปก็ถ่ายไป มุมเยอะมาก มีพูลบาร์ด้วยครับ

ดูจากดีไซน์ของแลนด์สเคปและสระว่ายน้ำส่วนกลางต้องบอกว่าสะท้อนคาแรกเตอร์ของ VALA ได้ดีคือมีความ Feminine นิดๆ มีความนิ่ง สงบ มีลายเส้นชัดเจน เป็นสาวเก๋ที่ไม่ได้รักแค่ตัวเอง แต่รักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย

สระว่ายน้ำหน้าหาดที่เชื่อมต่อกัน รายล้อมด้วยอาคารซึ่งเปรียบเป็นภูเขา เหล่านี้สะท้อนอัตลักษณ์ของเพชรบุรีผ่านงานดีไซน์ที่สวยมาก

VALA เป็นทริปที่ประทับใจมาก เป็นภาพจำการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนที่ผมชอบ ทั้งงานดีไซน์ แนวคิดและงานบริการ พนักงานที่นี่น่ารัก เป็นกันเอง

ว่าแล้วก็คิดถึง VALA ครั้งหน้าว่าจะจอง Deluxe Beach Front ดูบ้าง ได้ข่าวว่าห้องนี้ก็สวยไม่แพ้กัน

แต่ยังไงก็ยกให้ Beachfront Pool Villa มาเป็นอันดับหนึ่งในใจ

ที่สนใจสามารถตามรอยมาได้นะครับ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.valahuahin.com หรือ www.facebook.com/valahuahinTH

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน