#ถอดรหัสดีไซน์ The Ritz-Carlton Bangkok
รีวิวโรงแรมเปิดใหม่ใน One Bangkok
/
ในอดีตย่านวิทยุถือว่ามีความทันสมัยเห็นได้จากการเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุแห่งแรกของไทย มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับต่างชาติ การเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5 ต่อมามีการตั้งสถานฑูตหลายๆ ประเทศ เคยเป็นเคหสถานของเหล่าขุนนาง คหบดี ย่านเศรษฐีคนรวยในสมัยศตวรรษที่ 19
สถาปนิกจาก SOM จากชิคาโก และบริษัท A49 ของไทย จึงได้หยิบยกเอาเรื่องราว ไลฟ์สไตล์และงานดีไซน์มาปรับให้ดูร่วมสมัยแบบตะวันตกแต่ยังคงเสน่ห์แบบไทยเอาไว้ นำเสนอออกมาเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ผสมผสานมรดกทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของสยาม เข้ากับความสง่างามเหนือกาลเวลาของ The Ritz-Carlton และการออกแบบที่เรียบหรูครับ
ถ้าเรามองจากภายนอกจะเห็นการออกแบบให้มีเฉลียงแบบเปิดที่ไล่ระดับขึ้นอย่างงดงาม ให้มุมมองที่กว้างไกลไปถึงสวนลุมพินี นำเอา Element เส้นโค้งของหลังคาบ้าน การใช้ Texture อย่างพวกกระเบื้อง Terracotta มาใช้กับ Facade เป็นต้น
ส่วนการตกแต่งภายในดีไซน์โดย PIA ลงดีเทลได้ค่อนข้างละเอียด นำเสนอความเป็น Thai Noble House ได้หรูหราดีครับ
เริ่มจากประตูทางเข้าดีไซน์เป็นโค้งทรง ARCH สไตล์นีโอ-เรเนอซองก์ เนื่องจากบ้านเรายุคนั้นเริ่มได้รับอิทธิพลของงานดีไซน์มาจากฝรั่งพอดี เห็นได้จากงานออกแบบของพระที่นั่งอนันตสมาคม
ทั่วโรงแรมจะประดับอาร์ตพีซจากศิลปินไทยและต่างชาติ เพราะต้องการให้ฟีลลิ่งมีความเป็นที่พักอาศัยของชนชั้นสูง ที่ได้ไปเปิดโลก เดินทางไปต่างประเทศ ได้เห็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามและนำอาร์ตสวยๆ มาประดับตกแต่งไว้ที่บ้าน
ที่เราชอบคือการออกแบบ TypoGraphy Design ขึ้นมาใหม่จาก be>our>friend studio ให้ความรู้สึกถึงการเขียนจดหมายจากปลายน้ำหมึกปากกาตวัดในยุคนั้น ทำออกมาได้เรียบหรู ดูคลาสสิค เราสามารถมองเห็นได้จากทุกจุดทั้งปุ่มลิฟต์ ป้ายบอกชั้น และการสื่อสารดีไซน์ด้วยตัวหนังสือในทุกพื้นที่
งานดีไซน์ให้ฟีลลิ่งของความเป็นบ้าน อย่าง Arrival Hall ก็มีความเป็น Patio ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนึ่งในตำหนักในพระราชวังดุสิต ด้านหน้าจัดวางบ่อน้ำสีดำเอาไว้ประดับด้วยงานศิลปะของ Fredrikson Stallard จากสวีเดน เพื่อที่แขกจะได้รู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้เดินเข้ามาในส่วนพื้นที่รับรองช่วงต้น ก่อนจะขึ้นไปเช็คอินที่ชั้นบนกันต่อ
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกมาถึงชั้น 8 Lobby จะมองเห็นบ่อน้ำที่ประดับด้วยงานศิลปะที่ใช้เทคนิคการเป่าแก้วเป็นดอกไม้ โดยศิลปินคุณปุณ-ณัฐกรณ์ คณิตวรานันท์ เพื่อแสดงวัฏจักรของการเติบโตซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากวังสระปทุม ส่วนลายกระเบื้องบนพื้นออกแบบขึ้นมาใหม่โดยอินสไปร์มาจากดอกพิกุล บริเวณนี้จะมีบาร์ที่ได้แนวคิดการออกแบบมาจาก Drawing Room ห้องนั่งดื่มในบ้านสำหรับต้อนรับแขกคนสนิท จะอยู่หลบเข้ามาด้านในนิดนึงเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว
Landscape Design โดย SHMA จะเน้นความเป็น Timeless Space ทำให้สิ่งต่างๆ สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่รู้สึกน่าเบื่อ แบ่งออกเป็น 3 เลเยอร์ คือ Mound, Mountain และ Cloud เลือกพันธุ์ไม้ที่แตกต่างกันไปเพื่อให้เกิดมิติของการจัดวาง มีไม้ชื่อแปลกๆ เยอะเลยครับ เช่น วาสนานางฟ้า ฟ้าประดิษฐ์ ซุ้มกระต่ายเขี้ยว ไอริส ข้าวตอกซากุระ ฯลฯ
สระว่ายน้ำมองเห็นวิวสวนลุมพินี ลงมาชั้นล่างจะมีลานกว้างสำหรับชมวิวพระอาทิตย์ตกดินมีฉากหน้าเป็นสวนลุมพินี วิวนี้สวยจริงๆ ทุกๆ เย็นจะมี Defining Moment ที่นี่ด้วย ช่วงนี้เป็นการตีกลองยาวต้อนรับแขก ด้วยเสียงที่ก้องกังวานนี้แสดงถึงการเริ่มต้นของการเฉลิมฉลองยามเย็น
เราได้ไปชม Deluxe Lumpini Park View with Balcony เป็นห้องที่มีระเบียง ฟีลดีมาก นั่งพักผ่อนมองวิวสวนลุมสวยๆ ได้เต็มตา ส่วนอีก Roomtype ที่ชอบคือ Amaranth Suites ห้องน้ำสวยจึ้งมาก มีอ่างอาบน้ำติดกระจกใสแช่น้ำไปชมวิวสวนลุมพินีไป อยากนอนห้องนี้มาก
งานดีไซน์จะรีเลทกับความเป็นไทยโดยใช้ดอกไม้เข้ามาเป็นตัวเชื่อมประสาน เห็นได้จากห้องพักทั้ง 260 ห้อง ตกแต่งแบบร่วมสมัยโดยนำเอาดอกไม้ไทย อาทิ พิกุล บัว พุด บานไม่รู้โรย ดาวเรือง จำปี มาใช้สร้างบรรยากาศที่แตกต่างกันไป ภายในห้องจะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีไอเดียหนึ่งที่ชอบคือการประดับด้วยตู้โชว์ของสะสมภายในบ้านเรียกว่า Cabinet of Curiosities นำเอามาใช้ประดับห้อง พร้อมกับเป็นตู้มินิบาร์ในตัว ส่วน Amenties ให้เป็นของ diptyque
ส่วนของ F&B Outlets มี 3 ที่ เริ่มจากไฮไลท์คือ Duet by David Toutain โดยเชฟมิชลินสตาร์ชื่อดัง David Toutain และเชฟ Valentin Fouache เสิร์ฟอาหาร Modern French Cuisine ดีไซน์เป็นเรือนกระจก เปิดวันนี้พร้อมกับโรงแรม
Lily’s ห้องอาหารหลักของโรงแรม นำเสนอสไตล์ที่ร่วมสมัย ส่วนบาร์ชื่อ Caleō มาจากภาษาละตินหมายถึง “การตกหลุมรัก” ใครชอบจิบชายามบ่ายหรือว่าดื่มไวน์ตอนเย็น เห็นทีจะต้องไม่พลาด เป็นบาร์ที่วิวพระอาทิตย์ตกที่สวยมากจริงๆ
ด้วยความที่ The Ritz-Carlton Bangkok ตั้งอยู่ฝั่งถนนวิทยุหันหน้าอาคารไปทางสวนลุมพินี ด้านขวาจะเป็นวิวถนนสุขุมวิท ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นวิวสาทร ซึ่งเป็น CBD ของกรุงเทพ เรียกว่าโลเคชั่นคือดีย์มาก
The Ritz-Carlton Bangkok มี 25 ชั้น ส่วนชั้นบนเป็น Residence ห้องบอลรูมใหญ่มากขนาด 1,300 ตร.ม. มองเห็นวิวของสวนลุม ใช้โทนสีเบจดูอบอุ่นดี ประดับด้วยงานของ Paolo Canevari ศิลปินชาวอิตาเลียนที่สะท้อนถึงศาลาการเปรียญของวัดในสไตล์ที่ดูโมเดิร์นงานนี้เคยจัดแสดงที่ Bangkok Art Biennale มาแล้ว
ดูเหมือนโรงแรมจะให้ความสำคัญกับ Art & Culture มากเป็นพิเศษ จะมีทีมที่ดูแลเรื่องนี้ ซึ่งเรามองว่าเป็นเทรนด์ของโรงแรม Ultra Luxury ที่ต้องการมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับแขกผู้เข้าพัก แต่ด้วยความที่ The Ritz-Carlton อยู่ที่ One Bangkok ก็จะมีอาร์ตลูปให้เดินชมมากกว่าที่อื่นหน่อย เดินได้รอบประมาณ 2 กิโลเมตร เยอะมากกกกกกก







































