Rosewood Bangkok

#นี่กรุงเทพหรือแมนฮัตตัน

ด้วยความที่ช่วงวันเกิดตรงกับสงกรานต์พอดี

ปีนี้ไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศเพราะติดงาน

ครั้นจะอยู่บ้านก็ดูจะเงียบเหงาใจ

เปิดห้องสวีท ฉลองไปแบบเงียบๆ

พร้อมกับนั่งทำงานไปด้วยเพราะยุ่งขิงจริงๆ นะ

.

กานต์มาพักที่ Rosewood Bangkok

เป็นโรงแรมระดับ Ultra Luxury

ที่เล็งว่าจะมาพักหลายที แต่ก็ยังไม่มีจังหวะ

ประทับใจในกลิ่นอายและเสน่ห์ของ Rosewood

เป็นฟีลกู๊ดแบบลักชูร์ ที่ดูดีตั้งแต่งานออกแบบดีไซน์

ไปจนถึงการให้บริการในเอ้าท์เลทต่างๆ

ที่สำคัญ #เป็นโรงแรมที่มีมุมถ่ายรูปสวยมาก

.

เอาจริงนะ รักในความเซอร์ไพรส์ของทีมแม่บ้าน

ที่ตั้งใจปั้นผ้าเช็ดตัวทำเป็นรูปเค้กก้อนใหญ่

แอบวางไว้ตอนเทิร์นดาวน์ช่วงเย็น

ตอนค่ำยังมีทีมบัทเลอร์ยกเค้กจริงมาให้

ร้องเพลงอวยพร พร้อมของขวัญอีกกล่อง

แค่นี้ก็จะร้องไห้แล้ว … ซึ้งมากกกกกก

เป็นทริปวันเกิดที่เรียบง่ายแต่งดงาม

“I am convinced that there can be luxury in simplicity.”

.

เอาล่ะ ไปชมภาพพร้อมกับอ่านแคปชั่นกันต่อด้านในเช่นเคยครับ

______________________________

แจกของขวัญวันเกิด #แฟนตัวยง ดีกว่า ถ้ารักกันจริงต้องตอบได้ มาทายกัน คุณกานต์อายุครบกี่ขวบ เล่นขำๆ หมดเขตตอบวันที่ 5 พค เดี๋ยวจับแจกส่งถึงบ้านกันเลยทีเดียว

ROSEWOOD กรุงเทพ เป็นโรงแรมหรูระดับโลก อยู่ย่านเพลินจิตนี่เองครับ การเดินทางสะดวกมาก กานต์ขับรถมาจอดที่ Drop-off จากนั้นจอดไว้ยาวเลย จะแว๊ปไปหาเพื่อนไปเดินสยาม ก็ใช้ BTS เอาสะดวกดี

ดีไซน์ของตึกหลายคนเคยเห็นแล้ว เป็นคอนเซ็ปต์ “ไหว้” ดีไซน์จะเป็นคล้ายกับมือกำลังพนม ดังนั้น งานตกแต่งภายในจึงเป็นกระจกทรงสโลปเป็นหลัก ซึ่งผมว่าเก๋ดีครับ อารมณ์เหมือนอยู่เพนท์เฮ้าส์หรูใจกลางแมนฮัตตัน

ROSEWOOD เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่อยู่ในลิสต์ Top Ten Ultra Luxury in Bangkok ของผมที่ตั้งใจว่าจะต้องมาพักให้ได้สักครั้ง

ด้วยความที่มีชื่อเสียงระดับโลก มาตรฐานการบริการของ Hospitality ระดับดีเยี่ยม ควรค่าแก่การมาลองเปิดประสบการณ์ใหม่ใจกลางกรุงเทพดู

ทำให้รู้สึกว่า เป็น 2 คืนที่พิเศษมาก

ทริปนี้ตั้งใจมาฉลองวันเกิดแบบเงียบๆ เพราะเพื่อนๆ ทยอยออกต่างจังหวัดไปเที่ยวต่างประเทศกันหมดแล้ว ส่วนเราผู้ซึ่งยุ่งมาก เลยต้องหอบโน๊ตบุ๊ค หิ้วงานมาทำที่โรงแรมเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ

กดลิฟต์มาที่ชั้น 7 ได้เลยครับ จะเป็นในส่วนของ Lobby ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา

เคาน์เตอร์รีเซฟชั่นจะอยู่ด้านในซ้ายมือครับ ตกแต่งสวยงามหรูหราด้วยเคาน์เตอร์หินอ่อน บนโต๊ะไม่มีอะไรรกสายตา เน้นความเรียบง่าย

พนักงานรอให้การต้อนรับอยู่แล้วครับ

เช็คอินเสร็จจะมีบัทเลอร์นำพาเราไปยังห้องพักซึ่งจะใช้ลิฟต์ที่อยู่ด้านในสำหรับแขกที่พักอาศัยทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว

หน้าลิฟต์แต่ละชั้นประดับด้วยงานศิลปะ ราวกับเป็นแกลอรี่ในโรงแรม

ส่วนการตกแต่งโถงทางเดินไปยังห้องพักก็เน้นความเป็นไทย มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ นำเสนอผ่านการออกแบบที่เรียบง่าย เราพักห้องสวีทชั้น 28 ซึ่งชั้นนี้จะมห้องพักเพียง 4 ห้องเท่านั้น

เปิดประตูเข้ามาจะเป็นวิวนี้เลยครับ หน้าต่างเปิดกว้างมีช่องแสงในตอนบ่าย ส่องสว่างเข้ามาภายในห้อง แทบไม่ต้องเปิดไฟเลยนะ

ห้องกว้างมาก แยกฟังก์ชั่นเป็น Living Area ด้านนอก พร้อมโซฟาขนาดใหญ่ เอาไว้นั่งพักผ่อนและรับแขกไปในตัว

มีมุมด้านหน้า สำหรับใส่รองเท้า ก่อนออกจากห้อง และด้านหน้าประตูของห้องนี้มีห้องน้ำแบบ Powder Room ไว้รองรับสำหรับแขกด้วยครับ

ด้านในเป็นโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่ง เรียกว่ากำลังดี มีมินิบาร์อยู่ด้านขวามือ เครื่องดื่ม ขนมทานได้ทุกอย่างเลยครับ

หน้าต่างหันไปทางทิศตะวันตก ดังนั้นจะเป็นห้องที่วิวพระอาทิตย์ตกดินใจกลางเมืองที่สวยมากๆ แน่เลยครับ

ด้านในเป็นห้องนอน ซึ่งมีขนาดกว้างขวางจริงๆ จัดวางเตียงนอนตรงกลางห้อง พร้อมโต๊ะหัวเตียง ผ้าม่านสามารถเปิดปิดได้ด้วยไฟฟ้า

ด้านข้างเป็นห้องน้ำที่แยก 2 ฝั่งแบบ His & Her ตรงกลางมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ส่วนสุขาเป็นแบบอัตโนมัติ

เอกลักษณ์หนึ่งของ ROSEWOOD คือการใช้ชุดคลุมอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวของ Frette จากอิตาลี แบรนด์เครื่องนอนที่ดีที่สุดในโลก

พาชมห้องพักเสร็จแล้ว ได้เวลาทานมื้อกลางวันเลทนิดหน่อย แน่นอนว่าต้องเป็นที่ห้องอาหารจีน Nan Bei แนะนำว่าให้จองล่วงหน้ามาก่อนครับ เพราะโต๊ะเต็มเกือบทุกวัน

ห้องอาหารตกแต่งสวยมาก การเลือกใช้สีจับคู่กันออกมาคือดี แตกต่างจากห้องอาหารจีนทั่วไปที่เน้นสีแดงเป็นหลัก สะท้อนถึงมิติใหม่ในการรับประทานอาหารจีน

Nan แปลว่า ภาคใต้ Bei แปลว่า ภาคเหนือ จึงเป็นการนำเสนออาหารจีนของ 2 ภูมิภาคที่มาพบกันที่นี่ ซึ่งมี 2 ครัวแยกกันให้เห็นชัดเจนเลยครับ

ห้องอาหารมี 2 ฝั่งแบบเหนือและใต้ พร้อมห้องส่วนตัวหากใครจองมากันเป็นหมู่คณะต้องการความไพรเวท

ระหว่างทางก็ตกแต่งด้วยการโชว์วัตถุดิบแบบจีนๆ เช่น ใบชา ที่บ่มมาจนหอม จนอดใจไม่ไหว ต้องสั่งชาหอมหมื่นลี้มาชิมสักหน่อย

บริกรแนะนำอาหารคละกันไปทั้งเหนือและใต้ อาหารทางใต้จะมีรสชาติจัดจ้านกว่า ทางเหนือที่เน้นรสละมุน

จะสั่งอะไรก็สั่งไป แต่ถ้าใครลืมหมูกรอบ และหมูแดงอบน้ำผึ้ง ผมว่าคุณพลาดแล้วครับ

กรอบลื้มมมมมมมมม

ถ่ายภาพกับสะพานดาวด้านหน้า เป็นห้องอาหารจีนที่ผมว่าตกแต่งสวย อาหารอร่อย

พามาเดินย่อยรอบๆ โรงแรมกันบ้าง ตั้งใจว่าจะแวะไปซื้อหนังสือที่คิโนะมาอ่านตอนกลางคืน เดินผ่านทางเชื่อมรถไฟฟ้าบริเวณชั้น 3 เพิ่งเห็นว่าโรงแรมมีแกลลอรี่ขนาดย่อมจัดแสดงเอาไว้ด้วย

ตอนบ่ายแก่ๆ ก็ได้เวลามานั่งเคลียร์งานเคลียร์ใจต่อ บรรยากาศดีมากครับ มองเห็นวิวกรุงเทพในมุมสูง แปลกตาไปกว่าที่เคย

เดินลงไปที่ชั้น 9 กันบ้าง ตอนบ่ายแก่ๆ กะว่าจะไปว่ายน้ำ มองเห็นมีห้องอาหารเพื่อสุขภาพซ่อนตัวอยู่เงียบๆ ใกล้ๆ สระว่ายน้ำชื่อว่าห้องอาหาร G&O เหมาะสำหรับคนมาออกกำลังกายแล้วแวะทานอาหารเบาๆ เพื่อสุขภาพก่อนกลับ

สระว่ายน้ำสวยมาก แยกสระใหญ่และมีจากุซชี่คั่นกลาง รอบๆ สระฝั่งด้านหน้าปลูกต้นไม้เอาไว้ให้ความร่มรื่นชื่นใจดี

ที่มีก็เหมือนโรงแรมระดับหรูทั่วไป มีการขายเมมเบอร์สำหรับใช้บริการฟิตเนส สระว่ายน้ำด้วยนะครับ ถ้าไม่อยากพักก็ซื้อเมมเบอร์แล้วมาแวะออกกำลังกายได้

สระว่ายน้ำตอนหัวค่ำเปิดไฟแล้วสวยไปอีกแบบ

กลับเข้าห้องมา พบกับเซอร์ไพรส์ ทีมแม่บ้านปั้นเค้กก้อนใหญ่ 2 ชั้นประดับด้วยดอกกุหลาบ พร้อมการ์ดอวยพร

เป็นสิ่งเล็กๆ ที่สร้างพลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้กับผมมากๆ ครับ

ถ้าใครมาพัก ROSEWOOD BANGKOK ตอนค่ำต้องไปที่ LENNON’s BAR

เป็นบาร์สไตล์อังกฤษที่ตกแต่งสวย มีความวินเทจนิดๆ อบอุ่นเหมือนมานั่งฟังเพลงที่บ้านของเลนนอน

ด้านในกว้างขวางที่มีนั่งหลากหลาย ส่วนใหญ่แขกจะรีบมาจับจองโต๊ะริมกระจกก่อนเพราะวิวสวย

ด้านบนขึ้นบันไดไปจะเป็นห้องสูบซิการ์

หน้าบาร์ก็วิวดีไม่แพ้กัน ตกแต่งสไตล์ Mid-Century ที่ผมว่าเก๋ดีมาก

สั่งเครื่องดื่มมาจิบเบาๆ ระหว่างรอทานข้าวมื้อเย็น

ช่วงหัวค่ำ แอบแว๊บมาเปลี่ยนชุดจะออกไปทานข้าว มีทีมบัทเตอร์ มาเซอร์ไพรส์ ทั้งเค้ก ทั้งขนม ทั้งการ์ดอวยพรและของขวัญ น่ารักและประทับใจมากครับ

เป็นคืนที่มีความสุขแบบเรียบง่าย ใกล้ๆ ตัว เก็บไว้ในความทรงจำ เพราะตื่นเช้ามาเราก็ต้องเริ่มต้นชีวิตในวันใหม่

อายุเปลี่ยน ความคิดความอ่านก็เปลี่ยนไป เอาจริงๆ แทบไม่ต้องมีงานฉลองอะไรใหญ่โต แค่ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง กาแฟสักแก้ว เช้านี้ก็มีความสุขมากแล้วครับ

ห้องอาหารเช้า ชื่อว่า LAKORN EUROPEAN BRASSERIE ที่ให้บริการตลอดทั้งวันรวมถึง Afternoon Tea ยามบ่ายด้วยครับ

LAKORN EUROPEAN BRASSERIE เป็นห้องอาหารที่สวยมาก โดยเฉพาะช่วงบ่ายแก่ๆ จะได้แสงสีทองของแสงแดดที่สาดส่องกระทบผ่านกระจกเข้ามา ต้องประกายกับเครื่องแก้ว จานชามต่างๆ ผมว่าเป็นห้องอาหารที่หรูหรามาก แขกนอกสามารถเข้ามาใช้บริการได้โดยไม่จำเป็นห้องพักที่นี่ครับ

ในส่วนของอาหารเช้าคือดีงามมทั้งไลน์อาหารที่จัดวางเอาไว้ เบเกอรี่ น้ำส้ม ขนม ชีสต์ ผลไม้

ส่วนเมนูอื่นๆ สามารถสั่งได้จากพนักงานครับ Egg Benedicts ไม่ควรพลาด ซอสดีงามมาก ส่วนครอฟเฟิลผมว่าแป้งกรอบดี และอีกเมนูสไตล์ไทยที่ชอบคือหมูปิ้งจิ้มแจ่วครับ หมูนุ่มดีมาก

ส่วนเช้าของอีกวัน ผมสั่งเป็น In room ทานในห้องพักแบบส่วนตัว บริการสำหรับแขกที่พักห้องสวีทขึ้นไปสามารถใช้บริการได้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

เป็นอีกเช้าที่พิเศษมากๆ ครับ โดยรวมคือประทับใจในการบริการ ตลอดจนเรื่องราวๆ ระหว่างทางที่อาจจะดู เล็กๆ น้อยๆ ในสายตาของใครหลายๆ คน แต่สำหรับผม มองว่าเป็นความรู้สึกดีที่ยิ่งใหญ่มากๆ ครับ

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน