PARK HERITAGE, Pattanakarn

🌳“𝐀 𝐖𝐚𝐥𝐤 𝐢𝐧 𝐍𝐚𝐭𝐮𝐫𝐞, 𝐖𝐚𝐥𝐤𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐒𝐨𝐮𝐥 𝐛𝐚𝐜𝐤 𝐇𝐨𝐦𝐞.”🏡

คำว่า “บ้าน” ในวลีนี้ อาจจะไม่ได้มีความหมายชัดว่าเป็นที่อยู่อาศัย หากแต่เป็นการเดินกลับเข้าไปสู่ธรรมชาติ คือการสำรวจจิตวิญญาณ ความคิด ความรู้สึกและย้อนกลับไปมองตัวตนของเรา

สุภาษิตเซนเคยบอกว่า “𝐌𝐚𝐧 𝐬𝐭𝐚𝐧𝐝𝐬 𝐢𝐧 𝐡𝐢𝐬 𝐨𝐰𝐧 𝐬𝐡𝐚𝐝𝐨𝐰 𝐚𝐧𝐝 𝐰𝐨𝐧𝐝𝐞𝐫𝐬 𝐰𝐡𝐲 𝐢𝐭’𝐬 𝐝𝐚𝐫𝐤.” มนุษย์ยืนอยู่ในเงาของตัวเอง คอยสงสัยว่าทำไมมันถึงมืด แต่ท้ายที่สุดผมว่าเราไม่สามารถหนีจากตัวตนของเราไปได้ ดังนั้น จะเป็นการดีมากหากเรารู้จักเรียนรู้ที่จะยกธรรมชาติมาไว้ในจิตใจ มาไว้ในวิถีชีวิตประจำวัน ให้เรากับต้นไม้เป็นกัลยาณมิตรต่อกัน สุดท้ายคือการที่เราได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

รีวิวนี้ KΔNT พามาสัมผัสกับโครงการหรูระดับ Luxury วิลล่าหลังใหญ่ ดีไซน์สวย รุ่มรวยไปด้วยพื้นที่สีเขียวของต้นไม้และธรรมชาติที่รายล้อม พร้อมจะส่งต่อคุณค่าแห่งการพักอาศัยเช่นนี้ไว้เป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่น นั่นคือโครงการ PARK HERITAGE ตั้งอยู่บนทำเลที่ยอดเยี่ยมมากเพราะพัฒนาการถือเป็น Prime Location ด้วยความที่ใกล้ทองหล่อเพียง 10 นาที หรือเพียง 4 กม.เท่านั้น เชื่อมต่อกับถนนหลายสายและใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน

ตัวบ้านดีไซน์สวย ภายนอกออกแบบสไตล์ Modern Classic Luxury ที่คงความเรียบหรู ส่วนภายในบ้านตัวอย่างตกแต่งได้สวยงามมากครับ มาพร้อมกับโทนสีเบจตัดกับเส้นสายสีน้ำตาลเข้มออกดำ ทำให้บ้านดูมีมิติ น่าอยู่อาศัย

ภายในบ้านมีสระว่ายน้ำพร้อม Terrace ให้เรานั่งพักผ่อนในวันสบายๆ ส่วนฟังก์ชั่นใช้สอยภายในบ้านออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัวที่พร้อมจะเชื่อมต่อทุกความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวได้ตลอดเวลา

ด้านพื้นที่ส่วนกลางต้องบอกว่าสวยงามร่มรื่น มีความโดดเด่นด้วยภูมิสถาปัตย์ สระว่ายน้ำ Semi-outdoor ขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสระว่ายน้ำในร่มเพราะปกคลุมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่คอยให้ร่มเงา ราวกับมาพักผ่อนอยู่ที่รีสอร์ตหรู ด้วยความที่ขยับมาอยู่ด้านในห่างจากถนนใหญ่ทำให้ได้ประโยชน์เรื่องความเงียบสงบ สดชื่น สบายใจเหมือนเป็นโอเอซิสใจกลางกรุงเทพฯ เลยครับ

เริ่ม 49 – 95 ล้าน*

ลงทะเบียนรับข้อมูลเพิ่มเติม : https://bit.ly/3hqxoBV

KΔNT จึงอยากพาไปสัมผัสกับธรรมชาติอันล้ำค่าที่มาพร้อมกับที่พักอาศัยสุดหรู ผ่านภาพถ่ายในคอลเลคชั่น PARK HERITAGE พร้อมกับอ่านเรื่องราวกันต่อที่แคปชั่นด้านในไปพร้อมกันครับ

PARK HERITAGE พัฒนาการ 20 เป็นโครงการวิลล่าสุดหรูบนเนื้อที่ 12–3–55.5 ไร่ ในทำเลที่โดดเด่นมาก เพราะสามารถวิ่งตรงเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ทันที เชื่อมต่อกับถนนเพชรบุรีเพื่อเข้าไปยังย่านทองหล่อ เอกมัย อโศก สุขุมวิท หรือจะออกพระราม 9 เลียบทางด่วนรามอินทราก็ง่าย สัญจรไปสู่ถนนเส้นหลักได้หลากหลายเส้นทาง

ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัชและฉลองรัช ด้วยความที่อยู่ซอยพัฒนาการ 20 ข้อดีก็คือไม่ต้องลอดอุโมงค์ข้ามแยกพัฒนาการ ลดปัญหารถติดได้แน่นอน

ส่วนสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการ PARK HERITAGE มากที่สุดคือสายสีเหลืองคือสถานีหัวหมากและสถานีกลันตันซึ่งจะเปิดให้บริการเดินรถในอนาคตอันใกล้นี้แล้วครับ

โครงการ PARK HERITAGE เน้นความเป็น Private Residence ของลูกบ้านทั้ง 32 ยูนิต ซึ่งผมถือว่ามีจำนวนไม่มาก ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง

โครงการตั้งอยู่ในซอยพัฒนาการ 20 แยก 8 แต่เข้ามาไม่ลึกมาก ข้อดีที่ผมสัมผัสได้คือความเงียบสงบใจกลางเมือง แทบจะไม่ได้ยินเสียงรถราวิ่งไปมา ทั้งยังมีต้นไม้น้อยใหญ่ที่ปลูกไว้ในโครงการคอยเป็นบัฟเฟอร์กันเสียงและมลพิษอื่นๆ ให้อีกด้วยราวกับเป็นโอเอซิสใจกลางกรุงเทพมหานคร

ทำเลนี้ถือเป็น Prime Location รอบล้อมด้วยสถานศึกษาชั้นนำ อาทิ โรงเรียนนานาชาติเอกมัย, ดิ อเมริกัน สคูล ออฟ แบงค็อก, โรงเรียนนานาชาติ บางกอก เพรพ ฯลฯ

ทั้งยังใกล้โรงพยาบาล อาทิ โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท, โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ ฯลฯ

ห้างสรรพสินค้า อาทิ ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์, เดอะ คอมมอน ทองหล่อ ฯลฯ รวมถึงร้านอาหาร คาเฟ่ และอื่นๆ อีกมากมาย

แนวคิดการออกแบบโครงการ เป็นงานสถาปัตยกรรมที่นำเอาธรรมชาติเข้ามาผสมผสานกับกับงานออกแบบ ให้มีความเป็น Modern Classic Luxury นำเสนอความเรียบง่ายในการพักอาศัยแต่ใส่ใจในทุกรายละเอียด

เมื่อเข้ามาในโครงการเราจึงได้สัมผัสกับบรรยากาศที่สวยงาม ร่มรื่นน่าอยู่อาศัย เต็มไปด้วยต้นไม้สมชื่อ PARK HERITAGE จริงๆ

โครงการออกแบบ Landscape และวางผังบ้านทุกหลังอย่างเป็นสัดส่วน เป็นลักษณะ Double Front เสมือนมีหน้าบ้านทั้ง 2 ฝั่ง พื้นที่หลังบ้านทุกหลังจะไม่ติดกัน วางผังให้บ้านเรียงตัวกันเป็นแนวเดี่ยวและเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวแก่ผู้อยู่อาศัย

ทางโครงการจัดผังแบบคลัสเตอร์ที่ไม่สามารถทะลุหากันได้ ดังนั้น รถหรือคนที่จะเข้ามาในซอยบ้านเราได้ก็จะมีแค่ของบ้านเรากับเพื่อนบ้านข้างๆ ไม่กี่หลังเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังเน้นพื้นที่สีเขียวของต้นไม้ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่คอยให้ร่มเงาและบรรยากาศที่ร่มรื่นแล้ว ยังเป็นแนวกำแพงต้นไม้เพื่อสร้างธรรมชาติสีเขียวขนาดใหญ่รายล้อมบ้านของเราอีกด้วย

สำหรับแบบบ้านที่กานต์พามาชมกันในครั้งนี้คือ บ้าน Type L ขนาดที่ดิน 104-133 ตร.วา. พื้นที่ใช้สอย 778 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ พร้อมห้องอเนกประสงค์ ห้องสมุด ห้องพระ มีสระว่ายน้ำส่วนตัวและลิฟต์โดยสารภายในบ้าน ด้านหลังมีห้องนอนแม่บ้าน หน้าบ้านสามารถจอดรถยนต์ได้มากถึง 5 คัน

ถ้ามองจากภายนอกเราจะเห็นว่าสถาปนิกออกแบบให้มีต้นไม้และธรรมชาติสีเขียวคอยแทรกอยู่ในทุกส่วนของบ้าน ผสานเข้ากับการเลือกสรรวัสดุระดับพรีเมี่ยมนำมาใช้เพื่อให้บ้านมีความหรูหรา ทว่ากลมกลืนกับบริบทของธรรมชาติแวดล้อม

ผนังภายนอกบ้านจะใช้หิน Travertine มาเป็นพื้นผิว ทำให้เห็นเป็นสีเบจอ่อนที่มีลายร่องหินอยู่คล้ายกับศิลปะโรมัน เมื่อเวลาผ่านไปผนังจะมีความเปลี่ยนแปลงเหมือนหินตามธรรมชาติที่ยังคงให้ความรู้สึกหรูหราอลังการ ดูแลรักษาง่าย กอปรกับการออกแบบช่องแสงธรรมชาติให้สาดส่องเข้าไปภายในบ้านอย่างทั่วถึงทุกจุด ผ่านกระจกใสบานใหญ่ ทำให้ตัวบ้านเป็นงานดีไซน์ที่โมเดิร์นมากครับ

ภายนอกบ้านดีไซน์เป็นบ้านหน้ากว้างซึ่งต้องยอมรับว่ากว้างมากจริงๆ ครับ ครั้งแรกที่มาชมผมยังค่อนข้างงงเลย นึกว่าเป็นบ้าน 2 หลังติดกัน เพราะลานจอดรถจะแบ่งออกไป 2 จุด ฝั่งซ้ายจอดรถได้ 2 คัน คั่นกลางด้วยประตูทางเข้ามาบ้านที่จะมีรั้วต้นไม้คอยอำพรางสายตาจากภายนอกเอาไว้เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว

ส่วนลานจอดรถด้านขวาสามารถจอดรถได้อีก 3 คัน ทั้ง 2 จุดวางระบบในการติดตั้ง EV Charger เป็นระบบไฟฟ้า 3 เฟส ที่แยกจากระบบไฟของตัวบ้านเอาไว้ให้แล้วครับ

Main Entrance ของตัวบ้าน ติดตั้งชุดประตูของ Tostem จากประเทศญี่ปุ่น ทางโครงการได้ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้แล้วครับ เมื่อเปิดประตูเข้าไปด้านในจะเป็นโถงต้อนรับขนาดใหญ่แบบ Double Volume เบื้องหน้าเป็นสระว่ายน้ำ ส่วนฟังก์ชั่นภายในบ้านจะแยกเป็น 2 ฝั่งครับ

เมื่อเข้ามาภายในตัวบ้านเราจะพบกับพบกับ Common Area ที่มีขนาดใหญ่

ชั้นล่างแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝั่ง ด้านซ้ายบ้านตัวอย่างจัดเป็น Great room ขนาดใหญ่สำหรับรับรองแขก ตกแต่งได้หรูหรามีระดับ โดยจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่มากกว่า 10 ที่นั่งกระจายกันไปพร้อมงานเก้าอี้ดีไซน์สวย

ผนังด้านนอกเป็นกระจกใสแบบ Full-height เปิดรับวิวสระว่ายน้ำด้านนอก พร้อมประตูที่สามารถเปิดออกไปยัง Pool Deck และสระว่ายน้ำได้ทันที พื้นปูด้วยหินอ่อน White Venus ดูหรูหรามีระดับ

ภายในบ้านตัวอย่างตกแต่งในสไตล์ French Classic Elegance ที่เน้นความหรูหราและโอ่อ่ากว้างขวางของการอยู่อาศัย แต่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการ ให้ความสำคัญกับการสร้างปฏิสัมพันธ์ของคนทุกรุ่นในครอบครัว

ถัดมาเป็น สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ มีขนาดกว้าง 2.5 เมตร ยาว 12 เมตร อยู่ค่อนไปทางด้านหลังบ้านขนานไปกับตัวบ้าน ทำให้เราได้ความเป็นส่วนตัว ด้วยความที่ด้านหลังรั้วไม่ติดกับบ้านหลังอื่น ทำให้ได้รับความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้นปราศจากการรบกวนทั้งจากบ้านเราเองและเพื่อนบ้าน

Pool Deck มีขนาดใหญ่ ออกแบบให้เป็น Court ใจกลางบ้าน จัดวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งไว้ทั้ง 2 ฝั่ง เหมาะสำหรับวันพักผ่อนสบายๆ หากไม่ได้ว่ายน้ำก็สามารถมานั่งจิบกาแฟยามเช้า รับข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ หรือชวนเพื่อนมานั่งจิบน้ำชายามบ่ายในบรรยากาศสบายๆ มีแสงแดดสาดส่องลอดใบไม้เกิดเป็นเงา เพื่อไม่ให้เรารู้สึกว่ามันร้อนจนเกินไป ได้ลมเย็นๆ และความสดชื่นของน้ำและฟ้า

บ้านตัวอย่างตกแต่งได้สวยงามมากครับ อีกฝั่งทางด้านขวาของบ้านจะเป็น Dining Area ที่บ้านตัวอย่างจะเป็นโถงยาวเชื่อมต่อกับ Island ของครัวยุโรป ซึ่งทางโครงการได้ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้แล้ว โดยเลือกเป็นชุดครัวของ Dada แบรนด์นำเข้าจาก Italy พร้อมอ่างล้างจานรุ่น Blanco Etagon จาก Hafele

ท๊อปของของเคาน์เตอร์ก็เลือกใช้หินอ่อนเพื่อเพิ่มความหรูหรา มาพร้อมกับอุปกรณ์ครัวครบครันไม่ว่าจะเป็น เตาไฟฟ้า+เครื่องดูดควัน เตาอบ ไมโครเวฟ ตู้เย็น ทางโครงการจัดเป็นของแบรนด์ Kuppersbusch จากเยอรมันครบเซ็ต เป็นมุมสำหรับจัดเตรียมอาหารสไตล์ครัวยุโรป

รวมถึงมีครัวไทยเตรียมไว้บริเวณด้านในสุด ทำให้บริเวณนี้เป็นพื้นที่เปิดโล่งและดูหรูหรา เราสามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 10 ที่นั่ง หรือมากกว่านั้นได้สบายๆ เนื่องจากมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง

ผนังโดยรอบเป็นกระจกใสแบบ Full-height เช่นกัน มองเห็นวิวสระว่ายน้ำ และสามารถเปิดประตูออกได้ จัดเป็นพูลปาร์ตี้เล็กๆ กันในครอบครัวได้เลยครับ

บันไดขึ้นลงจะอยู่ด้านในสุดของตัวบ้านต้องเดินผ่านครัวเข้าไป เป็นอีกทางเลือก สำหรับการเดินขึ้นชั้นบนเนื้่องจากบ้านมีลิฟต์โดยสารติดตั้งไว้อยู่แล้ว

ส่วนตัวผมชอบมุมโถงบันได เพราะดีไซน์เป็นสีขาวติดคิ้วบัวสีดำเข้ากับราวกันตกเป็นเหล็กทำดีไซน์โค้งมีราวจับเป็นไม้ให้ความรู้สึกหรูหราทว่าดูคลาสสิคดีครับ เวลาเดินลงมาจากชั้นบนลงมาจะมองเห็นว่ามีช่องกระจกใสวิวสระว่ายน้ำดูสดชื่น สดใสดี

ด้านในอีกฝั่งของตัวบ้านสามารถเข้าออกได้โดยใช้ประตูเล็กที่เปิดจากโรงจอดรถ โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่านห่้องรับแขกโซนด้านหน้าบ้าน ทำให้สะดวกมากหากเราซื้อของมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วสามารถถือเดินไปเก็บไว้ในครัวได้ทันที

โถงทางเดินตกแต่งอย่างสวยงามพร้อมกับ Built-in ตู้เก็บของและตู้เก็บรองเท้าไว้บริเวณนี้ได้เลยครับ

พื้นที่นี้จะเชื่อมต่อไปยังครัวไทยด้านหลัง โครงการติดตั้งครัวสเตนเลสแบบฟูลออปชั่นมาให้พร้อมเครื่องล้างจาน ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี มีฟังก์ชั่นการใช้งานมาให้ครบครัน แน่นอนว่าราคาย่อมไม่ธรรมดาแต่โครงการก็ถือว่าใส่ใจในรายละเอียดได้ดีมากครับ

ห้องครัวไทยออกแบบให้อยู่ในทำเลที่ทำให้แม่บ้านสามารถประกอบอาหารได้สะดวก ปราศจากกลิ่นรบกวนเข้ามาในตัวบ้านและยังได้ความเป็นส่วนตัว เนื่องจากจะอยู่บริเวณเดียวกับ Maid Plaza โซนทำงานของแม่บ้าน ซึ่งแยกส่วนชัดเจนออกมาจากพื้นที่หลักของตัวบ้าน

ย้อนกลับมาเล็กน้อย ถัดจากครัวยุโรปก่อนถึงทางเข้าครัวไทยด้านในจะมีห้องน้ำแบบ Powder Room คือไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำ มีเพียงสุขภัณฑ์และอ่างล่างมือจาก American Standard เป็นห้องน้ำสำหรับแขกและสมาชิกในบ้านใช้งานร่วมกัน และบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของลิฟต์โดยสารเพื่อขึ้นสู่ชั้นบนด้วยครับ

ผมกดลิฟต์ขึ้นมาชั้น 2 ลิฟต์สวยมากเป็นของ Schindler จากสวิสเซอร์แลนด์ หน้าบานเป็นสีทอง กรุขอบด้วยหินอ่อนทำเป็นลอนดูเรียบหรู ซึ่งชั้น 2 จะเริ่มเข้าสู่การเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับสมาชิกในครอบครัวครับ

เปิดประตูออกมาด้านซ้ายมือจะเป็น Pantry มีห้องน้ำแบบ Powder Room อยู่ถัดไปด้านใน ส่วน Living Area และห้องนอนจะอยู่ทางด้านขวาของบ้านทั้งหมดครับ

ไม่ค่อยได้เห็นบ้านที่มี Pantry บนชั้น 2 และต้องถือว่ามีขนาดใหญ่มากเลยครับ เป็นห้องสำหรับจัดเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม ของว่าง ติดตั้งเคาน์เตอร์อ่างล้างจานและตู้เก็บของ มีพื้นที่ด้านข้างสำหรับจัดวางตู้เย็น

ผมว่าเป็นฟังก์ชั่นที่โครงการคิดเผื่อมาให้แล้วว่า ลูกบ้านสามารถมาจิบกาแฟเบาๆ หลังตื่นนอนได้ทันทีหรือมีของว่างก่อนนอนให้เดินมาหยิบได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องลงไปชั้นล่าง

พื้นที่ Family Area ชั้น 2 ซึ่งเชื่อมต่อกับห้องนอนบนชั้นนี้มีด้วยกัน 2 ห้องพร้อมมุมสำหรับอ่านหนังสือด้านใน ถือเป็นพื้นที่เอนกประสงค์ที่ใช้งานได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในบ้านสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจ

ทางโครงการจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่สีเทาควันบุหรี่ มีโต๊ะกลางและชั้นวางทีวีที่สามารถเลือกเป็นขนาดจอภาพให้ใหญ่กว่านี้ได้ เพื่อรองรับการทำกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการดูทีวี ดูซีรีย์ ดูหนัง นั่งพักผ่อน ทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ

เพราะสมาชิกมีหลากหลายเจนเนเรชั่น การออกแบบจึงต้องให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของส่วนรวมทุกคน ที่ยังคงไว้ซึ่งการออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนตัวภายในบ้านอยู่ จนดูเป็นการเชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นโจทย์ที่สถาปนิกแก้คำตอบมาให้ได้ดีมากครับ

พื้นที่ Family Area บริเวณชั้น 2 นอกจากจะมี Living ขนาดใหญ่ด้านนอกแล้วยังมี Entertainment Room ที่แยกออกไปเป็นห้องอเนกประสงค์ที่มีขนาดประมาณ 22 ตร.ม. ทำให้จัดเป็นห้องดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ ROV หรือแคสต์เกมส์ก็ได้ สตูดิโอไลฟ์ขายของก็ได้ครับ

เป็นห้องที่ให้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง สามารถติดตั้งผ้าม่านทึบแสงหากต้องการความมืดหรือเปิดออกได้เพื่อรับแสง เพราะมีช่องแสงจากทางหน้าบ้านผ่านกระจกบานใหญ่ ด้วยความที่ห่้องนี้อยู่โซนหน้าบ้าน สามารถปรับเป็นห้องทำงานส่วนตัวภายในบ้านก็ดูจะเข้าท่าตามตำราท่านว่าดีเช่นกันครับ

แต่หากใครจัดปาร์ตี้ที่บ้านชวนเพื่อนมาดื่มก็สามารถทำได้ทันที ผมว่าเราเชิญ Mixologist พร้อมกับดีเจชื่อดังมาชงเครื่องดื่มเปิดแผ่น เปลี่ยนบรรยากาศให้เป็นบาร์ภายในบ้านก็ได้ไม่ต้องออกไปสังสรรค์ร้านอาหารนอกบ้าน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ New Normal ดีครับ

ใกล้กันกับ Entertainment Room จะเป็นห้องนอน 4 ผมค่อนข้างชอบห้องนี้เพราะผนังด้านหน้าบ้านเป็นกระจก Full Height ประตูบานเลื่อนชุดใหญ่เปิดช่องแสงธรรมชาติด้านหน้าบ้านส่องผ่านเข้ามาสู่เตียงนอนได้ทันที

ทั้งยังเปิดออกเพื่อระบายอากาศ และเราสามารถเดินไปที่ระเบียงด้านนอกได้ แต่ห้องนี้ยังได้ความเป็นส่วนตัวเนื่องจากมี Facade หน้าบ้านคอยช่วยอำพรางไว้ ห้องนี้จึงดูโปร่ง โล่งอยู่สบายไม่รู้สึกอึดอัด

ห้องนอนจัดวางเตียงนอนไว้ตรงกลาง หัวเตียงบุนวมดูหรูหรา พร้อมโคมไฟส่องสว่างตั้งไว้ที่บริเวณหัวเตียง พร้อมกับแชนเดอร์เลียร์ส่องสว่าง ปลายเตียงมีที่นั่งสำหรับดูทีวี

ขณะที่ด้านในดีไซน์เป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet มุมสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมห้องน้ำในตัว ซึ่งความพิเศษของห้องน้ำคือด้านในสุดสามารถเปิดประตูออกได้เพื่อระบายอากาศและไล่ความชื้น

บริเวณโถงชั้น 2 ซึ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับสมาชิกในครอบครัว เชื่อมต่อตรงกลางด้วยโถงทางเดินลักษณะสะพานเปิดพื้นที่ว่างทั้งฝั่ง Foyer หน้าบ้านและ Pool ด้านหลัง

บ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็น Library มีการจัดวางโต๊ะ เก้าอี้และโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือเพื่อให้เกิดความรู้สึกสบาย ๆ

จุดเด่นคือการเปิดช่องแสงขนาดใหญ่โดยรอบ มองออกไปจะเห็นวิวสระว่ายน้ำที่ชั้นล่าง สมาชิกสามารถทำกิจกรรมร่วมกันที่บริเวณนี้ได้ ซึ่งจะอยู่ใกล้กับทั้ง 2 ห้องนอน เพื่อให่้ความเป็นส่วนตัวที่ยังเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนรวมและสมาชิกคนอื่นในบ้าน

ถัดจากห้องสมุดจะเป็นในส่วนของห้องนอน 3 ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ อยู่ฝั่งด้านขวาของบ้าน ออกแบบฟังก์ชันภายในห้องได้อย่างน่าสนใจ เริ่มจากเดินเข้ามาภายในห้อง

ตรงกลางจัดวางเตียงนอนขนาดคิงไซส์ ซึ่งจะลงตัวกับระยะผนังที่เว้นปิดทึบบุนวมเอาไว้ช่วงบริเวณหัวเตียงพอดี ข้างเตียงออกแบบให้มีโต๊ะเตี้ยสำหรับวางของส่วนโคมไฟหัวนอนเป็นแบบแขวนดูเก๋ดี ติดกันเป็นประตูสำหรับเปิดออกไปสู่ระเบียงซึ่งจัดเป็น Pocket Garden เอาไว้สำหรับเติมความสดชื่นด้วยใบไม้สีเขียวหลังตื่นนอน

ปลายเตียงออกแบบให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นเล็กๆ สำหรับอ่านหนังสือหรือดูทีวี มีตู้คาบิเนทเตี้ยสำหรับเก็บของ ส่วนทีวีเป็นแบบแขวนผนัง

ส่วนด้านในเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ด้วยการ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดตั้งไว้ด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำในตัว แยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย พร้อมกับโต๊ะเครื่องแป้งภายในห้องน้ำ ผมว่าฟังก์ชั่นแบบนี้สะดวกดีครับ เราสามารถอาบน้ำแล้วแต่งตัวให้จบภายในโซนได้เลย

เมื่อขึ้นมาชั้น 3 จะพบกับ Terrace ที่มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นกับพื้นที่ภายในสามารถเปิด-ปิดได้

บ้านตัวอย่างจัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบ Outdoor ให้เป็นมุมนั่งเล่นอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้า ในบรรยากาศแบบ Open Air สบายๆ เราสามารถจัดวางไม้กระถางเพิ่มได้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน

ชั้นนี้มีไฮไลท์คือห้องนอนใหญ่ หรือ Master Bedroom ส่วนตรงกลางเป็น Living Area ขนาดใหญ่ ภายในห้องนอนที่เชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอกและห้องด้านในเข้าไว้ด้วยกัน เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนสบายๆ ในบรรยากาศแบบส่วนตัว เปิดช่องแสงไว้สองด้านคือผนังด้านหลังบ้านและประตูที่เชื่อมต่อกับระเบียงเพิ่มความสว่าง

ห้องนี้ออกแบบให้มีชุดโซฟาสีเทาควันบุหรี่ ซึ่งรับกันดีกับสีน้ำตาลของไม้ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติที่เรียบง่าย

ออกแบบให้มีมุมทำงานภายในห้องพร้อมกับพื้นที่พักผ่อน สำหรับทำกิจกรรมดูทีวีก่อนนอน หรือสมาชิกในครอบครัวได้นั่งคุยกัน

ห้องนั่งเล่นจะมีประตูเชื่อมต่อกับ Master Bedroom ห้องนี้มีพื้นที่เกินครึ่งหนึ่งของตัวบ้านชั้นบน ถือเป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่มาก ภายในห้องตกแต่งได้สวยงามดูคลาสสิค

หัวเตียงหันหน้าออกไปทางหน้าบ้าน ส่วนปลายเตียงติดตั้งชั้นวางทีวีขนาดใหญ่พร้อมกับเดย์เบดด้านข้างเตียงเอาไว้ให้นั่งพักผ่อนสบายๆ ในช่วงเวลาก่อนนอน

ด้านหลังชั้นวางทีวีเป็นผนังกระจกใสบานใหญ่แบบ Floor to Ceiling ข้อดีก็คือทำให้เปิดช่องแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในห้องได้สว่างไสวจนแทบไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันเลยครับ แต่ถ้าอยากให้ได้ความมืดก็สามารถติดตั้งผ้าม่านมาปิดได้

ภายในห้องดูสูงโปร่งด้วยเตียงแบบสี่เสาให้อารมณ์วินเทจนิดๆ จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะหัวเตียงและโคมไฟเพื่อทำให้ห้องดูมีมิติมากยิ่งขึ้น

สถาปนิกออกแบบให้ห้องนอนหลักเป็นมากกว่าห้องนอนทั่วไป ดังนั้นเราจะเห็นว่าภายในห้องแบ่งฟังก์ชันการใช้สอยได้หลากหลายและลงตัวดีครับ ราวกับเป็นบ้านอีกหนึ่งหลัง

ถัดไปด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ห้องแต่งตัวติดตั้งตู้เสื้อผ้ามีขนาดใหญ่มาก ไว้ทั้ง 2 ฝั่ง ผนังตรงกลางเป็นกระจกใสเปิดช่องแสงจากธรรมชาติภายนอกเข้ามาภายในห้อง โดยมีโต๊ะเครื่องแป้งขยับไปอยู่ชิดผนัง ส่วนกลางห้องจัดวาง Island สำหรับจัดเก็บเครื่องประดับและทำให้ห้องดูสวยหรูขึ้น

ด้านในสุดเป็น Master Bathroom กั้นด้วยประตูบานเฟี้ยมกระจกขอบสีทอง ภายในห้องมีพื้นที่กว้างขวาง แยกส่วนการใช้งานแบบเปียกแห้งมาให้เรียบร้อยแล้ว

ด้านหน้าทางเข้าเป็นห้องอาบน้ำ มาพร้อมกับ Rain Shower และ Hand Shower เดินระบบน้ำร้อนน้ำเย็นมาให้เรียบร้อย ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องสุขา ซึ่งโครงการได้ติดตั้งโถสุขภัณฑ์จาก American Standard มาให้ด้วย ดูหรูหราสมราคาจริงๆ ครับ

ห้องนี้มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อยู่ติดกับหน้าต่างบานสวิงซึ่งสามารถเปิดออกได้ เพื่อระบายอากาศและไล่ความชื้น ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งเป็นอ่างล้างหน้าแบบ His & Her แยกกันชัดเจน แต่ละฝั่งมาพร้อมกับเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่และกระจกเงาบานสี่เหลี่ยมผืนผ้ากรุขอบสีทองเต็มผนังเป็นห้องน้ำที่ผมว่าให้ความรู้สึกหรูหรามากจริงๆ

ชัั้น 3 มีห้องเอนกประสงค์อยู่ 1 ห้องขนาดไม่ใหญ่มาก แปลนห้องมีลักษณะเป็นรูปตัวแอล (L) ลึกเข้าไปด้านใน ซึ่งมีช่องแสงจากภายนอกด้วยทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด

ด้วยความที่อยู่ชั้นบนระหว่างห้องนอนทั้ง 2 ผมจึงมองว่าห้องนี้เหมาะที่จะทำเป็นห้องพระหรือห้องสำหรับนั่งสมาธิ ต้องการให้เกิดความสงบในจิตใจ

ถัดจากห้องเอนกประสงค์ฝั่งปีกขวาของตัวบ้านจะเป็นห้องนอน 2 ภายในจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้ใกล้กับผนังกระจก ออกแบบเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดออกไปได้เล็กน้อยเพื่อระบายอากาศแต่ไม่มีระเบียงให้เดินออกไปภายนอกได้ ทำหน้าที่เป็นช่องแสงฝั่งหน้าบ้านที่ช่วยส่องสว่างเข้ามาภายใน

ส่วนปลายเตียงมีชั้นวางทีวีและจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งเอาไว้บริเวณปลายเตียง มีระยะห่างในการรับชมพอสมควร

ด้านในจะเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in closet ติดตั้งตู้เสื้อผ้าไว้ทั้ง 2 ฝั่งเชื่อมต่อกับห้องน้ำที่แยกโซนเปียก และโซนแห้งอย่างชัดเจน

ห้องนอน 2 ถือเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่พอสมควรเลยครับ ด้วยการตกแต่งในโทนสีเทาทำให้ดูเรียบหรูและมีเสน่ห์โดดเด่นมากเมื่อต้องแสงไฟ Warm Light ต้องยอมรับว่า ดีไซน์เนอร์เนรมิตให้ห้องนี้ให้มีความโดดเด่นจริงๆ ผมชอบมาก

จากบ้านตัวอย่าง สามารถเดินออกด้านข้างบ้านเพื่อไปยัง Clubhouse ได้ทันที ซึ่งโครงการ PARK HERITAGE ได้ออกแบบ Landscape ให้พื้นที่ส่วนกลางอยู่ฝั่งด้านหน้าโครงการ เพื่อแยกส่วนการใช้งานของ Clubhouse กับ Residential ออกจากกันอย่างชัดเจน

พื้นที่ส่วนกลางของโครงการมีความโดดเด่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ โดยเฉพาะต้นจามจุรีที่ทำหน้าที่เป็นวงเวียนไปในตัว ผมว่านับวันไปต้นไม้จะยิ่งเติบโตแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาได้มากขึ้น

เพราะอย่าลืมว่า บ้านของเราจะทำหน้าที่เป็นมรดกตกทอดไปสู่คนรุ่นลูกหลาน ดังนั้น เวลาผ่านไปนานเท่าไร บ้านของเราก็จะยิ่งทรงคุณค่าและเต็มไปด้วยภาพความทรงจำที่ของแต่ละครอบครัวที่แตกต่างกันไป

ในส่วนของ Clubhouse ผมมองว่า มีขนาดใหญ่มาก หากเทียบกับจำนวนยูนิตที่มีไม่เยอะ เพียง 32 ยูนิตเท่านั้น ดังนั้น เพียงพอต่อการรองรับการใช้งานของลูกบ้านอย่างแน่นอน เพราะพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ PARK HERITAGE ถือว่าจัดเต็มมาก

หัวใจหลักของการออกแบบ Clubhouse ยังคงสไตล์ที่มีความ Modern Classic Luxury ที่มีดีไซน์เล่นระดับ โดยเน้นคอนเซ็ปต์เดียวกับบ้านนั่นคือความเป็นส่วนตัว อยู่อาศัยสบายด้วยการออกแบบให้มีช่องเปิดค่อนข้างมาก เพื่อเปิดรับแสงและลมจากธรรมชาติให้เข้ามาภายในอาคารโดยเฉพาะพื้นที่เปิดโล่งอย่างบริเวณสระว่ายน้ำ

ตลอดจนมี Pleasant Atmosphere ที่โดดเด่นด้วยงานภูมิสถาปัตย์ช่วยสร้างบรรยากาศให้รื่นรมย์ รายล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียว เราจึงได้เห็นการออกแบบ Clubhouse ที่มีต้นไม้เป็นแนวกำแพงเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวระหว่างใช้บริการ

ด้านหน้าเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถ จากนั้นเราจะต้องเดินเข้าไปตามทางเดินเพื่อไปสู่ด้านในซึ่งมีด้วยกัน 3 ชั้น โดยมีสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือขนาดใหญ่แบบ Semi-outdoor ทำหน้าที่พระเอกของ Clubhouse เน้นความร่มรื่นและสดชื่นสบายตา เหมาะแก่การมาว่ายน้ำออกกำลังกายหรือมานั่งพักผ่อนหย่อนใจให้ฟีลลิ่งราวกับเป็นรีสอร์ตหรู 

เด็กๆ เองก็สามารถมาใช้บริการสระว่ายน้ำได้ เพราะแยกโซนสระเด็กไว้อยู่ด้านในสุด พร้อมกับห้องน้ำที่ออกแบบได้สวยมาก มีทั้งห้องสุขาและห้องอาบน้ำในตัว

ยอมรับเลยว่าสระว่ายน้ำและ Clubhouse ของโครงการออกแบบได้สวยมาก ผมชอบที่สถาปนิกนำวัสดุอย่างหิน Travertine มาใช้ทำให้ได้ฟีลลิ่งของความเป็นวัสดุจากธรรมชาติมาก ออกแบบให้รองรับการใช้งานทุกความต้องการ

จากสระว่ายน้ำเมื่อเดินขึ้นมาชั้นบนของ Clubhouse เราจะพบกับพื้นที่อเนกประสงค์แบบ Semi-outdoor จัดวางที่นั่งสำหรับพักผ่อน อ่านหนังสือ หรือคุณแม่ที่มารอลูกว่ายน้ำก็สามารถมานั่งบริเวณพื้นที่รับรองนี้ได้ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งแบบ Open Air แต่หากต้องการอยู่ในห้องปรับอากาศก็สามารถไปนั่งรอที่ Multipurpose Room ได้เช่นกันครับ

ส่วนฟิตเนสจะอยู่ชั้น 2 เดินขึ้นบันไดไปเล็กน้อย ทางโครงการได้ติดตั้งอุปกรณ์เครื่องออกกำลังกายจาก Techno Gym แบรนด์เครื่องออกกำลังกายระดับโลก เพื่อส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับกับการออกกำลังกายในแบบ Luxury ให้กับลูกบ้าน

ภายในจัดวางอุปกรณ์ครบทั้งแบบ Cardio และ Weight Training Machine พร้อมกับโซนฟรีเวทให้เราออกกำลังเพื่อสุขภาพได้ตามใจ แต่ที่ผมชอบคือการจัดวางลู่วิ่งไฟฟ้าให้หันหน้าออกไปทางสวน ผ่านมุมมองของห้องกระจกชั้นบน ที่มองเห็นบรรยากาศของสระว่ายน้ำสีฟ้าและต้นไม้สีเขียวสบายตา ดูแล้วสดชื่นดีครับ พลอยให้คลายเหนื่อยลงไปได้บ้าง

ทางโครงการยังได้จัดให้มี Golf Simulator Room สนามกอล์ฟจำลองสำหรับดวลวงสวิงแบบไม่ต้องลงสนามจริง พร้อมโซฟานั่งพักผ่อนพูดคุยเจรจาตามประสาลูกบ้าน ผมว่าเป็น Facilities ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านที่นี่มาก

นอกจากนี้ ยังมี Business Lounge อยู่ที่ชั้นบนสุดของ Clubhouse เป็นห้องประชุม 2 ห้องสำหรับนั่งทำงานหรือประชุมงานหากไม่ต้องการเข้าออฟฟิศ หรือเด็กๆ ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศมาใช้บริการนั่งทำงานกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่ Business Lounge นี้ได้เช่นกันครับ

“People usually are the happiest at home.” ~ William Shakespeare บอกว่า “คนมักจะมีความสุขที่สุดเมื่ออยู่บ้าน” แน่นอนว่า หากได้พักอาศัยในบ้านที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ โอบกอดเราด้วยท้องฟ้า ให้ธรรมชาติสีเขียวเยียวยาจิตใจ ฟังเสียงน้ำไหลเป็นเครื่องดนตรีคอยขับกล่อม

ผมว่า ความสุขที่แท้จริงเกิดขึ้นได้ง่าย ใกล้ๆ ตัวภายในบ้านของเราเองครับ สำรวจจิตใจให้ดี เมื่อใจเราเป็นสุข ไม่ว่าก่อนหน้านี้เราจะเครียดมาจากเรื่องใด ทั้งการทำงาน การเรียน สภาพแวดล้อมภายนอกบ้านจะยุ่งยากเท่าไรก็ตาม แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะรู้สึกหายเหนื่อยได้ในทันที มีความสุขที่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้

PARK HERITAGE โครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูในสไตล์ Modern Classic Luxury จึงเป็นคำตอบของความสุขที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะส่งมอบมรดกอันทรงคุณค่านี้ไปยังรุ่นสู่รุ่นต่อไป

PARK HERITAGE PATTANAKARN
ราคาเริ่ม 49-95 ล้าน*

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายเข้าชมโครงการได้ที่ https://bit.ly/3hqxoBV

สอบถามโทร. 1427

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน