Noble Curve Ekamai – Ramintra

🔺“กานต์เป็นมนุษย์สามเหลี่ยมครับ” อ๊ะ! อย่าเพิ่งงงไปหรือแปลกใจว่าวันนี้กานต์กำลังเพ้ออะไรอยู่ ลองสังเกตชื่อเพจผมดูสิครับ เพจกานต์ KΔNT ยังใช้สัญญะของสามเหลี่ยมเข้ามาประกอบเลยครับ

ความจริงแล้วผมกำลังพูดถึง Psychology of Shapes จิตวิทยาของรูปทรงที่ส่งผลต่อวิธีคิดและวิถีชีวิตของคนเรา ส่วนตัวผมคิดว่าตัวเองชอบและเป็นรูป “สามเหลี่ยม” เพราะมีความหมายถึง Success มีบาลานซ์ มั่นคงและกว่าจะไปถึงยอดได้นั้นมันช่าง Challenge ช่างน่าตื่นเต้น แต่เสี่ยงสูงอยู่เหมือนกัน

◼️ส่วนมนุษย์ทรง “สี่เหลี่ยม” (ซึ่งไม่ได้หมายความถึงเหลี่ยมจัดนะ) จะเป็นการแทนความหมายของ Masculinity มีความแมนๆ มีระเบียบ วินัย เป๊ะๆ แต่ก็ดูจะขาดความอ่อนโยนไปสักหน่อย

🟤ที่น่าสนใจคือ “วงกลม” ครับ ตรงข้ามกับเหลี่ยมเลยว่าไหม จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความอิสระ สร้างสรรค์ จินตนาการที่ไม่มีวันสิ้นสุดเพราะความที่ไม่มีจุดเริ่มหรือปลายทาง เป็นตัวแทนความสนุกสนาน ครีเอทีฟ สดใส ชีวิตที่ลื่นไหลเข้ากันได้ง่ายและให้ Shape ที่สวยเก๋ดี

“𝐈𝐧 𝐥𝐢𝐟𝐞, 𝐚𝐬 𝐢𝐧 𝐚𝐫𝐭, 𝐭𝐡𝐞 𝐛𝐞𝐚𝐮𝐭𝐢𝐟𝐮𝐥 𝐦𝐨𝐯𝐞𝐬 𝐢𝐧 𝐜𝐮𝐫𝐯𝐞𝐬”- Edward G. Bulwer-Lytton นักเขียนชาวอังกฤษเคยพูดเอาไว้ มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หรือบางทีผมอาจจะเป็นมนุษย์วงกลมแฝงหรือเปล่านะ เพราะว่าเป็นคนที่มีความเป็นศิลปินสร้างงานศิลปะ มีความคิดสร้างสรรค์ ขณะเดียวกันก็เต็มไปความเป๊ะปัง เป็น Perfectionist ในตัว

ยิ่งเมื่อได้มาชมโครงการ noble CURVE แถวเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ผมก็รู้สึกว่า การนำฟอร์มหรือรูปทรงของวงกลม เส้นโค้งมาใช้ในงานดีไซน์ ทำไมช่างน่ารักและครีเอทได้เก๋แบบนี้ ให้ฟีลลิ่งของบ้านที่ต่างจากโครงการทั่วไป

เห็นได้ชัดจากการออกแบบ Facade ด้านหน้าในยุค Mid-Century Modern ที่ช่างดูกลมกลืนกันไปกับบริบทรอบๆ โครงการ ฟังก์ชั่นภายในบ้านมีการเล่นระดับจึงให้ความรู้สึกสนุกสนาน เพลิดเพลินกับการอยู่บ้านได้มากกว่าที่เคยเป็น สามารถทำงานและเอนจอยกับชีวิตภายในบ้านไปพร้อมกันได้ตลอดทั้งวัน เรียกว่าได้ฉีกทุกขนบการออกแบบโครงการบ้านออกไป เติมความคิดสร้างสรรค์ เสริมจินตนาการใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นไม่มีที่สิ้นสุดสมกับคอนเซปต์ Functional Space to Live / Work / Play

สำหรับใครที่สนใจเป็นเจ้าของบ้านใหญ่ ใกล้คลับเฮ้าส์ เพียง 5 หลัง ที่ “noble CURVE” เริ่ม 16 ล้าน*

พิเศษ! เฉพาะช่วง PRE-SALE รับส่วนลดสูงสุด 2,000,000 บาท*

คลิก https://nobleurl.com/3AAVZdn

noble Curve เอกมัย-รามอินทรา เป็นโครงการ Urban Home 3-4 ชั้น ตั้งอยู่บนที่สุดของทำเลเลียบทางด่วน ติดถนนใหญ่ประดิษฐ์มนูธรรม และห่างเพียง 300 เมตร* จาก The Crystal ฝั่งตรงข้ามเป็น Crystal Design Center (CDC)

อีกทั้งยังมี Creative Community ร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ มากมายในย่านนี้ ซึ่งผมว่าเป็นทำเลที่ Rare Item มาก เพราะต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะหาที่ดินผืนใหญ่ในการสร้างโครงการ Urban Home ใกล้เมืองขนาดนี้

เรารู้กันดีว่า ถนนประดิษฐ์มนูธรรมเต็มไปด้วยโครงการบ้านหรูระดับ Luxury ถึง Ultra-Luxury มากมาย ราคาที่ดินมีการเติบโตสูงทุกปี

เพราะมีจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่เดินทางสะดวกสบาย ใกล้กับทางด่วนฉลองรัช เชื่อมโยงเราไปสู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ชั้นนำได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น เอกมัย ทองหล่อ พระราม 9 ลาดพร้าว อโศก ฯลฯ รายล้อมด้วยสถานศึกษา โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลชั้นนำ

อีกทั้งโครงการยังตั้งอยู่บนเส้นทางของแนวรถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล-ทองหล่อ) บนสถานีโยธินพัฒนา ซึ่งกำลังเดินหน้าพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมต่อทั้งเมืองเข้าหากันได้อย่างสะดวกง่ายดาย

ที่ดินแปลงนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่มาก noble จึงได้พัฒนาโครงการออกเป็น 3 รูปแบบคือ

ด้านหน้าเป็น noble Create คอนโดมิเนียม High-Rise 25-33 ชั้น จำนวน 6 อาคาร

ถัดมาเป็นโครงการ noble Curate มีที่ดินเปล่าจำนวน 15 แปลง สำหรับสร้างบ้านขนาดใหญ่ที่ออกแบบโดยสถาปนิกระดับแถวหน้าของไทย

สุดท้ายจะเป็น noble Curve โครงการ Urban Home 3-4 ชั้น บนที่ดิน 23-0-91.8 ไร่ จำนวน 187 ยูนิต

แต่ไม่ต้องกังวลไปครับเพราะทางเข้า-ออกของทุกโครงการ จะมีการแยกจากกันอย่างชัดเจน ทั้ง Main Gate, Facilities และนิติบุคคล ดังนั้น จะมีความ Privacy และมี Security ที่ปลอดภัยให้กับลูกบ้านแน่นอนครับ

ผมชอบ Main Gate ของ noble Curve ดีไซน์สวยมากครับ พาเราย้อนกลับไปในยุค Mid-Century Modern ที่มีความร่วมสมัยเน้นฟอร์มของเรขาคณิตแบบครึ่งวงกลม โดยมีสี่เหลี่ยมเข้ามาช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของประตูทางเข้า

ผนังภายนอกตกแต่งเป็นหินทรายพ่นสีน้ำตาลอมแดง ทำให้ดูคลาสสิคและอบอุ่นน่าอยู่ ทั้งยังช่วยขับให้สีทองของป้ายชื่อโครงการและโลโก้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ระบบรักษาความปลอดภัย ด้านหน้าเป็นระบบไม้กระดก โดยใช้บัตรผ่าน ส่วนด้านในติดตั้งประตูเลื่อนอัตโนมัติอีกหนึ่งชั้น

แบบบ้านที่กานต์พามาชมกันในวันนี้จะมี 2 แบบจากทั้งหมด 4 แบบนะครับ ซึ่งจะต่างกันทั้งการออกแบบ Facade ด้านหน้าและฟังก์ชั่นดีไซน์ภายในบ้าน

เราเริ่มจากแบบบ้าน HELIX เป็นบ้านหน้ากว้าง 6.5 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 30 ตร.ว. ขึ้นไป พื้นที่ใช้สอย 370.5 ตร.ม. เทียบเท่าบ้านเดี่ยวเลยครับ

ฟังก์ชั่นภายในบ้านขนาด 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องรับประทานอาหาร ครัวยุโรปชั้นบน ด้านหลังสามารถทำเป็นครัวไทยได้ อยู่ใกล้ Maid Plaza พร้อมห้องนอนแม่บ้านและห้องน้ำในตัว

ดีไซน์ของ Facade หน้าบ้านดูโดดเด่นจากโครงการทั่วไป เพราะออกแบบมาในสไตล์ Mid-Century Modern มีรูปทรงของวงกลมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโครงการ เสริมความแข็งแร็งให้บ้านด้วยการใช้รูปทรงสี่เหลี่ยมและเส้นสายมาทำให้บ้านดูมีสไตล์มากขึ้น สถาปนิกเลือกคุมโทนทั้งโครงการด้วยสี Earth Tone ขับเข้มด้วยสีเทาควันบุหรี่ทำให้บ้านมีมิติมากยิ่งขึ้น ทั้งดูเบาสบายผ่อนคลายและอบอุ่นในคราวเดียวกัน

หน้าบ้านเป็นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปูพื้นกระเบื้องลายหินสีเทา ให้เราจอดรถแบบซ้อนคันได้ 4 คัน ด้านขวามือออกแบบให้เป็นห้องควบคุมงานระบบภายในบ้าน พร้อมติดตั้งไฟฟ้า 3 เฟส เพื่อรองรับ EV Charger สำหรับใครที่มีรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยความที่บ้านตัวอย่างเป็นบ้านหลังมุมจึงมีการจัดสวนด้านข้างพร้อมที่นั่ง ดูร่มรื่นดีมากเหมาะกับวันพักผ่อนสบายๆ ของเรา

ด้านหน้าประตูทางเข้ามีชานพักขนาดใหญ่ โครงการติดตั้งประตูลายไม้แบบ Oversize เปิดออกได้ 2 ฝั่ง พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock มาให้แล้วเรียบร้อยแล้ว

ผมชอบดีเทลของผนังบล็อกแก้วทรงกลมที่ติดไว้หน้าบ้านทำให้คงความคลาสสิคของฟอร์มวงกลมได้ดี เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะพบกับ Foyer และผนังประดับวอลล์เปเปอร์ลายกราฟฟิคสไตล์วินเทจ พร้อมติดตั้ง Indoor Monitor เชื่อมต่อกับ Video Door Bell และระบบ Smart Home Automation ทั้งหมด บ้านตัวอย่างติดตั้งลิฟต์มาให้ด้วยครับ แต่ถ้าเป็นบ้านเปล่าจะเป็นการเปิดพื้นที่ให้เราได้ติดตั้งเองครับ

ส่วนด้านในสุดมีประตูทางออกไปเพื่อไปยังพื้นที่ซักล้างและห้องแม่บ้านด้านหลังบ้าน ทางโครงการได้เดินงานระบบประปา-ไฟฟ้ามาพร้อมให้ใช้งานได้ทันที มีพื้นที่กว้างขวางพอที่จะต่อเติมให้เป็นครัวไทยด้านหลังบ้านได้ครับ

เนื่องจากสถาปนิกออกแบบภายในให้เป็นบ้านเล่นระดับ ดังนั้น เมื่อขึ้นมาชั้นบนแล้วเราอาจจะยังไม่สามารถแยกไปเรียกชั้น 2 ได้เต็มปากนัก เพราะชั้นนี้มีทั้งห้องรับแขก และเมื่อเดินขึ้นบันไดไปอีกเล็กน้อยจะเป็นมุมนั่งเล่นและรับประทานอาหารด้านใน

ผมว่าข้อดีของการออกแบบให้มีลูกเล่นแบบนี้คือทำให้การใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านสนุกสนานและมีสีสันมากยิ่งขึ้นไม่ดูน่าเบื่อ ด้วยความที่บ้านมีีการออกแบบเล่นระดับของแต่ะละฟังก์ชั่นแยกกัน ทำให้สมาชิกในบ้านแต่ละคนได้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ได้ทำกิจวัตรประจำวันตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองโดยไม่รบกวนกัน

ด้านหน้าเป็นห้องนั่งเล่นและรับแขกไปในตัว ไฮไลท์ของห้องนี้มีเพดานสูงถึง 3.75 เมตร เรียกได้ว่าเกินมาตรฐานของโครงการทั่วไป ทำให้ห้องนี้ดูโปร่ง โล่งอยู่สบายไม่รู้สึกอึดอัด พร้อมด้วยการเปิดช่องแสงรอบด้าน ทำให้ภายในบ้านดูสว่างมากยิ่งขึ้น แทบไม่ต้องเปิดไฟเลยครับในช่วงเวลากลางวัน

พื้นภายในห้องนั่งเล่นปูด้วยลามิเนตลายไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสัมผัสแบบธรรมชาติ ออกแบบให้ห้องนี้เป็น Open Plan เพื่อให้เราสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เก๋ได้ตามใจ หรือจะจัดให้มีผนังเป็นตู้โชว์ก็ได้

ภายนอกมีระเบียงขนาดใหญ่ สามารถเปิดประตูกระจกออกไปได้ ผมลองไปยืนมาแล้วค่อนข้างกว้างเลยครับ

ระเบียงมีฟังก์ชั่นแบบ Semi-Outdoor อาจจะหา Bean Bag มาวางสักตัวพร้อมโต๊ะเตี้ย เพื่อนั่งจิบชา กาแฟ อ่านหนังสือในวันสบายๆ มองความเป็นไปภายในโครงการในมุมส่วนตัว ทางโครงการได้ติดตั้งราวกันตกที่ระเบียงด้านนอกมาให้แล้วเรียบร้อยครับ

ส่วนตัวผมว่าห้องนั่งเล่นบริเวณชั้น 2 ค่อนข้างตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้ดี เพราะออกแบบให้มีพื้นที่ว่างสร้างสรรค์ได้ตามใจ เป็นไปตามคอนเซปต์ Functional Space to Live / Work / Play ทั้งพักอาศัย ทำงานและใช้ความคิดสร้างสรรค์ในเวลาเดียวกัน ภายใต้การดีไซน์ที่สวยเก๋ มีการเล่นกับ Shape และ Form ที่ดูแล้วโมเดิร์นดีมาก

บันไดถูกออกแบบให้อยู่ด้านในชิดผนังหรือบริเวณที่เชื่อมต่อกับแต่ละฟังก์ชั่นของภายในบ้านให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้ไม่กินพื้นที่กลางบ้านโดยไม่จำเป็น

ข้อดีก็คือทำให้เราได้พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านที่กว้างขวางและเปิดโล่งมากยิ่งขึ้น ตัวโครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยมีลูกตั้งและลูกนอนเป็นไม้ยางพาราประสานสีอ่อน ติดตั้งราวกันตกเหล็กสีดำขอบเป็นไม้ให้ผิวสัมผัสที่เป็นธรรมชาติดีมาก

ด้านหน้าเป็นห้องน้ำประจำชั้น 2 เป็นแบบ Powder Room คือไม่สามารถอาบน้ำในห้องน้ำนี้ได้ ทางโครงการติดตั้งสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือและมีพัดลมติดเพดานเพื่อให้เปิดระบายอากาศมาให้แล้วครับ

ชั้นนี้ แบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนค่อนข้างชัดเจน เริ่มจากบริเวณโถงกลางด้านขวาจะเป็นลิฟต์โดยสารภายในบ้าน

ส่วนด้านซ้ายจะเป็นบันไดและภายในห้องกั้นโซนด้วยบานเฟี้ยมที่สามารถเปิดออกไปและทบกันจนสุดก็ทำให้บ้านดูเปิดโล่งกว้างขวางมากขึ้น หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถเลื่อนมาปิดได้

ชั้นบนนี้จัดเป็นโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ดีไซน์โมเดิร์น ส่วนอีกฝั่งจัดให้เป็นที่นั่งแบบเบาะชิดผนัง โดยมีช่องแสงส่องสว่างจากรอบบ้าน ช่วยให้มุมนี้ดูสว่างมากยิ่งขึ้น

ส่วนผนังกระจกที่เชื่อมต่อกับครัวทางโครงการได้ติดตั้งผ้าม่านเอาไว้ สามารถเปิดออกไปสู่ระเบียงด้านนอกได้ หรือหากว่าวันไหนอากาศเย็นสบาย ก็สามารถเปิดประตูออกไปเพื่อให้เราได้รับลมอ่อนๆ ยามเช้าสูดอากาศบริสุทธิ์เบาๆ เวลาที่เราจิบกาแฟ ทานอาหารเช้าก่อนออกไปทำงานหรือก่อนที่เด็กๆ จะออกไปเรียนกัน

ด้านในสุดเป็นห้องครัว พื่้นปูกระเบื้องแผ่นใหญ่เพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและมีหน้าต่างบานเลื่อนไว้สามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศได้

บ้านตัวอย่างได้ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้เป็นดีไซน์ U-Shape ส่วนบ้านจริงจะเป็นห้องเปิดโล่ง ทั้งนี้ทางโครงการได้จัดเตรียมงานระบบไฟฟ้าและประปามาให้เรียบร้อยแล้วครับ

ขึ้นไปบนชั้น 3 กันบ้าง จะมีทั้งหมด 2 ห้องนอน เป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวทั้ง 2 ห้องเลยครับ

เริ่มจากฝั่งด้านหน้าบ้านเป็น Master Bedroom เข้ามาด้านในเราจะเจอกับส่วนพักผ่อนเป็นอันดับแรก ตรงกลางจัดเตียงนอนคิงส์ไซส์ได้ และยังมีพื้นที่โดยรอบเหลือ ๆ สามารถเดินได้สบายเลยครับ หัวเตียงมีโต๊ะเตี้ยสำหรับวางโคมไฟ แจกันดอกไม้

ส่วนปลายเตียงติดตั้งชั้นวางทีวีแบบลอยตัวซึ่งมาร์คจุดไว้แล้ว เพราะทางโครงการได้ติดตั้งระบบไฟฟ้า สาย Cable TV และจุดเชื่อมต่อ Internet มาให้ที่บริเวณนี้แล้ว

อีกหนึ่งไฮไลท์ของห้องนอนหลักคือระเบียงส่วนตัวบริเวณหน้าบ้าน เป็นระเบียงที่มีหน้ากว้างเท่ากับตัวบ้านคือ 6.5 เมตร ประตูกั้นเป็นกระจกแบบ Full Height สามารถเปิดออกไปได้ ที่ประทับใจและผมคิดว่ามันดูเป็น Signature มาก ก็คือการเปิดช่อง Facade รูปวงกลมที่ระเบียงทำให้บ้านดูสวยเก๋แปลกตาแม้ว่าจะมองจากด้านในออกไปก็ตาม

ห้องนอนมีพื้นที่ด้านข้างเป็นแนวลึกไปตามตัวบ้าน เราสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน เดย์เบดหรือโซฟาสำหรับนั่งอ่านหนังสือหรือดูทีวีได้

ด้านซ้ายมือของประตูจะเป็นโถงทางเดินภายในห้องนอน ออกแบบให้เชื่อมต่อไปยัง Walk-in Closet และห้องน้ำ บ้านตัวอย่างติดตั้งตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in เข้ามุมเต็มผนัง พร้อมกระจกเงาติดตั้งไว้ฝั่งตรงข้าม

ในส่วนของห้องน้ำออกแบบให้เชื่อมต่อกับ Walk-in Closet ซึ่งผมว่าสถาปนิกลงรายละเอียดได้ดี เพราะการออกแบบลักษณะนี้ ทำให้เราใช้งานได้สะดวกกว่า และครบจบในที่เดียว อาบน้ำแล้วสามารถแต่งตัว แต่งหน้าให้เสร็จได้เลยทันที

ห้องน้ำของที่นี่ดูเรียบง่ายทว่าโมเดิร์นด้วยการตกแต่งพื้นด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีเบจ ตัดกับสีเขียวเข้มและสีน้ำตาลของกระเบื้องติดผนัง จัดวางอ่างล้างมือมาให้พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ด้านบน ส่วนด้านล่างได้ Built-in ตู้เก็บของมาให้ ด้านในตู้ติดตั้งระบบน้ำเป็นก๊อกผสมน้ำร้อน-น้ำเย็น

ส่วนห้องอาบน้ำได้ทำการแยกส่วนเปียก-แห้งมาให้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน แต่ที่ผมว่าเป็นไฮไลท์ของห้องน้ำคือได้ติดตั้งอ่างอาบน้ำแบบฝังให้เป็นของแบรนด์ Kasch เอาไว้แล้วด้วยครับ

เราเดินผ่านโถงกลางบริเวณชั้น 3 ของบ้านเพื่อจะไปยังโซนด้าน หลัง เพราะตามแปลนแล้วยังมีห้องนอนอยู่อีกหนึ่งห้อง มาพร้อมกับ Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว

ทว่าในส่วนของบ้านตัวอย่างนั้น ทางโครงการได้ปรับการตกแต่งให้เป็นห้องทำงานหรือโฮมออฟฟิศ เพื่อให้เราได้มีไอเดียใหม่ ๆ ในการวางผังบ้านให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของสมาชิกทุกคนในครอบครัวให้ได้มากที่สุด

ซึ่งตรงกับความคิดของผมที่อยากจะปรับให้ห้องนี้เป็นห้องพักผ่อนส่วนตัว มีโต๊ะนั่งทำงาน ด้านหลังเป็นตู้หนังสือขนาดใหญ่ แต่ใจอยากจะวางระบบเสียงเพิ่ม เพื่อทำเป็นห้องฟังเพลง ร้องคาราโอเกะคิดว่าเราคงจะมีความสุขดี ที่ได้ขับเคลื่อนชีวิตด้วยเสียงดนตรีในแต่ละวัน

ขึ้นบันไดไปชั้น 4 กันบ้างครับ ชั้นนี้ก็มี 2 ห้องนอน พร้อมห้องน้ำในตัวเช่นกัน โดยเราจะเริ่มจากห้องนอนฝั่งด้านหน้าบ้านกันก่อน

การวางแปลนบ้านคล้ายกันกับห้องนอนหลักบนชั้น 3 ด้านในเป็นพื้นที่พักผ่อน จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะหัวเตียงและโคมไฟดีไซน์โมเดิร์นวินเทจ ดูแล้วห้องนี้ตกแต่งเป็นวัยรุ่นมากกว่า สนุกสนานกว่า

ตรงกลางกั้นพื้นที่ด้วยตู้โชว์โดยวางฟังก์ชั่นให้อีกฝั่งเป็นมุมทำงานอ่านหนังสือหรือว่าพักผ่อนในบรรยากาศแบบส่วนตัวบนห้องนอน

ด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet และห้องน้ำ ส่วนระเบียงเป็นประตูกระจกสูง Floor to Ceiling แต่ที่แปลกตาไปก็คือดีไซน์ของ Facade หน้าบ้านจะเป็นแบบวงกลมวงเดียว ดูเก๋ไก๋มาก

ห้องนอนรองอีกห้องอยู่ฝั่งตรงข้ามโซนด้านหลัง ทำให้มีจุดเด่นเรื่องความเป็นส่วนตัว เงียบสงบกว่า ขนาดเล็กกว่าห้องนอนด้านหน้าเล็กน้อย

พื้นที่พักผ่อนสามารถจัดวางเตียงควีนไซส์ได้ พร้อมมีม้านั่งสีสดอยู่ปลายเตียงและชั้นวางทีวี ส่วนโต๊ะทำงานจัดวางไว้ด้านข้างเตียง ห้องนี้เหมาะสำหรับเด็กชายหรือหญิงที่เมื่อทำการบ้านเสร็จแล้วก็กระโจนลงเตียงได้เลย ตามประสาวัยซน

ด้านหลังบ้านสามารถเปิดออกไปสู่ระเบียงได้ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านในมาพร้อมห้องแต่งตัว ซึ่งผมมองว่าหากบ้านไหนที่มีจำนวนสมาชิกไม่มาก ไม่จำเป็นต้องใช้ห้องนอน ก็สามารถปรับห้องนี้เป็นห้องเอนกประสงค์สำหรับพักผ่อน ทำกิจกรรมร่วมกันภายในครอบครัวได้

บ้านตัวอย่างอีกหลังของโครงการ noble CURVE จะอยู่ด้านในติดกับ Clubhouse เป็นแบบบ้านที่เราชอบมากเช่นกัน เพราะเป็นบ้านหลังใหญ่ให้อารมณ์บ้านเดี่ยว หน้ากว้าง 8 เมตร คือแบบบ้าน OCTA เป็น Urban Home 4 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้น 37 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยได้มากถึง 454.5 ตร.ม. สามารถตอบโจทย์นักธุรกิจ คนรุ่นใหม่และครอบครัวขนาดใหญ่ได้สบายเลยครับ

ออกแบบให้มีฟังก์ชั่นรองรับทั้งการพักอาศัยผสานกับการเป็น Home Office ไปในตัว บ้านมีขนาด 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ มีห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว พร้อมห้องแม่บ้านและห้องน้ำในตัว ติดตั้งลิฟต์โดยสารภายในบ้านได้ ที่ผมชอบคือมี Courtyard กลางบ้านด้วยครับ

งาน Exterior ของบ้านยังคงเป็นดีไซน์ในยุค Mid-Century ที่มีความ Modern โดดเด่นด้วย Facade ทรงโค้งที่ดูแปลกตาน่าสนใจ ผสานเข้ากับรูปทรงสี่เหลี่ยมของตัวบ้านทำให้ดูแข็งแรง

โรงจอดรถเป็นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปูพื้นกระเบื้องลายหินสีเทาเหมือนกับบ้าน HELIX แต่ที่แตกต่างคือ สามารถจอดรถยนต์ได้มากถึง 6 คัน ทางโครงการได้วางระบบไฟฟ้า 3 เฟส เพื่อรองรับ EV Charger ไว้ให้แล้วครับ นับว่าเป็นการออกแบบบ้านยุคใหม่ที่เข้าใจในไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี

เนื่องจากงานดีไซน์ของบ้านออกแบบให้ชั้นล่างเป็นลานจอดรถ จึงยกฟังก์ชั่นการใช้งานภายในบ้านขึ้นมาไว้บนชั้น 2 ครับ ข้อดีก็คือ จะได้ความเป็นส่วนตัวสูงมาก เพราะมองเข้ามาจากข้างนอกแทบจะไม่เห็นภายในบ้านเลยครับ

จากชั้นล่างเราจะต้องเดินผ่าน Foyer แล้วขึ้นบันไดมาเล็กน้อย บันไดจะวางตัวไว้ชิดผนังเพื่อจะได้ไม่ไปเบียดบังพื้นที่การใช้งาน ส่วนใครจะสะดวกใช้ลิฟต์ก็ทำได้เช่นกัน เพราะแบบบ้าน OCTA นั้นโครงการติดตั้งลิฟต์เป็นมาตรฐานมาให้แล้วในทุกหลังครับ

เมื่อเดินออกจากลิฟต์มาจะเจอกับห้องครัวก่อนเลยครับ บ้านตัวอย่างได้ Built-in เคาน์เตอร์ครัว เป็นรูปตัวยู (U-Shape) มีพื้นที่สำหรับติดตั้งเตาไฟฟ้า เตาอบและเครื่องดูดควัน

ส่วนผนังด้านหน้าบ้านเหมาะสำหรับการติดตั้งอ่างล้างจาน เพราะมีหน้าต่างบานสไลด์สามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศได้ ส่วนอีกด้านออกแบบให้เป็นเคาน์เตอร์โดยมีบานเลื่อนเปิดปิดเพื่อรับส่งอาหารผ่านช่องทางนี้ก็เก๋ดีเหมือนกัน แต่ทว่าบ้านจริงห้องนี้จะเป็นห้องเปล่านะครับ โดยทางโครงการได้ปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิกกันลื่นมาให้ พร้อมทั้งเดินงานระบบน้ำ-ไฟฟ้ามาให้แล้วเช่นกัน

ห้องครัวบนชั้น 2 จะเชื่อมต่อกับ Living Area ขนาดใหญ่ในดีไซน์แบบ Open Space ให้เราได้ครีเอทฟังก์ชั่นการใช้งานได้ตามใจ

อย่างเช่นบ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็นห้องรับประทานอาหารที่มาพร้อมโต๊ะขนาดใหญ่แบบ Long Table สามารถปรับเป็นห้องประชุมได้สำหรับใครที่ใช้เป็น Home Office ชั้นนี้จะมีห้องน้ำในตัวด้วยครับ เป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีส่วนพื้นที่อาบน้ำมาให้ด้วยครับ มาพร้อมกับระเบียงด้านนอกสามารถเปิดประตูออกไปได้

อีกจุดเด่นที่ผมชอบของห้องนี้คือโดยรอบเปิดช่องแสงทุกด้านทำให้บ้านสว่างมากและหากเปิดประตูหน้าต่างออกจะทำให้เกิดการถ่ายเทไหลเวียนของอากาศภายในบ้านได้ดีมาก พื้นที่ในบ้านตัวอย่าง ตอนนี้ออกแบบให้เป็น Sales Gallery อยู่ครับ

ดินขึ้นมาชมพื้นที่ชั้น 3 กันต่อครับ ที่จริงแล้วตามแปลนบ้านบนชั้น 3 จะเป็น Master Bedroom 1 และห้องนอนรองอยู้่ติดกัน แต่สำหรับบ้านตัวอย่างได้ปรับแบบโดยดีไซน์ให้เป็น Common Area ขนาดใหญ่ทั้งฟลอร์สำหรับสมาชิกในครอบครัวใช้งานร่วมกัน

ห้องนี้ดีไซน์ให้ปีกซ้ายฝั่งหน้าบ้านเป็น Living Area ขนาดใหญ่ จัดวางชุดโซฟาที่นั่งเป็นรูปตัวแอล เพื่อรองรับการใช้งานของสมาชิกได้จำนวนมาก ผนังติดตั้งชั้นวางทีวีมีระยะทางในการรับชมมากพอสมควร สามารถปรับเป็นจอทีวีขนาดใหญ่หรือโฮมเธียเตอร์ได้เลยครับ

ห้องนี้ฝั่งหน้าบ้านมีความเก๋ของ Facade รูปทรงกลม 2 วงติดกันซึ่งเป็น Signature ของโครงการ สามารถเปิดประตูกระจกออกไปที่บริเวณระเบียงได้ มีการติดตั้งราวระแนงเหล็กกันตกมาให้แล้วครับ

ด้านหลังของที่นั่งจะเป็นห้องครัวของชั้น 3 ครับ ซึ่งบ้านจริงจะเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet

ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่ จัดวางฟังก์ชั่นมาให้ครบทั้งสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า พื้นที่อาบน้ำแบบ Shower พร้อมอ่าง Jacuzzi ที่อยู่ริมหน้าต่าง

พื้นที่ Common Area จะคั่นกลางด้วย Courtyard โดยโครงการได้ติดตั้งเป็นกระจกบานฟิกซ์ทรงสี่เหลี่ยมล้อมรอบสวนขนาดใหญ่กลางบ้านเอาไว้ เราสามารถเปิดออกไปเพื่อรดน้ำต้นไม้หรือเพิ่มอากาศบริสุทธิ์เข้ามาภายในบ้านได้ แต่ดีไซน์ที่ถูกใจผมที่สุดเลยครับ

ด้านขวาจากเดิมในแปลนบ้านเป็นห้องนอนรอง แต่บ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งถือว่าดูสร้างสรรค์ดีมากครับ มีขนาดกว้างขวาง จัดวางโต๊ะรับประทานอาหารวัสดุเป็นไม้ขนาด 8 ที่นั่งได้สบายๆ

พร้อมกับมีช่องแสงขนาบทั้ง 2 ด้าน ทำให้บ้านดูสว่างและได้แสงจากธรรมชาติส่องเข้ามาภายในบ้านแทน

ช่วงที่เราถ่ายบ้านหลังนี้คือเวลาประมาณ 4 โมงเย็น แดดแรงแสงสวยดูละมุนมากเลยครับ ถ่ายภาพย้อนแสงเล็กน้อยกำลังสวยเลย

เราสามารถเปิดม่านเพื่อเดินออกไปยังระเบียงด้านนอกได้ และหากเปิดประตูไว้ทุกด้านจะทำให้เกิดการไหลเวียนของอากาศภายในบ้านได้ดีมาก

ฝั่งด้านในสุดจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือเป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวนั่นเองครับ แต่ห้องนี้จะไม่มีอ่างอาบน้ำ

ชั้น 4 มี 2 ห้องนอนเช่นกัน การออกแบบแปลนเหมือนกันกับชั้น 3 เลยครับ คือห้องนอนปีกซ้ายโซนด้านหน้าจะเป็น Master Bedroom 2 และมีห้องนอนรองอีกห้องอยู่ด้านหลัง ทั้ง 2 ห้องจะมีห้องน้ำในตัวครับ

เมื่อเดินเข้ามาเราจะพบกับเดินมาตรงโถงกลางบ้าน เป็น Courtyard ที่เชื่อมต่อมาจากชั้น 3 ซึ่งผมกำลังคิดภาพตามไปว่าถ้าใช้เวลาอีกสัก 1-2 ปี ต้นไม้เริ่มโตสูงขึ้น เราคงจะเห็นยอดไม้เลยขึ้นมาจนถึงชั้น 4 และทะลุหลังคาบ้านออกไป คงเป็นบรรยากาศที่ร่มรื่นภายในบ้านแบบ Urban Forrest แน่ๆ

ผมค่อนข้างชอบห้องนี้เพราะมีช่องแสงธรรมชาติเยอะมาก ช่วยให้ห้องดูโปร่ง โล่งอยู่สบายไม่รู้สึกอึดอัด ผนังด้านหน้าบ้านเป็นกระจก Full Height บานเลื่อนชุดใหญ่ ใช้เปิดรับแสง ระบายอากาศและยังสามารถเปิดออกเพื่อเดินไปยังระเบียงได้

Master Bedroom 2 บนชั้น 4 วางผังเหมือนกับชั้น 3 เลยครับ แต่ด้วยความที่ห้องนี้ตกแต่งเป็นห้องนอนตามแบบทำให้มองเห็นภาพรวมของบ้านได้ชัดเจนขึ้น

พื้นที่พักผ่อนตรงกลางเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่ เน้นตกแต่งด้วยวัสดุที่ทำจากไม้ให้ความรู้สึกเรียลดีเหมือนได้ย้อนกลับไปในยุค 60s-70s อีกครั้งในช่วงที่งานดีไซน์ Mid-Century Modern กำลังเฟื่องฟู ดูห้องนอนแล้วตกแต่งสวยมาก

ปลายเตียงจัดวางโซฟาที่นั่งสำหรับพักผ่อนดูทีวีที่ติดตั้งไว้ชิดผนัง มีระยะในการรับชมพอสมควร ส่วนด้านในจะเป็นโต๊ะทำงานที่ชิดกับหน้าต่างกระจกที่มองออกไปจะเห็น Courtyard ซึ่งผมให้คะแนนมุมนี้เต็ม 10 เลยครับ เพราะตอบโจทย์เรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานและความคิดสร้างสรรค์ได้ดี เป็นบ้านที่ Live / Work / Play จริงๆ

ด้านในสุดเป็นห้องน้ำ ซึ่งต้องเดินออกมาจากห้องแต่งตัวที่อยู่ติดกัน ภายในจัดวางฟังก์ชั่นครบทั้งสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าแบบ His & Her มี Shower อยู่มุมห้องด้านใน ขณีะที่อ่างอาบน้ำจะอยู่ติดผนัง ฝั่งเดียวกับด้านหน้าบ้าน ห้องนี้จัดวางแปลนแบบเดียวกับห้องน้ำของ Master Bedroom 1 

Master Bedroom 2 บนชั้น 4 วางผังเหมือนกับชั้น 3 เลยครับ แต่ด้วยความที่ห้องนี้ตกแต่งเป็นห้องนอนตามแบบทำให้มองเห็นภาพรวมของบ้านได้ชัดเจนขึ้น

เตียงนอนขนาดใหญ่ถูกจัดวางไว้ด้านในสุดของห้องนอน ทำให้ได้ประโยชน์ในเรื่องความเป็นส่วนตัว ห้องนี้เน้นโทนสีแดงอมส้ม ทำให้ห้องดูมีสีสันสดใสแปลกตา แต่ว่ากลับเข้ากันดีกับภาพรวมงานดีไซน์ที่ให้ความวินเทจนิด ๆ

ภายในห้องนอนเปิดรับช่องแสงได้ถึง 2 ฝั่งคือจาก Courtyard และระเบียงด้านหลัง ปลายเตียงเป็นผนังสำหรับติดตั้งชั้นวางทีวี โดยมีการเดินระบบไฟและเคเบิลเอาไว้ให้แล้ว

ส่วน Walk-in Closet จะอยู่ด้านหน้าบริเวณทางเข้าห้อง ดีไซน์เป็นตู้เสื้อผ้าหน้าบานกระจกเงารมสีแดงเข้มทำให้ห้องดูมีมิติมากขึ้น เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตำแหน่งเดียวกับห้องน้ำในห้องนอนรองชั้น 3

ถ้าดูจากแปลนบ้านจะพบว่าห้องน้ำมี Layout แตกต่างกันเล็กน้อยใน คือห้องน้ำในห้องนอนนี้จะมีทรงเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส โดยตัดพื้นที่ส่วนหนึ่งของห้องน้ำออกไปให้เป็นห้องแต่งตัวแทน แต่ภายในห้องน้ำยังจัดวางสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าตามมาตรฐาน ด้านในมี Shower Box ออกแบบผนังเป็นสีน้ำตาลเมื่อสะท้อนไฟทำให้ห้องน้ำออกมาสวยงามมาก

จากบ้านแบบ OCTA เดินข้ามฝั่งมาก็จะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง หรือ The Arch Clubhouse เราจะเดินไปชมกันต่อครับ

The Arch Clubhouse สวยมากมาในสไตล์ Mid-Century Modern ที่นำฟอร์มทรงกลมมาใช้ Facade เน้นเส้นสายแนวดิ่งเพื่ออำพรางสายตา ให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนตัวเมื่อมาใช้บริการ

The Arch Clubhouse ได้รับการออกแบบตามหลัก Universal Design เพื่อรองรับการใช้งานสำหรับทุกคน แน่นอนว่ายังคง Signature ของภาพรวมงานดีไซน์ได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์ Mid-Century Modern

สถาปนิกออกแบบ The Arch Clubhouse โดยด้านล่างติดตั้งกระเบื้องสีน้ำเงินเข้มรับกันดีกับ Decortion สีฟ้าอ่อนที่นำมาประดับตัวอาคาร ผสมผสานรูปทรงเรขาคณิตมารวมกันไว้อย่างมีมิติ แทรกตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติต้นไม้สีเขียวรายล้อมอาคารได้อย่างลงตัว โดยมีสระว่ายน้ำและสนามหญ้าควงคู่กันมาทำหน้าที่พนักงานต้อนรับส่วนหน้า

ไฮไลท์อีกอย่างของ The Arch Clubhouse คือ Flow Pool หรือสระว่ายน้ำรูปตัวแอล (L-Shape) กว้าง 5.30×25 เมตร ที่วางตััวอยู่ด้านหน้าอาคาร เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือที่ปูพื้นด้วยกระเบื้องสีเทอควอยซ์ดูสดใส เข้ากันดีกับ Daybed ที่ตั้งวางเรียงรายอยู่บน Pool Terrace ให้เราได้มาใช้เวลาในวันพักผ่อนสบายๆ หรือใครจะนอนอาบแดดที่ Sun Deck หลังออกกำลังกายว่ายน้ำเสร็จแล้วก็ได้เช่นกัน ติดกันเป็นสระว่ายน้ำสำหรับเด็กขนาด 4.60 x12.50 เมตร พร้อมจัดโซน Jacuzzi มาให้ด้วยครับ

สระว่ายน้ำออกแบบมาให้เชื่อมต่อกับ The Arch Clubhouse Garden เป็นพื้นที่สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ บริเวณโดยรอบลงต้นไม้ใหญ่เอาไว้เพื่อให้ร่มเงา ปลูกหญ้าจนเต็มสนามหญ้าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับลูกบ้านภายในโครงการ

นอกจากนี้ สนามเด็กเล่น และ Pavilion เป็นศาลาแบบ Semi-Outdoor สำหรับนั่งพักผ่อนทำกิจกรรมนอกบ้านร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว

มองจากชั้น 2 ของ The Arch Clubhouse ลงมาจะเห็นสระว่ายน้ำสีฟ้าเทอควอยส์ดูสดใส รับกันดีกับสีเขียวของต้นไม้

โครงการยังได้จัด Facilities มาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Kids Arcadia ซึ่งเต็มไปด้วยของเล่นเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก กระโจมอินเดียนแดง หนังสือนิทาน ชุดโต๊ะ-เก้าอี้ไว้นั่งวาดรูปและระบายสี มีทีวีสำหรับให้เด็กๆ ได้ นั่งบน Beanbag เพื่อดูการ์ตูน

Kids Arcadia ออกแบบให้อยู่ห้องด้านล้่างติดกับสนามหญ้า เพื่อที่ว่าเด็กๆ จะได้เล่นสนุกซุกซนทั้งในห้องและด้านนอก ออกแบบให้มีสไลเดอร์และยังจัดให้มีสไลเดอร์ลงสระน้ำโซนสระเด็ก ทำให้เล่นกันสนุกสนานไปเลย

ส่วนด้านในของชั้นล่างนี้ยังมี Steam Room คอยให้บริการด้วยครับ

ชั้นบนเป็นที่ตั้งของ Curve Society ที่ชั้น 2 ปัจจุบันเป็นห้องที่รับรองแขกที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการ ส่วน Curve Gym จะอยู่บนชั้น 3

Curve Gym เป็นห้อง Fitness ที่มีขนาดใหญ่มาก จัดพื้นที่มาค่อนข้างกว้าง ออกกำลังกายได้สบายไม่แออัดเลยครับ

ผนังห้องรายล้อมด้วยกระจกเขียวตัดแสงแบบ Full Height เปิดรับวิวจากภายนอกรู้สึกเลยว่าโล่งสบาย ภายในตกแต่งสวย พร้อมด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายทั้งแบบ Cardio, Free Weight และ Machine ติดตั้งมาให้เรียบร้อยครบทุกส่วนของการออกกำลังกายเสริมหุ่น สามารถเช็คลีลาท่าทางการออกกำลังกายได้จากกระจกเงาที่ติดไว้ด้านใน

ติดกันกับ Curve Gym จะเป็นห้องโยคะหรือ Flow Chamber ผมชอบมากเพราะออกแบบได้คุมโทนสีได้ดี และมีความโมเดิร์น ทางโครงการจัดเตรียมอุปกรณ์โยคะ อาทิ เสื่อโยคะ ลูกบอล จอทีวี และมีกระจกเงาติดตั้งมาให้ เพื่อให้เราได้ออกกำลังกายและกำหนดลมหายใจอย่างถูกท่วงท่า

Coco Chanel เคยบอกว่า “แฟชั่นไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ในชุดเดรสเท่านั้น แฟชั่นอยู่บนท้องฟ้า ในท้องถนน แฟชั่นเกี่ยวข้องกับความคิด วิธีที่เราใช้ชีวิต และสิ่งที่เกิดขึ้น”

กานต์ว่า แฟชั่นก็คืองานศิลปะที่แทบไม่ต่างจากงานสถาปัตยกรรมเลยครับ เพราะเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับทุกคน ทุกสิ่ง ยิ่งปัจจุบัน ผู้คนมองหาบ้านที่มีความแตกต่างทั้งการออกแบบที่สร้างสรรค์ รายละเอียด ฟังก์ชั่นการใช้งาน ทำเลที่ดี

ที่สำคัญคือสไตล์ที่ชัดเจน ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้ดี ซึ่งผมว่า noble CURVE จัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ให้หมดแล้วครับ รอแค่ให้เราเข้ามาเยี่ยมชมโครงการและจรดปากกาเซ็นต์สัญญาจองบ้านเท่านั้นเอง

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายเข้าชมโครงการได้ที่
https://nobleurl.com/3AAVZdn
สอบถามโทร. 02-251-9955 

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน