“𝐁𝐞𝐚𝐮𝐭𝐢𝐟𝐮𝐥 𝐭𝐡𝐢𝐧𝐠𝐬 𝐝𝐨𝐧’𝐭 𝐚𝐬𝐤 𝐟𝐨𝐫 𝐚𝐭𝐭𝐞𝐧𝐭𝐢𝐨𝐧.” เพราะความงามที่แท้จริงไม่เคยเรียกร้องความสนใจ
.
วลีนี้มีความหมายลึกซึ้งมาก เพราะเรามองว่า Quiet Luxury ความหรูหราไม่จำเป็นต้องส่งเสียงดัง สอดคล้องอย่างยิ่งกับแนวคิดหลักของ AESTIQ Thonglor โครงการคอนโดมิเนียมระดับ Ultimate Class ภายใต้หัวใจสำคัญของการออกแบบ “The Reflection of You” หรือ “การสะท้อนตัวตนของเรา” ที่ไม่ได้สะท้อนเพียงแค่รสนิยมทางดีไซน์ แต่ยังรวมถึงวิธีคิด ไลฟ์สไตล์ และความต้องการลึกซึ้งของผู้พักอาศัย โดยสถาปัตยกรรมภายนอกถูกออกแบบให้มีความโดดเด่นในสไตล์ Futuristic Elegance เรียบหรูแต่ล้ำสมัย ด้วยเส้นสายอิสระที่เคลื่อนไหวเสมือนผิวอาคารกำลังล่องลอยและเปล่งประกายภายใต้แสงธรรมชาติ
.
AESTIQ Thonglor จึงเป็นคอนโดที่ไม่ได้มีแค่ความหรูหรา แต่เป็น Private Residence ที่หลอมรวมระหว่างความโดดเด่นกับความส่วนตัวได้อย่างสมดุล ให้เรารู้สึกสงบ เป็นส่วนตัวแต่มั่นใจ มีเสน่ห์แบบไร้การปรุงแต่ง ที่ทุกมุมคือคำว่า “Understated Boldness” เห็นได้จากรายละเอียดของการออกแบบ อาทิ
.
Curved Glass Facade หรือฟาซาดกระจกโค้งที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ได้แค่สวยล้ำ แต่สะท้อนภาพของเมืองและตัวตนของเราในมุมมองที่เปลี่ยนไปตามแสงและเวลา เสมือนจิตวิญญาณที่มีชีวิต สําเร็จด้านการวิจัยและพัฒนาของ Peterson 1990 Co.,Ltd.– DESIGN, ได้รับการมอบหมายดูแลโดยทางวิจัยพัฒนานวัตกรรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านออกแบบและรับเหมาติดตั้งงานกระจกและอลูมิเนียม ระบบ Curtain Wall งานอลูมิเนียม Cladding, งานหลังคา Skylight, งานผนังกระจกสูง (Glacade)
.
การเลือกวัสดุ พื้นผิว แสง และสเปซภายใน ล้วนถูกจัดวางอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกยูนิตกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่สามารถ “เล่าเรื่อง” ของผู้อยู่อาศัยได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด ตลอดจนการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกเข้ามาจัดวางในพื้นที่ส่วนกลางเพื่อรองรับการใช้งานของลูกบ้าน
.
แปลนห้องมีการจัดวางที่ฉลาด เน้นความโปร่งโล่ง ผนังกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน เพื่อเปิดรับวิวเมืองและแสงธรรมชาติแบบพาโนรามา พื้นที่ใช้สอยมีตั้งแต่ 33–301 ตร.ม. ครอบคลุมทั้งแบบ 1 ห้องนอน ไปจนถึง Penthouse ขนาดใหญ่
.
ไฮไลท์คือ Private Lift ทุกยูนิต เป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่สะท้อนแนวคิดของ “ความเป็นตัวคุณ” ที่ไม่จำเป็นต้องแบ่งปันอะไรกับใคร หากแต่เลือกใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการ
.
สิ่งอำนวยความสะดวกระดับ Ultra Luxury มีพื้นที่ส่วนกลางกว่า 6 ชั้น ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างเหนือระดับทั้ง Sky Infinity-Edge Pool, Private Onsen, Private Theater, Golf Simulator, Sky Social Club, Concierge พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะและที่จอดรถรองรับ 100% ขึ้นไป
.
นอกจากนี้ ยังใช้แนวคิด “Future Nature” สร้างสมดุลระหว่างเทคโนโลยีกับสิ่งแวดล้อม โดยเปิดให้โถงลิฟต์ พื้นที่ส่วนกลาง และภายในห้องพักได้รับการระบายอากาศจากธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการออกแบบเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและสุขภาวะของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง
.
กานต์พาไปสัมผัสความหรูหราที่เหนือระดับกับโครงการ AESTIQ Thonglor ติดตามต่อด้านในได้เลยครับ
.
𝐀𝐄𝐒𝐓𝐈𝐐 𝐓𝐡𝐨𝐧𝐠𝐥𝐨𝐫 𝐖𝐚𝐫𝐦 𝐈𝐧𝐯𝐢𝐭𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧
Join us at our Exclusive Open House, 29–30 November only.
.
Enjoy two days of privileges valued at 3MB*, featuring Eurocreation’s Italian furniture collection — Molteni & C and Poltrona Frau.
.
We look forward to welcoming you to the world of refined living.
.
Starting at 11 MB*
.
𝐅𝐨𝐫 𝐈𝐧𝐪𝐮𝐢𝐫𝐢𝐞𝐬
Reserve your private tour : https://bit.ly/48CgPaJ
CALL: 064-184-2372 or 1232
LINE Official: https://lin.ee/HX5NECy
MAP: https://maps.app.goo.gl/uFkFC1VoT5mqwJUG8
AESTIQ Thonglor คอนโดมิเนียมระดับ Ultimate Class แบบ High‑Rise สูง 40 ชั้น บนที่ดิน 1 ไร่ 3 งาน 88 ตร.ว. จำนวนเพียง 203 ยูนิต ออกแบบภายใต้แนวคิด “The Reflection of You” ตั้งใจให้สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ชื่อโครงการ AESTIQ สนธิมาจากคำว่า Aesthetic + Unique แปลว่าการใช้ชีวิตอย่างมีสุนทรียะ คอนโดมิเนียมยูนิตมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบ 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน 3 ห้องนอน และ Penthouse ทุกยูนิตจึงได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ดีไซน์โดยสถาปนิกจาก A49 ในรูปแบบ Futuristic ที่สะดุดตาด้วยผิวอาคารจรัสแสง และเส้นสายล้ำสมัย มาพร้อมกับ Private Lift เป็นระบบ 1 Time 1 Unit คือลิฟต์จะขึ้นไปทีละ 1 ชั้นเท่านั้น เท่ากับว่าเราไม่ต้องใช้ลิฟต์ร่วมกับใครเลยครับ เพิ่มระดับความเป็นส่วนตัวในทุกการอยู่อาศัย แปลนห้องมีการจัดวางที่ฉลาด เน้นความโปร่งโล่ง ผนังกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน เพื่อเปิดรับวิวเมืองและแสงธรรมชาติแบบพาโนรามา พื้นที่ใช้สอยมีตั้งแต่ 33–301 ตร.ม. ครอบคลุมทั้งแบบ 1 ห้องนอน ไปจนถึง Penthouse ขนาดใหญ่ โครงการเริ่มต้นพักอาศัยที่ชั้น 11 เป็นต้นไป ทำให้ห้องของเราจะสามารถได้รับวิวที่เปิดโล่งไม่มีอาคารอื่นใดมาบดบังในระยะประชิด โครงการ AESTIQ Thonglor ตั้งอยู่ในย่านที่เป็นศูนย์รวมของความหรูหรา วัฒนธรรม และชีวิตชีวาที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ รายล้อมด้วยร้านอาหารชื่อดัง คาเฟ่ไลฟ์สไตล์ บาร์ระดับพรีเมียม โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลชั้นนำ และศูนย์การค้าอย่าง J Avenue, The Teste ทองหล่อ, 72 Courtyard, The Commons, Tops Market, EmQuartier, Emporium และ EmSphere พร้อมการเชื่อมต่อ BTS ทองหล่อ และทางด่วนอย่างสะดวกสบาย ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาวิ่งมาจากเลียบทางด่วนรามอินทรามา Interchange ที่สถานีทองหล่ออีกด้วย ทำให้เราสามารถเข้าถึงทุกพื้นที่สำคัญของเมืองไม่ว่าจะเป็น ถนนสุขุมวิท เพชรบุรี เอกมัย อโศก พระราม 9 ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว AESTIQ Thonglor ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดและมีศักยภาพสูงมาก ด้วยการวางตำแหน่งให้เป็น “Ultimate Luxury Condominium” และ “New Iconic Landmark” บนทำเลทองหล่อ ซึ่งเป็นย่านที่ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแม้จะเป็นโครงการระดับอัลตร้าลักซ์ แต่ราคาต่อ ตร.ม. ของ AESTIQ Thonglor ยังคงมีความสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับทำเลและคุณภาพ โดยอยู่ที่ประมาณ 290,000–300,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งถือว่าแข่งขันได้กับโครงการไฮเอนด์อื่นๆ ในโซนสุขุมวิท และยังเหมาะกับการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าระยะยาวแก่ชาวต่างชาติที่ต้องการทำเลทองหล่อแบบมีสไตล์ ดังที่ Marcel Wanders นักออกแบบชื่อดัง ได้กล่าวไว้ว่า “Luxury is not about the things that you own. It is about something that reflects your personal values, something that shows the choices that you have made in your life.” – ความหรูหราไม่ใช่แค่สิ่งของที่คุณเป็นเจ้าของ แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนค่านิยมส่วนตัวของคุณ สิ่งที่แสดงถึงทางเลือกที่คุณได้ตัดสินใจในชีวิต” AESTIQ Thonglor จึงเป็นคอนโดมิเนียมหรูที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันโดดเด่นของเราได้อย่างแท้จริง เมื่อขับรถเข้ามาบนถนนทองหล่อ เราจะเห็นอาคารดีไซน์ล้ำที่โดดเด่นเหนือใคร ด้วยดีไซน์ผนังกระจกโค้ง (Curtain Wall) ซึ่งติดตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตก ซึ่งไม่ได้มีเพียงความสวยงาม แต่ยังเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพในการควบคุมอุณหภูมิภายใน โดยใช้ กระจกชนิด Reflective Insulated Glass ซึ่งเป็นกระจกสองชั้นประกบกัน ภายในมีช่องว่างที่บรรจุสารดูดความชื้นและ ก๊าซเฉื่อย เช่น อากาศแห้ง เพื่อทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อน กระจกชนิดนี้มีความสามารถในการสะท้อนความร้อนจากภายนอกได้สูงมากถึง 95-98% ทำให้ภายในอาคารเย็นสบายอยู่เสมอ แม้ว่าอุณหภูมิภายนอกจะสูงมากก็ตาม นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันการเกิดฝ้าหรือหยดน้ำบนผิวกระจก แม้อุณหภูมิภายในและภายนอกจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด นอกเหนือจากคุณสมบัติเด่นด้านพลังงานแล้ว ผนังกระจกโค้งยังมอบประสบการณ์พิเศษให้กับผู้ที่อยู่ภายในอาคาร ด้วยมุมมองที่แปลกตาและต่อเนื่องไปตามแนวโค้ง ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งและเปิดกว้างยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายอากาศและลดความรู้สึกทึบตัน สถาปนิกได้ออกแบบให้อาคารแบ่งออกเป็น 3 Clusters ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้จะเกิดห้องมุมในสัดส่วนที่มากกว่าปกติ ช่วยให้เกิดการไหลเวียนของอากาศภายในอาคารได้ดียิ่งขึ้นและได้รับความเป็นส่วนตัว ป้ายโครงการด้านหน้าเป็นหินอ่อนสีเข้ม สอดรับกับดีไซน์ภายนอก เมื่อเข้ามาด้านหน้าจะพบกับ Step Garden ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Welcome Lobby ที่ด้านหน้า เพื่อขึ้นสู่ Main Lobby ที่ชั้น 2 ได้ทันทีครับ คอนโดมิเนียมรองรับการจอดรถได้เกินกว่า 100% รวม 220 คัน แบ่งเป็น Conventional Parking 24 คัน บริเวณรอบโครงการและชั้น Basement และ Automatic Parking 196 คัน มีช่องจอด 2 Slots จัดพื้นที่สำหรับนั่งรอรับรถเอาไว้ให้แล้ว นอกจากนี้ทางโครงการยังมีรายละเอียดและการบริการพิเศษอีกมายมาก อาทิ บริการ Valet Parking บริการ Doorman Service พนักงานเปิดประตู และยังได้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับ EV Charging Station ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้ให้ 2 จุด ด้านหน้าเป็นพื้นที่สำหรับ Drop off จุดรับส่งลูกบ้านหรือแขกคนสำคัญ ส่วนรถยนต์ที่จะเข้าจอดภายในอาคารจะต้องวนเข้าไปด้านในเพื่อเข้า Automatic Parking ขณะเดียวกัน ผู้โดยสารก็สามารถเดินลงจากรถยนต์เพื่อเข้าสู่อาคารได้ที่บริเวณชั้น 1 ชั้นนี้จะมีลิฟต์เชื่อมต่อกับชั้น 2 ได้โดยตรง Welcome Lobby ส่วนด้านล่างยังจัดให้มีพื้นที่ต้อนรับสำหรับแขกหรือคนขับรถที่มารอพบได้ ด้านขวาเป็นบันไดทางเดินขึ้นเรียกว่า Step Garden เพื่อขึ้นสู่ Main Lobby ที่ชั้น 2 ครับ Step Garden ก่อนเข้าสู่ภายในอาคาร เป็นพื้นที่สำหรับให้ลูกบ้านเข้าสู่ภายในอาคารหรือจะนั่งพักผ่อนบริเวณลานด้านนอกก่อนก็ได้เช่นกัน ส่วน Visitor จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ภายในอาคารชั้น 2 ทางด้านนี้เนื่องจากมีระบบการรักษาความปลอดภัยแบบ Face Scan ครับ ชั้น 2 จะเป็น Main Lobby มีเคาน์เตอร์ Concierge คอยให้บริการ ได้ฟีลเหมือน Luxury Hotel เลยครับ ด้านซ้ายจะเป็นออฟฟิศของสำนักงานนิติบุคคล ส่วนด้านขวาทอดยาวไปจนถึงด้านในจะเป็น Exclusive Facilities พื้นที่รับรองลูกบ้านตกแต่งภายในอย่างเรียบหรู ราวกับนั่งพักผ่อนใน Lobby ของโรงแรม เพราะจัดวางชุดโซฟาที่นั่งนำเข้าจากต่างประเทศจัดวางไปในหลายจุด AESTIQ Thonglor เสริมความหรูหรามีระดับให้กับผู้พักอาศัยราวกับกำลังพักผ่อนอยู่ในโรงแรมหรู ด้วยการนำเข้าชุดโซฟาที่นั่งจากต่างประเทศจัดวางเอาไว้ที่บริเวณ Main Lobby และพื้นที่รับรองภายใน โต๊ะจากคอลเลคชั่น Black&More จาก Malerba ตัวนี้งานดีไซน์ดีมาก ให้ความวินเทจที่ผสมผสานความมันวาวแบบ Millennium เมื่อนำมาวางไว้ใน Lobby ของที่ AESTIQ Thonglor ก็ทำให้มุมนี้ดูโดดเด่นขึ้นมาทันที อีกหนึ่งตัวที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือโต๊ะ Cartesio ดีไซน์โดย Busetti Garuti Redaelli งานดีไซน์ขาโต๊ะดูแปลกตามากและสามารถปรับขยาย รองรับการใช้งานได้หลายรูปแบบมาก นอกจากนี้ ยังมีเก้าอี้ Cassina รุ่น 4 Fauteuil Grand Confort ที่ออกแบบโดย Le Corbusier ศิลปินคนโปรดของเราร่วมกับ Pierre Jeanneret และ Charlotte Perriand สถาปนิกชาวฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากของลูกบ้านและตรงตามความต้องการ ไลฟ์สไตล์ของทุกคน อาทิ Private Theater Golf Simulator Play Room “Sometimes, the deepest bonds are found in silence, without a single word.” ด้านในสุดยังมี Greenery Space เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนภายในอาคารที่ถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้ มองผ่านกระจกลงไปที่ชั้นล่างก็จะได้วิวสวนบริเวณ Hideaway Pavilion ที่ให้ความร่มรื่น บริเวณนี้มีอาร์มแชร์อีกตัวที่นั่งสบายมากเช่นกันคือรุ่น LIVRE จาก Gallotti&Radice ที่ผสานความโค้งมนนุ่มสบายเข้ากับฐานไม้แอช เป็นงานดีไซน์ที่เรียบหรูมาก ตัวที่ดุูก็รู้คืออาร์มแชร์ Bototanic ออกแบบโดย Claodio Bellini เป็นคนที่่ให้เฟอร์นิเจอร์ยุค 50 กลับมารุ่งเรืองได้อีก อีกตัวที่น่าสนใจคือ Roberto Lazzeroni ชาวอิตาลีที่อออกแบบให้โซฟา Tamino คงความงา่างาม เข้ากับทุกมุมในคอนโดของเราได้ง่าย ส่วนด้านนอกออกแบบให้เป็น Hideaway Pavilion พื้นที่นั่งพักผ่อนกลางแจ้ง ใช้หลักการในการออกแบบ Enclosed Space เป็นพื้นที่ปิดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายื่นออกไปจากตัวอาคาร รองรับการใช้งานของลูกบ้านในโอกาสต่างๆ Hideaway Pavilion ออกแบบให้มีที่นั่งแบบ Sunken Seating พร้อมเบาะรองนั่ง ติดตั้งพื้นที่สำหรับบาร์บีคิวปาร์ตี้ บรรยากาศดีมากเลยครับ เพราะแวดล้อมด้วยต้นไม้สูงสีเขียวให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวดีมาก ที่ชั้น 10 ของโครงการ AESTIQ Thonglor ได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่สีเขียวกลางอาคารเรียกว่า Serene Garden ซึ่งเปรียบเสมือนโอเอซิสแห่งความเงียบสงบท่ามกลางใจกลางทองหล่อ สวนลอยฟ้าแห่งนี้ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อความสวยงาม แต่ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดพักผ่อนที่สามารถเชื่อมโยงผู้อยู่อาศัยกับธรรมชาติในแบบที่จับต้องได้จริง พื้นที่ถูกจัดวางอย่างลงตัวด้วยม้านั่งที่ล้อมรอบด้วยพรรณไม้หลากชนิด พร้อมวิวเปิดโล่งของถนนทองหล่อและเมืองโดยรอบ ทำให้ที่นี่เหมาะสำหรับการพักผ่อน จิบกาแฟ อ่านหนังสือ หรือใช้เป็นพื้นที่สำหรับพบปะสนทนาอย่างเป็นกันเองกับเพื่อนบ้าน โดยตำแหน่งของ Serene Garden บนชั้น 10 นับว่าเป็นระดับความสูงที่พอดีที่จะเปิดรับมุมมองของเมืองได้กว้างไกล อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่เสริมให้ AESTIQ Thonglor โดดเด่นในด้านการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางอย่างมีชั้นเชิง และเพิ่มมูลค่าทางจิตใจให้กับผู้อยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง พื้นที่ส่วนกลางหลักๆ จะอยู่ที่ชั้น 30 และ 31 ซึ่งออกแบบภายนอกในลักษณะ Free Form เพื่อให้เกิดความรู้สึกอิสระในการอยู่อาศัย ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ Reflection Pool เป็นสระระบบเกลือ ดีไซน์สวยมาก ใช้วัสดุเป็น Hairline Finish Stainless Steal มาประดับเป็นทรงโค้งเมื่อสะท้อนผิวน้ำและแสงไฟเมือง ก็จะได้บรรยากาศการว่ายน้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจ ยิ่งตอนพระอาทิตย์ตกดินจะเป็นภาพที่สวยมาก สระว่ายน้ำออกแบบให้ทอดยาวไปตามแนวอาคารด้านหน้า สามารถเปิดรับวิวเมืองได้ 180 องศา พร้อมจัดวาง Sundeck สำหรับอาบแดดและพักเหนื่อยจากการออกกำลังกาย มีเคาน์เตอร์บาร์ด้านหลังสำหรับจัดเตรียมเครื่องดื่ม ด้านในสุดออกแบบให้มี Upside Down Jacuzzi เป็นสระ Jacuzzi รับวิวเมืองมุมกว้าง หลังจากว่ายน้ำเสร็จแล้วสามารถมาแช่บ่อน้ำร้อนออนเซ็นและห้องซาวน่า สตีมได้ บรรยากาศดีมาก เน้นความเป็นส่วนตัว อุณหภูมิของน้ำในบ่อจะกำหนดไว้ที่ประมาณ 40 องศา เพราะว่าจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีอีกด้วย เอาไว้ให้เราได้มาแช่ตัวผ่อนคลายสบายๆ ออกแบบให้รองรับสำหรับลูกบ้านผู้ชายและผู้หญิง ดูหรูหราสวยงามน่าใช้มาก เราสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวสวยๆ ได้ในทุกช่วงเวลา เราว่าเข้ากับความเป็นทองหล่อดี เพราะมีกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นพักอาศัยกันในย่านนี้เป็นจำนวนมาก หากใครอยากซื้อเพื่อปล่อยเช่าให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ก็น่าจะสร้างแรงจูงใจได้ดี ในส่วนของ Fitness จะอยู่ที่ชั้น 31 เรียกว่า Panoramic Gym ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง เอาใจคนรักสุขภาพสายแอคทีฟ มีทั้งโซนฟรีเวทและแมทชีน ทางโครงการได้ติดตั้งเครื่องออกกำลังกายแบรนด์ระดับโลกของ Technogym ทั้งแบบ Cardio และ Weight Training Machine ซึ่งจะเน้นการใช้งานส่วนบุคคลเป็นหลัก วางกระจายกันไปทั่วห้อง ราสามารถวิ่งออกกำลังกายหรือปั่นจักรยานไปพร้อมกับการดูซีรีย์ที่ค้างเอาไว้ด้วยได้ หรือหากใครเป็นคนชอบความคึกคักเติมเอนเนอจี้ แนะนำให้ใส่หูฟังแล้วเปิดจังหวะ EDM หรือเพลงที่มีบีทสนุกๆ ระหว่างออกกำลังกายไปด้วย จะช่วยเติมความกระปรี้กระเปร่าให้เราได้ ขณะที่อีกด้าน จัดให้มีสตูดิโอเป็นห้องโล่งๆ ให้เราออกกำลังเพื่อสุขภาพหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ ซ้อมร้อง ซ้อมเต้น หรือจะเป็นเรียนบัลเลต์ก็ได้เช่นกัน บรรยากาศแบบโปร่งสบาย มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นวิวสวยๆ รู้สึกเหมือนได้ Reboost ตัวเองขึ้นมาจากความเหนื่อยล้าได้ระดับหนึ่งแล้วครับ ในวันที่แดดดีตอนเช้าๆ หรือหลังเลิกงาน เมื่อกลับมาถึงบ้านเราสามารถเปลี่ยนชุดมาวิ่งออกกำลังกายเบาๆ ที่ บริเวณ Hideaway Pavilion และรอบอาคารได้เช่นกัน บรรยากาศดีมากครับ ร่มรื่นเพราะเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวเติมเต็มความสดชื่น ในส่วนของ Facilities โครงการ AESTIQ Thonglor ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ที่เราชอบก็คือ Sky Social Club Sky Social Club ออกแบบให้พื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนสังสรรค์ของลูกบ้านใช้งานร่วมกัน เข้ามาด้านในจะพบกับ Lounge ขนาดใหญ่ เปิดมุมมองหน้ากว้างแบบพาโนรามิค สามารถเทควิวกรุงเทพได้ ยังมีโต๊ะพูลให้ได้เล่นสนุกกัน ยอมรับเลยว่าเป็น Sky Lounge ของคอนโดมิเนียมที่ออกแบบได้สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทยเลยครับ เราประทับใจมาก นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ Outdoor ด้านนอกให้นั่งด้วยครับ ตอนเย็นๆ ค่ำๆ มานั่งรับลมชมวิวพระอาทิตย์ตกกีับคนรัก บรรยากาศโรแมนติกมากเลยครับ “When the sun has set, no candle can replace it.” — George R. R. Martin กานต์ลองเก็บภาพมุมกว้างยามค่ำคืนมาฝากด้วยครับ ไปดูในส่วนของห้องพักกันบ้างครับ ที่ AESTIQ Thonglor มีห้องพักจำนวนทั้งสิ้น 203 ยูนิต แบ่งเป็น แบบ 1 ห้องนอน มีห้องขนาดตั้งแต่ 33 – 52 ตร.ม. แบบ 2 ห้องนอน มีห้องขนาด 76 – 119 ตร.ม. แบบ 3 ห้องนอน มีห้องขนาดตั้งแต่ 131 – 158 ตร.ม. และเพนท์เฮาส์ ขนาด 289 – 301 ตร.ม. กานต์ชอบวิธีคิดของที่นี่ที่คำนึงถึงลูกบ้านเป็นสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยและให้ความเป็นส่วนตัว อย่างเช่นการโดยสารลิฟต์แบบ 1 on 1 นั่นหมายความว่าจะไม่มีใครกดเรียกลิฟต์ให้จอดระหว่างทางหรือโดยสารมาพร้อมกันกับเราได้เลยนะครับ ลิฟต์จะมาส่งเราที่ห้องก่อนจากนั้นค่อยลงไปรับลูกบ้านท่านอื่น ซึ่งแน่นอนว่า โครงการจะต้องวางแผนออกแบบให้มีจำนวนลิฟต์ที่เพียงพอต่อการรองรับการให้บริการในเวลาเดียวกันด้วยครับ เมื่อกดลิฟต์ขึ้นมาในส่วนของห้องพักจะพบกับ Foyer ด้านหน้าห้องก่อน เพื่อใช้เป็น Shoe Cabinet พื้นที่สำหรับเก็บรองเท้า เราสามารถสวม-ถอดรองเท้าที่บริเวณหน้าห้องได้เลยครับ จากนั้นค่อยสลับเป็นสวมสลิปเปอร์เพื่อเข้าไปยังด้านในห้อง หรือติดตั้งตู้ติดผนังสำหรับเก็บข้าวของที่ไม่ค่อยจำเป็นต้องใช้งานก็สามารถนำมาเก็บไว้ที่บริเวณนี้ได้ เพราะออกแบบมาให้หลากหลายการใช้งาน ห้องพักจะเริ่มในชั้น 11 เป็นต้นไป เราเริ่มจากการพาชมห้องตัวอย่างแบบ 2 ห้องนอนกันก่อนนะครับ ซึ่งสามารถเข้าได้ทาง Private Lift และมีประตูออกไปสู่โถงทางเดินส่วนกลาง ด้วยความที่การออกแบบให้ห้องแบบ 2 ห้องนอน อยู่ในตำแหน่งมุมของอาคารในทางทิศตะวันตก แต่เราจะไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใดเนื่องจากออกแบบ Facade ผนังอาคารจะเป็นกระจกโค้ง Curtain Wall Reflective Insulated สามารถป้องกันความร้อนได้ดี หมดกังวลเรื่องนี้ไปได้เลยครับ ภายในห้องเราจะพบกับภาพมุมกว้างของ Common Area เป็นห้องหน้ากว้างที่เปิดรับแสงธรรมชาติ ภายในห้องรู้สึกโปร่งสบายด้วยฝ้าเพดานสูงถึง 3 เมตร ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานของคอนโดมิเนียมทั่วไป ทำให้ห้องนี้ดูมี Space และ Volume หรือปริมาตรที่ค่อนข้างโปร่งสบาย พื้นเป็น Engineering Wood ผิวไม้โอ๊ค ระบบปรับอากาศภายในเป็นระบบ Concealed หรือแอร์ฝังฝ้า โครงการตกแต่งห้องมาให้แบบ Fully Fitted คือติดตั้งเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินต่างๆ มาให้แล้ว อาทิ เคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้า, Hop&Hood, อ่างล้างจาน, ไมโครเวฟ+เตาอบ, เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า และอีกหลายจุดทำให้สะดวกต่อการ Move in เข้าพัก เดินออกจากลิฟต์มาด้านซ้ายจะเป็นพื้นที่ของครัว เป็นลักษณะของครัวเปิด ถ้าดูจากสเปซสามารถติดตั้งผนังประตูกระจกกั้นเพิ่มได้หากใครกังวลเรื่องของกลิ่นนะครับ ท๊อปของเคาน์เตอร์เป็นหินควอซ ส่วนผนังครัวติดตั้งเป็นกระจกดำทอง (Dark Gold Tinted Mirror) ดูหรูหรา โครงการติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวพร้อมตู้บิลด์อินบานปิดทั้งบนและล่างเอาไว้ให้ดูเป็นไอเดีย และเพิ่มความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับห้องพัก ถัดมาเป็นพื้นที่ของโต๊ะรับประทานอาหารซึ่งมีขนาดใหญ่ รองรับได้มากถึง 6-8 ที่นั่งสบายๆ เลยครับ เราสามารถเตรียมอาหารที่ Pantry ระหว่างที่รอก็สามารถนั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ ที่โต๊ะก่อนได้ หรือจะชมวิวกรุงเทพฯ ในมุมสูงก็ได้เช่นกัน เพราะผนังจะเป็นกระจก Full Height ช่วยเติมเต็มอรรถรสในมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี ด้านในสุดเป็น Living Area เปิดรับช่องแสงจากภายนอกได้ทั้ง 2 ด้านมาพร้อมกับม่านไฟฟ้า 2 ชั้น ทั้งม่านโปร่งและแบล็กเอ้าท์ เราสามารถควบคุมระบบม่านผ่านรีโมทคอนโทรลได้ ห้องตัวอย่างตกแต่งแบบเรียบง่ายด้วยการออกแบบทิศทางแสงให้รับกับสีเอิร์ธโทนภายในของผนังวอลล์เปเปอร์ เฟอร์นิเจอร์ โซฟา รูปตัวแอลสีเทาควันบุหรี่ที่ดูคลาสสิค สอดรับกับโคมไฟ ผ้าม่าน โต๊ะรับประทานอาหารและการตกแต่งประดับงานศิลปะ ทันทีที่เราเข้ามาภายในห้องจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่น สบายและความสงบนิ่ง ความชาญฉลาดในการออกแบบก็คือห้องนอนหลักจะเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างส่วนตัวกว่า เพราะแขกหรือสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ จะไม่สามารถมองเห็นโซนพักผ่อนของเราที่อยู่ถัดเข้าไปด้านในได้ ซึ่งต้องเข้าไปด้านในสุดของห้องกว่าจะถึง Master Bedroom ทำให้เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากยิ่งขึ้น ห้องดูกว้างขวางและโปร่งสบาย ด้วยผนังกระจกใสแบบ Full-height สามารถเปิดรับช่องแสงธรรมชาติจากภายนอกเข้ามาในห้องและออกแบบให้มีบานกระทุ้งเปิดได้ ภายในห้องตัวอย่างตกแต่งอย่างเรียบง่ายทว่าหรูหรา จัดแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน ตรงกลางห้องค่อนไปทางด้านในชิดผนังจัดวางเตียงนอน King Size ขนาดใหญ่ พร้อมหัวเตียงบุนวม ทั้งยังมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือมากพอที่จะจัดวางโต๊ะหัวเตียงพร้อมโคมไฟทั้ง 2 ฝั่ง ปลายเตียงมีเก้าอี้ที่เป็นลายเซ็นต์ของ FENDI แบรนด์แฟชั่นชื่อดัง ที่มีความอาร์ต ความละมุน ความเรียบนิ่ง เลือกใช้สีเอิร์ธโทนเพื่อให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ด้วยความที่ห้องนอนจัดวางเตียงไว้ด้านในทำให้เปิดรับช่องแสงผ่านหน้าต่างได้สบาย ส่งผลต่อบรรยากาศภายในห้องค่อนข้างโฟลว์ครับ ลึกเข้าไปด้านในสุดมีมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัวได้อย่างพอดีพอเหมาะ ายในห้องน้ำมาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่ครบไม่ว่าจะเป็น อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่แบบ His&Her พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ อ่างอาบน้ำที่เปิดรับซิตี้วิว ด้านในติดตั้งสุขภัณฑ์แบบ Washless มาให้แล้ว มาดูในส่วนของห้องนอนรองกันบ้าง ส่วนตัวเราว่า Room Type นี้เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีลูก เพราะจะได้ฟีลแบบอยู่บ้านแบบไทย แต่แท้จริงแล้วคือการใช้ชีวิตอยู่บนอาคารสูงใจกลางทองหล่อ ถือว่าเป็นไลฟ์สไตล์สำหรับคนเมืองที่ลงตัวมาก ภายในห้องนอนถือว่าค่อนข้างกว้าง แบ่งเป็นมุมพักผ่อนกับมุมแต่งตัว ด้านในสุดเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งที่สามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศได้ พามาชมห้องแบบ 1 ห้องนอนกันบ้างครับ ด้านหน้าห้องจะมีฟังก์ชันคล้ายกัน คือมีโถง Foyer ตู้เก็บของเก็บรองเท้า ติดกันด้านหน้าเป็นครัวแบบเปิด ติดตั้งอุปกรณ์ครัวครบไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างจาน เคาน์เตอร์สำหรับทำอาหาร ท็อปเป็นหิน Quartz ซึ่งทนต่อการขีดข่วนได้ดีและยังทำความสะอาดง่าย มาพร้อมกับ Hob&Hood เชื่อมต่อกับโต๊ะรับประทานอาหาร ด้านในเป็น Living Area จัดวางชุดโซฟาที่นั่งพร้อมกับพื้นที่เปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอก มีระเบียงเปิดออกไปได้เล็กน้อย ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งและกว้างขวางดีด้วยฝ้าที่ยกสูงถึง 3 เมตร ภายในจัดวางเฟอร์นิเจอร์ขนาดไม่ใหญ่ นัยว่าพอดีกับจำนวนผู้พักอาศัยที่ไม่น่าจะอยู่กันเกิน 2 คน สบายๆ ห้องนอนมีขนาดใหญ่สามารถวางเตียง King Size ได้สบายแถมยังมีพื้นที่รอบเตียงเดินได้เหลือๆ ตกแต่งด้วยชุดเครื่องนอนและหมอน FENDI CASAb นำเข้าจากอิตาลีดูหรูหราดีมากครับ ภายในห้องนอนจะกั้นด้วยประตูปิดทึบเพื่อความเป็นส่วนตัว มุมแต่งตัวแบบ Walk-In closet ดีไซน์เป็นห้องเปิดเราว่าออกแบบได้เป็นสัดส่วนดี ด้านในสุดจะเป็นห้องน้ำติดตั้งอ่างอาบน้ำมาให้ด้วยครับ #สรุป AESTIQ Thonglor คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างงานดีไซน์ที่เป็นเลิศ สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และทำเลที่ตั้งที่ยอดเยี่ยม มอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่หรูหรา มีระดับ และสะท้อนความเป็นตัวเราได้อย่างแท้จริง หากใครกำลังมองหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตในเมือง AESTIQ Thonglor คือคำตอบที่ใช่ ที่จะทำให้ทุกวันของเราเต็มไปด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ 𝐀𝐄𝐒𝐓𝐈𝐐 𝐓𝐡𝐨𝐧𝐠𝐥𝐨𝐫 𝐖𝐚𝐫𝐦 𝐈𝐧𝐯𝐢𝐭𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧 Join us at our Exclusive Open House, 29–30 November only. . Enjoy two days of privileges valued at 3MB*, featuring Eurocreation’s Italian furniture collection — Molteni & C and Poltrona Frau. . We look forward to welcoming you to the world of refined living. . Starting at 11 MB* . 𝐅𝐨𝐫 𝐈𝐧𝐪𝐮𝐢𝐫𝐢𝐞𝐬 Reserve your private tour : https://bit.ly/48CgPaJ CALL: 064-184-2372 or 1232 LINE Official: https://lin.ee/HX5NECy MAP: https://maps.app.goo.gl/uFkFC1VoT5mqwJUG8