วันที่เดินทางมาถึง Anantara Koh Yao Yai รู้สึกตื่นตาตื่นใจมากจริงๆ เดินทางมาด้วยสปีดโบ๊ทจากท่าเรือ Laem Sai Pier ใช้เวลาประมาณ 25 นาที มาถึงท่าเรือส่วนตัวของรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศเงียบสงบแบบเกาะที่ไม่มีการพัฒนามากเกินไป
นั่งรถจากท่าเรือต่อมาถึงล็อบบี้ มีการตกแต่งแบบไทยภาคใต้ร่วมสมัยสวยงาม มีการผสมผสานงานไม้และวัสดุธรรมชาติ พอมองออกไปข้างนอกก็เจอทิวทัศน์เขาหินปูนส่วนหนึ่งของหมู่เกาะอ่าวพังงารีสอร์ตตั้งอยู่ริมชายหาดสีทองความยาวกว่า 1 กิโลเมตร ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ กว้างขวาง และหรูหราขั้นสุด สวยงามแบบนี้ รู้เลยว่ามาถูกที่แล้ว
ห้องพักที่ได้เป็น Sea View Pool Penthouse ขนาด 366 ตารางเมตร บอกเลยว่าใหญ่และหรูหราเกินคาด ตั้งอยู่บนชั้นบนสุดของอาคารหลัก ตกแต่งด้วยงานไม้และวัสดุธรรมชาติแบบไทยร่วมสมัยที่ดูหรูหราแต่ไม่เก๋เกินไป เป็นห้องสองชั้นที่มีพื้นที่กว้างขวางมาก เตียงนอนใหญ่นุ่มสบายมาก มี pillow menu ให้เลือกหมอนตามใจชอบด้วย มี walk-in wardrobe ขนาดใหญ่จัดเก็บของได้เยอะ ห้องน้ำมีทั้งอ่างแช่ตัวและฝักบัวแบบ rain shower
ที่ชอบที่สุดคือดาดฟ้าชั้นบนที่มีสระ infinity pool ส่วนตัวพร้อมวิวพาโนรามาของเกาะและทะเลอันดามันที่สวยงามแบบ 360 องศา นั่งแช่น้ำมองวิวอ่าวพังงาและหมู่เกาะหินปูนไปเรื่อยๆ ได้เป็นชั่วโมงเลย พื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหารแยกต่างหาก มี pantry สำหรับเก็บอาหารและเครื่องดื่ม สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มี Wi-Fi ฟรีเร็วดี เครื่องปรับอากาศเย็นสบาย minibar และ butler service ประจำที่คอยดูแลและให้บริการอย่างใส่ใจตลอด 24 ชั่วโมง
อาหารที่รีสอร์ทนี้อร่อยเกินความคาดหมาย มีร้านอาหารและบาร์รวมกัน 7 แห่งให้เลือก
ร้าน Pakarang เป็นร้าน All Day Dining เสิร์ฟอาหารไทยแท้ๆ ที่ปรุงได้กลมกล่อมดี เราทานอาหารเช้ากันที่นี่ด้วย อาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ต์ไทยและนานาชาติที่ต้องชื่นชมมาก ไลน์อาหารเยอะมากจริงๆ มีแทบทุกชาติให้เลือก ทั้งผลไม้สดๆ หลากหลายชนิด ไข่ทำตามสั่ง ขนมปังสดใหม่ กาแฟหอมๆ อาหารท้องถิ่น อาหารตะวันตก และที่ชอบมากคือน้ำผลไม้คั้นสดๆ หลายรสชาติ ส่วนที่นั่งก็มีให้เลือกทั้งในห้องแอร์สบายๆ หรือจะนั่งด้านนอกรับลมเย็นๆ ชมวิวสวยๆ ตามใจชอบ
ริมชายหาดก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ นั่งกินอาหารทะเลสดๆ ชมวิวทะเลแบบนี้รู้สึกเหมือนอยู่สวรรค์เลย มีบีชบาร์เครื่องดื่มให้เลือกหลายหลาย นอกจากนี้ยังมี Pool Bar ริมสระว่ายน้ำให้นั่งจิบเครื่องดื่ม เล่นน้ำ ชมวิวอีกด้วย แต่ที่ประทับใจมากคือสเต๊กที่นี่เนื้อนุ่มหอมอร่อยมาก ปรุงได้ลงตัวสุดๆ แนะนำให้ลองเลย
อีกมื้อเราไปทานกันที่ร้าน Tomi เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบ omakase ที่มีเคาน์เตอร์แบบ 360 องศาให้นั่งชมฝีมือเชฟ เมนูเด่นๆ ได้แก่ Chawanmushi กับปูหิมะ หอยเซ่า และทรัฟเฟิล, ซูชิ Kinmedai และกุ้งหวาน Hokkaido, Bluefin Tuna Sashimi Platter ที่มีทั้ง Chutoro, Otoro และ Akami รวมถึง Yakisoba หน้ากุ้งมังกรภูเก็ตสดๆ ของคนพื้นเมือง ส่วนของหวานมี Japanese Cheesecake และ Matcha Creme Brulee ที่ทำเอง
สปาที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ต้องลอง มี wellness villa แยกเฉพาะสำหรับการออกกำลังกาย ทำสมาธิ และทรีทเมนต์ ภายในสปามี hydropool และ hammam ให้ผ่อนคลาย การนวดแบบไทยโบราณกับทรีทเมนต์ signature ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติในท้องถิ่น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นสุดๆ พนักงานมืออาชีพ บริการดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยเหลือดีทุกเรื่อง
กิจกรรมที่ทำได้เยอะมาก ไม่รู้สึกเบื่อเลย มีจักรยานให้ยืมฟรีเพื่อปั่นชมเกาะ หรือถ้าชอบความตื่นเต้นแบบเราก็มีขี่มอเตอร์ไซต์ไปเดินป่าและเที่ยวทะแลแหวกซึ่งวิวสวยมากแต่ร้อนจัดจริงๆ แนะนำให้ไปตอนเช้าตรู่หรือช่วงบ่ายค่ำ กิจกรรมทางน้ำก็มีให้เลือกเยอะ พายคายัค ดำน้ำตื้น หรือไปเที่ยวเกาะใกล้เคียงด้วยสปีดโบ๊ท สำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็ก มี kids’ club และ teens’ club ที่จัดกิจกรรมสนุกๆ รวมถึงสระว่ายน้ำสำหรับเด็กแยกต่างหาก ตอนเย็นนั่งดื่มค็อกเทลที่ pool bar หรือ beach bar ดูพระอาทิตย์ตกริมชายหาดส่วนตัวยาวกว่า 1 กิโลเมตร
ที่ประทับใจที่สุดคือความเป็นส่วนตัวและความเงียบสงบของเกาะเก่าใหญ่ ที่นี่ยังคงเป็นเกาะที่ไม่ได้รับการพัฒนามากนัก ธรรมชาติยังคงความสมบูรณ์ มีทั้งป่าไผ่ สวนยางพารา นาข้าว และชายหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด เหมาะสำหรับการดำน้ำตื้นชมปะการังที่อยู่ไม่ไกลจากฝั่ง
บรรยากาศโดยรวมเหมาะสำหรับการพักผ่อนสุดๆ ทั้งคู่รัก ครอบครัว หรือใครที่อยากหลีกหนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ถ้ามีโอกาสอยากกลับมาพักอีกแน่นอน เป็นรีสอร์ทที่ครบครันทุกอย่าง ทั้งความสะดวกสบาย ความสวยงาม และประสบการณ์ที่น่าจดจำ เหมาะสำหรับใครที่ชื่นชอบธรรมชาติและต้องการความเป็นส่วนตัวในบรรยากาศแบบไทยๆ แต่มีมาตรฐานระดับนานาชาติ



























































