ช่วงบ่ายในวันแดดครึ้ม เราขับรถเข้าไปในซอยสมคิด ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้น้อยใหญ่ให้ความเงียบสงบจนแทบไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือใครกลางกรุงเทพ มหานครแห่งความวุ่นวาย
ความโดดเด่นของที่นี่คือการตั้งอยู่ท่ามกลางสวนขนาดใหญ่ ที่อยู่คู่กับกรุงเทพฯ มานานกว่าร้อยปี ที่แห่งนี้เป็นมรดกตกทอดจาก พระยาภักดีนรเศรษฐ (เลิศ เศรษฐบุตร) ตำนานนักธุรกิจและนักพัฒนาเมืองของไทย
สถานที่อันเป็นตำนานและเป็นมรดกของตระกูลนายเลิศซึ่งมีชื่อเสียงและประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 2458
สัมผัสแรกที่เราเข้าไปถึงคือ การนำแรงบันดาลใจอย่างลึกซึ้งจากบริบททางวัฒนธรรมของสถานที่ คือบ้านและสวนนายเลิศ ออกแบบอาคารโดยคำนึงถึงการใช้พื้นที่ การอยู่กับแสงธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ของบ้านปาร์คนายเลิศ อายุกว่าร้อยปี ที่ถูกถ่ายทอดมาสู่โรงแรมด้วยเช่นกัน
ชั้นหนึ่งออกแบบได้เรียบหรู สมกับเป็นการเปิดประตูต้อนรับ เราชอบกำแพงพรรณไม้ สายน้ำ และแนวต้นไม้สูงซึ่งมาบรรจบกับหลังคารูปทรงคลื่นซ้อนที่ถูกแกะสลักขึ้นอย่างพิถีพิถัน โดยบริเวณโถงต้อนรับมีงานศิลป์ขนาดใหญ่ ประวัติศ่าสตร์ รอให้ติดตามอยู่ครับ
พอได้ก้าวเข้ามาใน Aman Nai Lert Bangkok เรารู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกที่สงบเงียบและร่มรื่นราวกับอยู่ในอาณาจักรส่วนตัวที่ตัดขาดจากความวุ่นวายภายนอกเลยล่ะครับ
ต้องยอมรับเลยว่างานออกแบบจาก Jean-Michel Gathy สถาปนิกชื่อดังระดับโลก ผู้ที่เข้าใจจิตวิญญาณของ Aman เป็นอย่างดี ได้ผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยเข้ากับความเรียบง่าย ไปจนถึงประวัติศาสตร์ของสถานที่ ซึ่งมีบ้านปาร์คนายเลิศ สร้างโดยพระยาภักดีนรเศรษฐเป็นตัวเอก
โทนสีหลักของโรงแรมเป็นสีธรรมชาติอย่างสีน้ำตาล, สีเบจ, สีเทาอ่อน และสีไม้ ตัดกับสีเขียวของต้นไม้ในสวน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายตา เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เน้นความหรูหราแบบไม่ต้องอวด (Quiet Luxury) คือดูเรียบง่ายแต่มีระดับ และวัสดุที่ใช้ก็เป็นไม้สัก, ผ้าไหม และเซรามิกที่ผลิตในไทย ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง
เราขึ้นมาชั้น 9 โดดเด่นด้วยประติมากรรมต้นไม้สูง 12 เมตร ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากต้นจามจุรีอายุร่วมศตวรรษของปาร์คนายเลิศ ทอดตัวผ่านโถงสูงสามชั้น ประดับด้วยใบไม้สีทองอร่าม 6,000 ใบ ที่ไล่จากเฉดทองสู่ดำ มีประติมากรรมลูกข่างจากเซรามิคกว่า 3,000 ชิ้นมองรมๆ จะเห็นหมายเลยหนึ่งไทยที่เคลื่อนไหวตลอดเวลาดูแปลกตาและสวยงามดี
เอกลักษณ์ที่แท้จริงของ Aman คือ การสร้างประสบการณ์อันเป็นส่วนตัวสุด ๆ ห้องพักทุกห้องถูกออกแบบให้เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัว พื้นที่กว้างขวาง การจัดวางที่ลงตัว และวิวที่มองเห็นสวนปาร์คนายเลิศจากระเบียงส่วนตัว ล้วนแล้วแต่สร้างความรู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง
ห้องพักใหญ่มากครับ มีทั้งหมด 52 ห้อง ทุกห้องล้วนเป็นห้องสวีทและมีงานศิลปะสอดแทรกในทุกมุมมอง ภายในห้องนอนมีเตียงคิงไซส์ขนาดใหญ่และเดย์เบดตัวเขื่องตั้งริมหน้าต่าง แยกจากห้องนั่งเล่นหลัก เส้นสายลายทางล้วนเรียบง่าย สีที่ใช้เน้นโทนธรรมชาติ สื่อถึงความอบอุ่น และสร้างสมดุล ซึ่งเป็นสไตล์ Aman มักเลือกใช้คือ หรูหรา แต่ไม่โฉ่งฉ่าง เป็นความหรูที่เข้ามาแล้วรู้สึกสงบและผ่อนคลาย
ภายในห้องมียังพื้นที่ทำงาน และห้องน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ฝักบัวเรนชาวเวอร์ และอ่างล้างหน้าคู่ แยกจากห้องนอนด้วยประตูบานเฟี้ยมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Aman
เราได้มีโอกาสรับประสบการณ์ที่ผ่อนคลายจาก Aman Spa & Wellness ด้วย รู้สึกถึงความสงบ บริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของอมัน สปามีขนาดใหญ๋ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,500 ตารางเมตร ฟิตเนสขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำที่เป็นส่วนตัว และซาลอนเสริมความงาม
อีกทั้งยังมี Arva ห้องอาหารอิตาเลียนซิกเนเจอร์ของ Aman ห้องอาหารญี่ปุ่นThe Pool บาร์ริมสระน้ำและสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ พร้อมทิวทัศน์อันรื่นรมย์
1872 Lounge Bar บาร์ที่ตั้งชื่อตามปีเกิดของนายเลิศ ทำหน้าที่เสิร์ฟน้ำชายามบ่ายและค็อกเทลยามค่ำคืน เราได้มีโอกาสนั่งจิบน้ำชายามบ่ายกับคอลเลคชั่นล่าสุดคือ Summer ที่เน้นควาทสดชื่อของผลไม้มาเป็นองค์ประกอบ ควบคู่ไปกับการใช้เทคนิคชั้นสูงสไตล์ฝรั้งเศสเข้ามา
ความพิเศษยังไม่หมดแค่นี้ ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางแห่งที่ 2 ที่มี Aman Members’ Club ต่อจาก Aman New York ซึ่งแน่นอนว่ามีเลานจ์ บาร์ และส่วนพิเศษ ที่จัดเตรียมไว้เพื่อต้อนรับ Aman Club เท่านั้น











































































