TCHAIKOVSKY NIGHT, Siam Kempinski Hotel

📸✨ชวนไปถ่ายรูปไฟต้นคริสมาสต์สวยมาก

จากนั้นไปทานไฟน์ไดนิ่งระดับมิชลินสตาร์⭐️

💃🏻ดูบัลเล่ต์สวอนเลคที่ Siam Kempinski Hotel Bangkok

🎄ต้นคริสมาสต์สูง 7 เมตร สวยมากกกกกก มีฉากหน้าเป็นน้ำพุซึ่งเป็น Signature ของ Lobby โรงแรม Siam Kempinski ถ่ายรูปออกมาแล้วยิ่งดูอลังการเข้าไปใหญ่ รอต้อนรับเรา เป็นสัญญาณว่าเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้วครับ

เป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกปีครับ ที่โรงแรมหรูชื่อดังจากทวีปยุโรปอย่าง Kempinski จะจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่เต็มรูปแบบ โดยเฉพาะปีนี้ที่ Siam Kempinski เปิดมาครบ 10 ปี Kempinski ยังคงนำเอาศิลปวัฒนธรรม ประเพณีอันประณีตในการให้บริการตามแบบฉบับยุโรป มาส่งต่อให้กับแขกผู้เข้าพัก โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เป็นคนไทยเป็นหลัก

พิธีเปิดไฟเป็นไปอย่างเรียบหรูตามสไตล์ครับ โดยให้ Lady in Red หรือสาวชุดแดงของ Kempinski มาอัญเชิญเทียนให้ GM กล่าวเปิดงานและเปิดไฟ จากนั้นมีการแสดงขับร้องประสานเสียงของเด็กๆ พร้อมกับซานต้า ร่างใหญ่ตัวกลม ผมเผ้าหนวดเคราสีขาว อันเป็นเอกลักษณ์ เป็นการบ่งบอกว่า เทศกาลแห่งความสุขได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

มีการแสดงบัลเล่ต์ “เดอะ นัตแครกเกอร์” ให้ดูกันก่อน ซึ่งจะจัดแสดงทุกเสาร์อาทิตย์ตลอดเดือนธันวาคมนี้ที่ Lobby และมีบัตเล่ต์สุดคลาสสิค อย่าง “SWAN LAKE” ซึ่ง จะมีให้ชมต่อที่ห้องอาหารมิชลินสตาร์ สระบัว บาย กิน กิน ทุกวันเสาร์ครับ เริ่มวันที่ 5 ธันวาคมนี้เป็นวันแรก กับ TCHAIKOVSKY NIGHT เป็นการทานไฟน์ไดนิ่ง ที่ตื่นตาตื่นใจดีมาก

ในส่วนของอาหารที่สระบัว ยังคงเป็นคอนเซปต์ Journey ซึ่งตอนนี้เป็นฤดูกาลของ Winter ครับ มีการปรับเมนูใหม่เข้ามา ส่วนเมนูเดิมก็เพิ่มการพรีเซนต์เทชั่นให้น่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้น ซึ่งจะเขียนเล่าอีกครั้งในแคปชั่นของรูปนะครับ อยากให้เข้าไปอ่านกัน

อ่อ‼️ ช่วงนี้ อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงแถมยังมีทั้งโควิดและ PM2.5 ขอให้รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ แล้วก็อย่าลืมรักษาตำแหน่ง TOPFAN #แฟนตัวยง เอาไว้ให้ดี เพราะบอกได้เลยช่วงสิ้นปีแบบนี้ กานต์มี #ของขวัญเซอร์ไพรส์ แน่นอนครับ🎉🎁🎊

กานต์มาร่วมงาน TCHAIKOVSKY NIGHT at Sra Bua by Kiin Kiin พร้อมกับงานประดับไฟต้นคริสมาสต์ สูงตระหง่านเต็ม Lobby ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Capital of Christmas in Bangkok) ครับ

แน่นอน ไอคอนของคริสมาสต์อย่างคุณลุงซานต้า ผู้แสนใจดีก็ต้องมาร่วมด้วยทุกปี แต่เนื่องจากปีนี้ติดโควิด ซานต้าเลยต้องอยู่ยาวที่เมืองไทย

ถ่ายภาพกับงานประดับไฟต้นคริสมาสต์ที่สูงถึง 7 เมตร บริเวณโถงหน้าต่างเพดานสูง หน้าน้ำพุ ซึ่งเป็น Signature Photo Spot ของสยามเคมปินสกี้

ทีม PR คุณดอลลี่และน้องปิ๊งกี้ ต้อนรับและดูแลคุณกานต์อย่างดีเช่นเคยครับ

กานต์ชอบรูปนี้จังครับ เป็นอีกมุมที่จัดได้สวยมากและเป็นสัญลักษณ์ของเคมปินสกี้ที่ต้องมีดอกไม้สดเท่านั้น มาประดับประดาทั่วโรงแรม การจับคู่สีแดงกับสีทองดูหรูหราเข้ากันมาก

Kempinski เป็นแบรนด์ที่หรูหราเก่าแก่ที่สุดในยุโรป
ทุกอย่างจะดู Extravaganza เว่อร์วังอลังการไปเสียหมด ในงานก็เต็มไปด้วยเซเลป ดารา คนดังในแวดวงสังคม มาร่วมงานเฉลิมฉลองกันอย่างคับคั่ง

ส่วนคุณกานต์ขอหลบอยู่ตามมุมต่างๆ คอยเก็บภาพสวยๆ มาฝากกันเช่นเคยครับ

เดินเข้ามาด้านในเจอคุณปอร์เช่ ซึ่งเป็นผู้ดูแลร้านอาหารสระบัว บาย กิน กิน เข้ามาทักทาย ชวนให้ดื่มเครื่องดื่มสูตรพิเศษชื่อ KIV จากทีมงานของสระบัวเป็นสีแดงสดใสด้วยเชอร์รี่ที่หอมหวานซาบซ่า เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการร่วมเฉลิมฉลองครับ

พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว Lady in Red ซึ่งเป็น Iconic ของโรงแรม กำลังจะเชิญเทียนเพื่อจุดเปิดงาน บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบหรู

GM กล่าวต้อนรับแขกที่เข้ามาร่วมงานและเปิดไฟต้นคริสมาสต์ของสยามเคมปินสกี้ อันเป็นสัญลักษณ์ว่า เทศกาลเฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่งความสุขและความมหัศจรรย์วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วที่สยามเคมปินสกี้

การแสดงมินิคอนเสิร์ตจากวงเยาวชนขับร้องประสานเสียง (Christmas Carols) ณ บริเวณล็อบบี้ อันหรูหราของโรงแรม สามารถมาชมได้ในคืนคริสมาสต์อีฟ 24 ธันวาคมครับ

กิจกรรมมีเยอะมาก อย่างห้องอาหาร “ดิ แอดดิชัน่” (The Addition) มีบุฟเฟ่ต์นานาชาติพร้อมกิจกรรมท่ีสนุกสนานสำหรับเด็กๆ และจะมีเซอร์ไพรส์พิเศษจากซานตาคลอสด้วยครับ

ส่วนบัลเล่ต์ “เดอะ นัตแครกเกอร์” (The Nutcracker) ผลงานของ มร.ปิออตร์ อิลิช ไชคอฟสกี คีตกวีผู้โด่งดัง ผู้ประพันธ์ จะจัดแสดงให้ชมในช่วงเวลาบุฟเฟ่ต์เฟสทีฟ อาฟเตอร์นูนที ล็อบบี้ของโรงแรมทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ของเดือนธันวาคมครับ

ได้เวลาไปทานอาหารค่ำที่ สระบัว บาย กิน กิน ครับ เป็นห้องอาหารที่สวยมาก หรูหราสมชื่อชั้นรางวัลมิชลินสตาร์

คืนนี้ผมมาทานในคอนเซปต์ Journey Set เช่นเคย แต่จะเป็นการนำเสนอเมนูใน Winter แทน ซึ่งจะแปลกไปจากครั้งก่อนหน้านี้ที่เป็น Set The Iconic of Journey

เริ่มต้นด้วยอาหารเปิดรสในปากเพื่อเรียกน้ำย่อย หรือว่า Amuse-bouche ตามด้วย กรุบ กรอบ แสนอร่อย ไม่ว่าจะเป็น

อันดามัน เป็นใบไม้ทะเลสามชนิด มีใบออยสเตอร์ ซอลปี้ฟิงเกอร์ และซีแอสพารากัส ด้านในเป็นหอยเชลล์ที่ท๊อปซีวีดทำจากน้ำยำ เป็นเม็ดเล็กๆ คล้ายไข่ปลา ส่วนด้านบนสุดเป็นเพิร์ลหรือว่าไข่มุกที่ทำจากกะทิครับ สวยมาก

ขนมเมอแรงค์ซีอิ๊ว ออนท๊อปด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์รสหวาน ทานคู่กับซอสวาซาบิโยเกิร์ต อร่อยมาก ส่วนในถุง จะเป็นข้าวรสต้มข่าไก่ เป็นเหมือนอาหารนักบินอวกาศ ที่เรียกว่า Astronaut Bag สามารถทานได้ทั้งถุงเลยครับ

ซ้ายล่างเป็น “ไก่สะเต๊ะ” จากปกติจะมาเป็นไม้เสียบทานคู่กับอาจาด แต่เชฟทวิสปรับให้ตัวซอสอาจาดเป็นแบบไอศกรีมท๊อปด้านบน ด้านล่างเป็นเท๊กเจอร์เหมือนหนังไก่บางกรอบ

ส่วนจานขวาล่างเป็นขวัญใจฝรั่งที่มาเที่ยวเมืองไทยครับ กับสแน็คที่จัดเสิร์ฟมาในครอบแก้วใส ที่สโมคกลิ่นหอมอ่อนๆ เอาไว้ ซึ่งเชฟได้แรงบันดาลใจมาจากตอนนั่งตุ๊กๆ แล้วได้กลิ่นควันท่อไอเสีย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของไทยกลายมาเป็นไส้อั่วนั่นเองครับ

ต่อมาเป็นใบโอบะทำมาในรูปแบบของเทมปุระ โรยด้วยผงสาหร่าย ด้านบนเป็นมิโซะมายองเนส

จานต่อมา เป็นใบมะกรูดอบแห้งที่เป็นฐานของใบไม้สีเหลืองคล้ายแป้งคุ๊กกี้ที่โรยด้วยผงมะกรูด ทานคู่กับซาวครีม

ไอศครีมแกงเขียวหวาน ตัวโคนทำจากเกี๊ยว ใส่ไส้เนื้อปู อร่อยมาก

“เมี่ยงคำ” ที่เชฟผู้ช่วย มาปรุงให้ทานกันสดๆ ครับ เครื่องเมี่ยงคำเยอะมาก

แต่ที่เด็ดสุดคือต้องยกให้น้ำเมี่ยงคำครับ รสชาติเป็นเอกลักษณ์แต่กลมกล่อมมาก ชอบจานนี้ที่สุด

ระหว่างรับประทานจะมีการแสดงบัลเล่ต์ “สวอนเลค” (Swan Lake) ผลงานของ มร.ปิออตร์ อิลิช ไชคอฟสกี คีตกวีผู้โด่งดัง ผู้ประพันธ์สวอนเลค ให้ชมกันด้วยครับ

สวอนเลคจะแสดงทุกวันเสาร์ของเดือนธันวาคม คือวันที่ 5, 12, 19, 26 ธันวาคม ครับ

ถ่ายภาพกับนักแสดงเป็นที่ระลึกสักหน่อยครับ

ต่อมาเริ่มเข้าสู่จานหลัก ซึ่งผมเคยทานแล้ว อยากตั้งชื่อเมนูนี้ว่า กุ๊งงงงงกุ้ง คือทุกอย่างทำจากกุ้งเป็นส่วนผสมหลัก

เครื่องต้มยำกุ้งจะอยู่ในหลอดไซฟ่อน ใช้ความร้อน กลั่นน้ำซุปที่ผสมเครื่องเทศเอาไว้ ให้ค่อยๆ ร้อน รสชาติคือหอมและได้รสเครื่องต้มยำแบบสดๆ

จากนั้น บริกรจะนำต้มยำมาเทใส่ในชามของเรา ให้เรานำหลอดฉีดยา ซึ่งด้านในเป็นเต้าหู้ขาว มาฉีดใส่ลงไปในชาม จะหน้าตาคล้ายมาม่าต้มยำกุ้ง ไอเดีย เก๋ดีครับ

ในถ้วยเป็นลอปสเตอร์ผัดกระเทียม ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด และพริกแกงแดง ทำมาในรูปแบบของโฟม อร่อยนุ่มลื่นคอดีครับ

จากนั้น มีข้าวเกรียบกุ้ง หน้าซาชิมิ มีไทยทาโก้หน้ากุ้งและขนมปังกุ้งหอมน้ำมันงามาก 

ทานเมนคอร์สได้สักพัก จะเริ่มเข้าสู่การแสดงอีกชุด เป็นการนำเสนอนาฏศิลป์ไทยที่อ่อนช้อยงดงาม ร่ายรำพร้อมกับดอกบัวโปรยปราย

เมื่อเสร็จแล้วนักแสดงจะเดินไปตามโต๊ะต่างๆ เพื่อให้แขกได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกครับ

จานต่อมาเป็นยำปลา เชฟใช้ปลาแมคเคอร์เรลนอร์เวย์มาย่าง ราดด้วยน้ำยาที่ตำกันสดๆ ราดลงบนผักเคียงที่มีผักชีและต้นอ่อนทานตะวัน

ส่วนไฮไลท์คือมะเขือเทศ 4 ชนิดที่เชฟได้ไอเดียมาจากการถนอมอาหารของชาวเดนมาร์กในช่วงฤดูหนาว เพื่อให้เข้ากับคอนเซปต์อาหารนั่นเอง

ทานคู่กับขนมดอกจอก

ผัดไทหอยเชลล์ที่ไม่มีเส้น ทำจากซอสผัดไทสูตรพิเศษของเชฟ ราดลงบนแครอทที่ไปอบเกลือกับโดว์ รสชาติออกเค็มเล็กน้อย เมื่อทานคู่กับซอสผัดไทเปรี้ยวๆ หวานๆ จากน้ำส้ม น้ำแครอท น้ำมะขาม ผัดกับกุ้งแห้งรสชาติเข้ากันดี อร่อยดีมาก ส่วนหอยเชลล์นำเข้าจากฮอกไกโด เอามาจี่ให้พอสุก จะได้ความนุ่มของเนื้อหอยเชลล์ ราดด้วยแครอทพิวเรและผงแครอทครับ

ทานทั้งหมดให้เข้ากันภายในหนึ่งคำจะได้ครบทุกรส

จานต่อมาเป็นไข่แดงล้วนเอาไปตุ๋น เข้าคู่กับแชมปิญอง ดอกกะหล่ำบดราดซอส ท๊อปด้วยใบผักชีและเซอรารี่ออยล์ สไตล์ด้วยทรัฟเฟิล

ข้าวเนื้อตุ๋นอร่อยมาก เชฟเอาเนื้อออสเตรเลี่ยนวากิวไปซูวีด้วยอุณหภูมิ 62 องศา เป็นเวลา 48 ชั่วโมง แต่ไม่ได้ทานคู่กับซอสหอยนางรมเหมือนครั้งก่อน แต่จะเป็นซอสหวาน ท๊อปด้วยผักบ๊อกชอย กระเทียมกรอบ ขิงซอยและส้ม เอามาตัดเลี่ยนของซอส การทานคู่กับข้าวอบเนื้อโรยด้วยเนื้ออบกรอบ

ของหวานจานแรกเป็นเค้กลิ้นจี่โฟมกุหลาบ ก่อนทานต้องมีกิมมิคคือการเปิดฝาซึ่งด้านบนจะมีกุหลาบจากโครงการหลวงและเมอร์แรงวางไว้ หอมมาก จากนั้น ให้ใช้ช้อนเคาะให้แตกในทีเดียว

ไฮไลท์ของหวานอีกอย่างคือขนม “ลา-บัลเล่ต์” ใช้คุ๊กกี้รูปคน ใส่กระโปรงฟูฟ่องมองคล้ายชุดบัลเล่ต์แต่เป็นขนมลา

ส่วนจานต่อมาเป็นคอร์น คอนเซปต์ มีทั้งข้าวโพดย่าง ไอศกรีมข้าวโพด ป๊อบคอร์น เวลาทานให้ราดซอสลงบนขนมสายไหมจนละลาย อร่อยมาก

ส่วนด้านล่างเป็นโฟสเพรสตี้ มีช็อคโกแลต 3 แบบให้ทานปิดท้ายมื้ออาหาร

นอกจากนั้น ยังมีชุดของขวัญปีใหม่ เพื่อมอบกับคนที่เรารักจำหน่ายด้วยครับ เชฟคาร์โล วาเลนเซียโน เล่าว่า เขาบรรจงคิดค้นขนมหวานและของว่างแบบโฮมเมด เพื่อทำเป็นของขวัญมอบในเทศกาลปีใหม่ และมีตะกร้าของขวัญจัดเซ็ตไว้ให้พร้อมเลย

ใครสนใจทั้งห้องพัก อาหารและของขวัญ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ โทร 02-162-9000 หรือ kempinski.com/bangkok

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน