Siam Kempinski Hotel Bangkok

#โปรนี้ยิ่งกว่าคำว่านอนฟรี‼️

ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้✨

รีวิวนี้กานต์จะมาแชร์ทริคให้

_

ทริปนี้พักผ่อนในกรุงเทพฯ ตามคอนเซปต์ Staycation ใกล้บ้านเช่นเคยครับ กับกานต์มาพักที่ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ Siam Kempinski Hotel Bangkok เชนโรงแรมหรูเก่าแก่จากเยอรมัน อายุ 125 ปี ที่ยังคงความคลาสิคของสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรเปี้ยน ซึ่งที่ Siam Kempinski มีคอนเซปต์ว่าเป็น “The 5 Star City Resort – Like Hotel” ซึ่งเราคงไม่ต้องเล่ากันมากกว่าโรงแรมนี้มีความดีงามพิเศษอย่างไร เพราะมาบ่อยมาก แต่ที่อยากบอกก็คือว่าเป็นโรงแรมที่กานต์ชอบมานอนพักผ่อนกายใจ ในเวลาที่ไม่อยากออกไปเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆ

ทริปนี้มีความพิเศษกว่า เพราะว่ากานต์จองผ่านบัตรเครดิต ttb reserve ซึ่งต้องยอมรับว่า ตอนนี้ ttb กลายเป็นบัตรเครดิตใบโปรดในดวงใจกานต์ไปเสียแล้วครับ ก็เล่นทำโปรโมชั่นร่วมกับโรงแรมดังๆ มากมาย ได้สิทธิพิเศษเยอะมาก ผมคนหนึ่งล่ะที่อดใจไม่ไหว

อย่างที่ Siam Kempinski ก็มีความดีงามซ่อนอยู่กับ Dine & Unwind Package จ่ายในราคา 6,555 บาท เราจะได้รับสิทธิพิเศษมูลค่ากว่า 26,599 บาท มันเกินเบอร์คำว่านอนฟรีไปมากครับ

กานต์ได้พักห้อง Deluxe Room Balcony 1 คืนพร้อมอาหารเช้าสำหรับ 2 คน แล้วยังได้ทำสปาจะเลือกเป็นนวดน้ำมันหรือนวดไทยก็ได้ 60 นาที สำหรับ 2 คนเช่นกัน เท่านั้นไม่พอ ยังได้ Hotel Credit กลับมาอีก 2,000 บาท

ไม่คุ้มตรงไหน ให้เอาปากกามาวง‼️

ทริคของผมก็คือ เอาเครดิตโรงแรม 2,000 บาท ไปทาน Afternoon Tea ซึ่งตอนนี้เป็นคอนเซปค์ 12 ปี Lady in Red น่ารักมาก ยอมใจในการครีเอทขนมหวานเป็นรูปรองเท้าสีแดงจริงๆ ถ้าอยากได้ตุ๊กตาน้องหมีก็จ่ายเพิ่มไปอีกนิดหน่อย รายการใช้จ่ายส่วนนี้ชาร์จเข้าห้องไปได้เลย เท่ากับจิบชากินขนมฟรี

ส่วนมื้อค่ำผมแนะนำให้ไปทานที่ Sra Bua by Kiin Kiin Fine Dining ห้องอาหารที่ได้มิชลิน 1 ดาวมาหลายปีติดต่อกัน ช่วงนี้เป็น Winter Journey มีเมนูใหม่ๆ มาให้ลองชิมกันเยอะเลยครับ ผมสั่งมา tea pairing มาจับคู่ด้วย ทานแล้วเข้ากันได้ดีมาก จากนั้น อย่าลืมจ่ายด้วยบัตรเครดิต ttb reserve นะครับ จะได้รับส่วนลด 15% (มื้อกลางวันและมื้อค่ำได้ลดเท่ากันหมด)

แต่ถ้าเป็นมื้อกลางวันผมไปทานที่ ห้องอาหาร ALATi ช่วงนี้เป็นเทศกาลอาหารสเปนไอบีเรียนแฮมคือดีย์มาก สั่งเมนูอาลาคาร์ทแล้วจ่ายด้วยบัตร ttb reserve เราจะได้รับส่วนลด 20%

เป็นไงล่ะบัตรเครดิต ttb reserve ถามกันอีกสักครั้งว่า ไม่คุ้มตรงไหน เอาปากกามาวงอีกสักรอบซิ‼️

ใครสนใจโปรนี้ให้โทรจองตรงกับโรงแรมได้เลยที่เบอร์ 02-162-9000 หรือจองผ่าน ttb reserve line 02-010-1428 ก่อนวันที่ 31 มีนาคมนี้นะครับ

ผมเล่ารายละเอียดของ Dine & Unwind Package ที่ Siam Kempinski Hotel Bangkok เอาไว้ในแต่ละแคปชั่น พร้อมกับเก็บภาพสวยๆ มาฝากกันเช่นเคยครับ

ดูบรรยากาศสิครับ ต้นไม้สีเขียวร่มรื่นน้อยใหญ่สบายตาสบายใจขนาดนี้ ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครทายถูกแน่เลยใช่ไหมครับว่านี่คือ #สยาม ใจกลางกรุงเทพฯ

เอกลักษณ์ของ Kempinski คือความหรูหรา ตั้งแต่การออกแบบ ดีไซน์ โรงแรมที่ตั้งอยู่ในแต่ละประเทศจะถูกออกแบบและตกแต่งด้วยมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมอันโดดเด่นของประเทศนั้นที่ตั้งอยู่ เพรียบพร้อมไปด้วยการบริการที่เหนือระดับ มีไมตรีจิตในการต้อนรับด้วยความหรูหราในแบบที่ไม่เหมือนใคร บริการที่แตกต่างได้อย่างน่าประทับใจ อย่างของ Siam Kempinski ก็จะมีจิตวิญญาณในการให้บริการแบบไทย

คุณปุ้ย Lady in Red มาคอยต้อนรับและดูแล จัดการเรื่องเช็คอินอะไรให้เรียบร้อย โดยไม่ต้อง Remind อีกครั้งว่าจองเป็น Dine & Unwind Package เพราะเห็นหยิบบัตรเครดิต ttb reserve ออกมาก็รู้ได้ทันทีว่าทริปนี้ของผมคือพิเศษมาก

ผมแจ้งช่วงเวลาที่ต้องการทำสปาที่ได้รับเป็น Benefits จากบัตรเครดิต ttb reserve โดยเลือกเป็นช่วงสายของวันพรุ่งนี้ก่อนที่จะเช็คเอ้าท์

ส่วนเย็นนี้ ฝากคุณปุ้ยไปจองโต๊ะที่ห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin ให้ เพราะตั้งใจจะมาลองทาน เมนู Winter Journey สักหน่อย ทุกอย่างก็ถูกจัดการได้เรียบร้อยดีมากครับ

โถง Lobby ดูกว้างขวางโอ่อ่า มีขนาดใหญ่ ความสูงราวตึก 3 ชั้น ตรงกลางเป็นน้ำพุจากแท่นทองเหลือง Lobby จัดวางที่นั่งได้อย่างเป็นส่วนตัว ตกแต่งคุมโทนสีทอง สีเบจคลิปดำ ทำให้ดูมีเสน่ห์น่าค้นหา

ภายในโรงแรมจะประดับประดาด้วยงานศิลปะของไทยกว่า 2 พันชิ้น และมีงานระดับมาสเตอร์พีซที่ศิลปินชั้นครูของไทยรังสรรค์ขึ้นมาใหม่เพื่อมอบให้กับทางโรงแรมโดยเฉพาะ

ผมชอบโคมไฟที่ออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากฟ้อนเล็บของทางภาคเหนือ เป็นงาน Culture Art ที่สะท้อนภาพความเป็นไทยได้อย่างทรงพลังจริงๆ ครับ

กานต์ชอบมากเวลาที่เดินเข้ามาในโรงแรม Siam Kempinski แล้วจะเห็นว่ามีความพิเศษที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา นั่นคือหมู่มวลดอกไม้สดที่ประดับประดาตกแต่งไว้ทั่วโรงแรม

โดยเฉพาะที่โถง Lobby ซึ่งจะมีความอลังการมากครับ ดอกไม้จะเปลี่ยนสีสันและพรรณไม้ไปในทุกสัปดาห์ เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้เข้ามาพักมาก

ดีไซน์ของอาคารดูมีความคลาสสิค เรียบหรูเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของโรงแรม เน้นความ Extravaganza ทุกอย่างดูหรูหราเว่อร์วังอลังการไปเสียหมด

เช็คอินเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาเข้าห้องพักครับ ซึ่งผมของ Dine & Unwind Package จากบัตรเครดิต ttb reserve จะได้พักห้อง Deluxe Room Balcony ซึ่งหาได้ยากมากกับโรงแรมใจกลางกรุงที่มีระเบียงห้องส่วนตัว สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน

ผมได้ห้องฝั่ง Royal Wing ซึ่งเพิ่งรีโนเวทห้องใหม่หมด มองวิวจากห้องพักลงมาเห็นสระน้ำและต้นไม้น้อยใหญ่

ห้องนอนกว้างมากครับ นี่ขนาดว่าเป็น Room Type ระดับต้นๆ นะ ผมว่าโอเคเลย อยู่สบายไม่อึดอัด แถมยังแบ่งพื้นที่การใช้สอยภายในห้องได้เป็นสัดส่วนดีมาก

ด้านหน้าประตูจะเป็นห้องน้ำตรงกันข้ามกับตู้เสื้อผ้า ถัดมาจะเป็นชั้นวางทีวีที่มีตู้คาบิเนทจัดวางมินิบาร์มาให้ ข้อดีก็คือ ทานได้ทุกอย่าง มีสแนคให้ด้วยครับ ส่วนกาแฟเป็น Nespresso ไฮโซเข้าไปอี๊กกกกก

ฝั่งตรงข้ามเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่ ผมชอบหัวเตียงของโรงแรม Siam Kempinski เป็นพิเศษเพราะแต่ละห้องจะประดับด้วยภาพที่ไม่เหมือนกัน แต่เป็นภาพดอกบัวเหมือนกันตามที่ตั้งซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของพระราชวังสระปทุม

อย่างภาพในห้องที่ผมพักก็เป็นบัวปริ่มน้ำที่สวยมากครับ ส่วนหัวเตียงยังประดับโคมไฟสไตล์โมเดิร์นเอาไว้ให้ห้องดูอบอุ่นดีอีกด้วย

ผมชอบตอนเทิร์นดาวน์ห้องเป็นพิเศษ เพราะแม่บ้านจะวางปลาตะเพียนสานเอาไว้ที่หัวนอน เป็นการกล่อมให้เรานอนหลับฝันดีซึ่งเป็นวิถีที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล

ส่วนอีกมุมหนึ่งของห้องเป็นเก้าอี้หวายขนาดนั่งได้ 2 คน พร้อม Welcome Card เขียนด้วยลายมือและ Gift Set เป็นตะกร้าผลไม้ที่จัดมาให้พร้อมขนมแต่ที่ต้องชมคือพนักงานจัดเตรียมน้ำแข็งมาให้ด้วย เพราะคงจำได้ว่าผมชอบทานกาแฟเย็นจึงต้องมีถังน้ำแข็งเติมให้เป็นพิเศษ

มุมในสุดของห้องเป็นโต๊ะทำงานเป็นโต๊ะขาหวายท๊อปด้วยกระจกใสบานใหญ่ ทำให้ห้องดูโมเดิร์นขึ้น ประดับด้วยโคมไฟตั้งโต๊ะตรงโค้งครึ่งวงกลมเก๋ๆ และไม่ลืมที่จะมีแจกันดอกไม้สดจัดวางเอาไว้ให้บนโต๊ะ ผมสังเกตว่าผมจะได้เป็นดอกกุหลาบสีเหลืองทุกครั้งที่เข้าพัก ไม่รู้ทำไม

ส่วนด้านหลังประตูกระจกเป็นระเบียงที่จัดวางเก้าอี้นั่ง 2 ตัวพร้อมโต๊ะกลางเอาไว้ให้ เราสามารถนั่งชมวิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำได้จากบนห้อง หากมองเลยออกไปจะเห็นตึกสูงน้อยใหญ่เป็นภาพอยู่เบื้องหลัง ทำให้เราสังเกตเห็นความแตกต่างของภายในกับภายนอก เพราะเอาเข้าจริงๆ ตอนที่พักผ่อนอยู่ในโรงแรม เราแทบจะไม่ได้ยินเสียงรบกวนใดๆ จากภายนอกที่บ่งบอกถึงความวุ่นวายในเมืองหลวงเลย

ห้องน้ำตกแต่งด้วยหินอ่อน ชุดคลุมจะแขวนเอาไว้พร้อมใช้งาน ผมชอบการจัดวางแสงที่ดูละมุนมาก ภายในจัดวาง Amenities ไว้ครบครัน และเป็นห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำในตัวครับ

ช่วงบ่าย ผมแพลนไว้ว่าจะไปทาน Afternoon Tea ที่หนุมานบาร์ เพราะว่าช่วงนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม จะเป็นคอนเซ็ปต์ของ Lady in Red ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 12 ปีของสุภาพสตรีชุดแดงซึ่งเป็นแอมบาสเดอร์ของ Siam Kempinski และโรงแรมในเครือ Kempinski ทั่วโลกครับ

ผมยอมใจในความเป็นนักสร้างสรรค์ของเชฟ Franck Istel จริงๆ เลยครับ เพราะคราวนี้มาพร้อมกับรองเท้าสีแดง (สัญลักษณ์ของ Lady in Red ซึ่งปกติจะได้รับเป็นรองเท้าของแบรนด์ Ferragamo) แต่เชฟทำรองเท้าจากช็อกโกแลต เก๋มาก ส่วนด้านข้างเป็นมาการองลิ้นจี่และราสป์เบอร์รี่

ผมสั่งชา Ronnefeldt มาทานกับขนมและของว่างซึ่งมีหลายตัวที่น่าสนใจครับ เช่น คุกก้ีพิสตาชิโอกับสตรอเบอร์รีแชนทิลลี ฟัวกราส์ตับห่านและมะเดื่อสีม่วง ขนมปังรสมะเขือเทศเสิร์ฟกับบูราตา้ ครีมชีส ทาร์ตกุ้งค็อกเทล และที่ต้องลองก็คือสโคนครับ ทั้งวานิลลา ราสป์เบอร์รีและบลูเบอร์รี ที่เสิร์ฟมาพร้อมแยมสตรอเบอร์รีโฮมเมด ออเรนจ์เคิร์ด คลอตเต็ดครีมเดวอนเชียร์ หอมมากจริงๆ

ค่าใช้จ่ายของ Afternoon Tea ผมใช้ Hotel Credit จ่ายโดยให้พนักงานชาร์จเข้าห้องไปเลยครับสะดวกดี มีส่วนต่างเกินมาเล็กน้อย แต่ถ้าใครอยากได้ตุ๊กตาหมี Lady in Red ด้วยก็จะต้องจ่ายเพิ่มมาอีกสักหน่อย แต่น่ารักมากครับเป็น Limited Edition

บ่ายแก่ๆ ช่วงแดดร่มลมตก หลังเสร็จจาก Afternoon Tea ผมแวะไปนั่งเล่นที่ Rotunda ซึ่งเป็น Pool Bar ของที่นี่ ตั้งใจว่าจะมาเล่นน้ำสักหน่อย ถ้ามาพักผ่อนวันธรรมดาจะไม่ค่อยมีแขกมาเล่นน้ำสักเท่าไรนัก

ผมสั่งเครื่องดื่มสีแดงสดใสชื่อ Rotunda Sunrise รวมน้ำผลไม้รสเปรี้ยว 4 ชนิด จิบแล้วก็สดชื่นซาบซ่าดีครับ

ท่ามกลางบรรยากาศของสระน้ำ ปาล์มและต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่ ด้วยความที่อาคารห้องพักของ Siam Kempinski ทั้ง Low Rise และ High Rise ถูกดีไซน์ให้โอบล้อมสวนและสระน้ำตรงกลางเอาไว้ ทำให้เราไม่ได้ยินเสียงรถรารือว่าเสียงรบกวนใดๆ จากภายนอกเลยครับ เงียบมากเหมือนพักผ่อนอยู่ที่รีสอร์ตกลางป่าหรือว่าริมทะเลมากกว่า

มีที่นั่งให้เลือกหลากหลายทั้งเก้าอี้ชายหาด คาบาน่า หรือว่าแต่ถ้าใครชอบความเงียบสงบเหนือไปอีกขั้น ผมแนะนำให้เลือกโซนที่ผมนั่งตรงนี้จะเป็น Quiet Zone ครับ

นั่งเล่นสักพักก็เปลี่ยนเสื้อผ้าลงแช่น้ำ นอนในบีนแบ็กปล่อยตัวปล่อยใจให้ลองไปเรื่อยตามแนวสระ ผมว่ามันรู้สึกผ่อนคลายดีนะ อยากให้ได้มาลองกัน

นอนเล่นไม่นานก็ได้เวลาขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะว่าผมจองดินเนอร์ที่ห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin เอาไว้ตอน 6 โมงเย็นครับ

มุมนี้เป็น Photo Shot ที่อลังการมากครับ สะท้อนความหรูหรามีระดับ สื่อสารความเป็น Siam Kempinski ให้กับสากลได้รับทราบ เราจะเดินผ่านโถงนี่เพื่อไปที่ ห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin

ห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin เป็น Fine Dining เจ้าของรางวัลดาวมิชลิน 1 ดวง 5 ปีซ้อน ผมมาทานที่นี่บ่อยที่สุดแล้วครับ

ส่วนตัวผมชอบบรรยากาศที่ดูหรูหรา Elegant กับอาหารไทยที่เสิร์ฟในสไตล์โมเดิร์น ต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์

Winter Journey มาพร้อมกับเซ็ทเมนูใหม่ แต่เมนูเดิมที่เป็น Signature ก็ยังคงนำกลับมาเสิร์ฟให้ทานกันอยู่เช่น เมนูกรุบกรอบสตรีทฟู๊ดเช่นไส้กรอกตุ๊กตุ๊ก และแน่นอนว่าต้มยำกุ้งที่ปรุงในเครื่องไซฟ่อนก็ยังคงได้ทานอยู่ครับ

ซีซั่นนี้ห้องอาหารได้เพิ่มกิมมิคในการรับประทานเข้ามา โดยให้เลือกว่าจะจับคู่กับน้ำผลไม้หรือชาเข้ามาด้วยก็ได้ ส่วน Wine Pairing ก็ยังคงมีอยู่ครับ

ส่วนคอร์สเมนูทั้ง 8 ต่างนำเสนอได้อย่างน่าสนใจครับ ที่ผมชอบที่สุดเห็นจะเป็นเมนูแกงเหลืองเนื้อปูสูตรดั้งเดิมจากระนองของเชฟเบิ้ม-ชยวีร์ สุจริตจันทร์ มันเข้มข้นหอมมันเผ็ดกลมกล่อมกำลังดี ซึ่งจะแตกต่างจากของเชฟเฮนริคที่เสิร์ฟแกงแดงล็อปสเตอร์ คงจะจำกันได้ แต่ทั้ง 2 เมนูผมว่าอร่อยตีคู่กันมาเลยครับ

ของหวานมีเครปสูตรพิเศษเป็นไฮไลท์ ก่อนปิดท้ายด้วย ของหวาน Petit four สุดน่ารัก ยังไม่อยากเล่ามาก เดี๋ยวแยกเขียนรีวิวให้แบบละเอียดๆ อีกที

อ่อ!! อย่าลืมชำระด้วยบัตรเครดิต ttb reserve นะครับ จะได้รับส่วนลด 15% (ห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin มื้อกลางวันและมื้อค่ำได้ลด 15% เท่ากัน)

ตื่นแต่เช้า ใจกลางกรุงเทพฯ แต่บรรยากาศเหมือนพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ตหรูที่มีแต่ความเงียบสงบ มองออกไปเห็นต้นไม้สีเขียวกำลังดื่มด่ำกับแสงแดดแรกของวัน

ใครที่จอง Dine & Unwind Package โดยชำระผ่านบัตรเครดิต ttb reserve แบบผมจะได้อาหารเช้าสำหรับ 2 ท่านด้วยครับ ประหยัดไปได้หลายพันเลย

อาหารเช้าช่วงนี้จะเปลี่ยนไปทานที่ The Addition ครับ ซึ่งมีให้เลือกว่าจะนั่งด้านในหรือข้างนอกในสวนฝั่ง Rotunda ก็ได้

ทั้งนี้ผมว่าอาหารเช้าของโรงแรม Siam Kempinski ถือเป็นหนึ่งในห้องอาหารเช้าที่ดีที่สุดในโรงแรมประเทศไทย ดูจากไลน์อาหารที่อลังการ มีให้เลือกหลากหลาย ทั้ง ยุโรป เอเชี่ยน มีเมนูสไตล์ไทยทานเช้าๆ ง่ายๆ แต่อร่อยมาก เช่น โจ๊กหมู ปาท่องโก๋สังขยาทอดกันสดๆ รอหน้าเตาเลยครับ มีมุม Cold Cut Bread Cheese เมนูไข่ สเตชั่นอาหารร้อนที่ปรุงและเสิร์ฟกันแบบครัวเปิดให้เห็นความสะอาด เคล็ดลับความอร่อยและกรรมวิธีการปรุงของเชฟกันซะเลยครับ

เครื่องดื่มที่เป็น Signature อย่าง Sparkling Wine ของ Siam Kempinski ที่เสิร์ฟไม่อั้นในตอนเช้า ผมเห็นพนักงานกำลังนำเสนอสูตรใหม่อย่างเช่น Mango Chilli อร่อยใช้ได้เลยนะครับ

ทีมงานห้องอาหารน่ารักมาก จัดเสิร์ฟผลไม้สดตัดแต่งมาจานเรือไม้ ผมสั่งอาหารมาลองทานหลายอย่างเลยครับ ชอบผัดไท กับโจ๊กมากที่สุด ส่วนครัวซองก์ไม่ต้องพูดถึง ผมยกให้เป็นที่หนึ่งในกรุงเทพตอนนี้ครับ

เป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่อิ่มอร่อย แฮปปี้มีความสุขมากๆ ครับ เหมือนได้ชาร์จแบตเตอร์รี่ชีวิตเพิ่มก่อนจะลุยงานหนักในวันต่อไป

ช่วงสายเรามีนัดทำสปากันที่ Kempinski The Spa ซึ่งเป็น Benefits ที่เราได้รับจากการจองผ่านบัตรเครดิต ttb reserve ครับ จะได้เป็นสปาสำหรับ 2 ท่าน เลือกเป็นนวดน้ำมันหรือนวดไทยก็ได้ ซึ่งถือว่าคุ้มมากครับเพราะปกตินวดไทย 60 นาทีต่อคนก็เกือบ 4,000 บาทแล้วนะ นี่ได้ 2 คน แถมฟรีอีกต่างหาก

ไม่คุ้มตรงไหน พูด!!

ครั้งนี้ผมเลือกเป็นนวดน้ำมัน ซึ่งเทคนิคในการนวดของ Therapist ไม่ต้องพูดถึง น้ำหนักมือคือดีมาก อยากเน้นตรงไหนให้บอกเดี๋ยวน้องจัดให้ ผมเน้นคอบ่าไหล่เป็นพิเศษ เพราะช่วงนี้แบกกระเป๋ากล้องตะลอนไปทำงานทั่วประเทศ หนักและเหนื่อยมากจริงๆ

ผมชอบเตียงนวดของที่นี่มาก เพราะปรับอุณหภูมิได้ นอนสบายดี มีเพลงสบายๆ ให้ฟังจากลำโพง Bose ซึ่งก่อนหน้าที่จะนวดผมแจ้ง Spa Manager ว่าจะขอลงแช่อ่างด้วย ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ชำระแยกไปต่างหากจาก Benefits ที่ได้รับครับ

สำหรับ Kempinski The Spa เป็นสปาหรูที่ได้รับรางวัล Thailand’s Best Hotel Spa 2021 by World Spa Awards มาแล้ว ดังนั้น จึงมั่นใจในมาตรฐานการให้บริการได้แน่นอน และเป็นสปาในกรุงเทพที่ผมมาใช้บริการบ่อยที่สุดแล้วครับ

แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ มาบ่อยขนาดนี้ จัดการรูดด้วยบัตรเครดิต ttb reserve ซื้อเมมเบอร์สปาไปเสียเลยครับ โทษฐานที่นวดดีมาก

ส่วนมื้อกลางวัน ผมไปทานที่ห้องอาหาร ALATi เป็นภาษากรีกแปลว่า “เกลือ” ที่นี่จึงนำเข้าเกลือมาจากหลากหลายประเทศ เน้นเสิร์ฟอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน

ช่วงนี้จะเป็นเทศกาลอาหารสเปน (Stories of Spain) หรือจะเป็นอาหารอื่นๆ ก็ยังมีเสิร์ฟอยู่นะครับ

จริงๆ อาหารสเปนอร่อยและทานง่ายมากเลยนะครับ ผมชอบไอบีเรียนแฮมหรือ Jamon Iberico มาพร้อมกับความเค็มที่ยังคงความหอมของเนื้อ เสิร์ฟพร้อมกับขนมปังที่หอมและกรอบมาก ออนท๊อปด้วยมะเขือเทศสดบด ผมลองสั่งพริกสเปนทอดมาทานด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนทานพริกหนุ่ม หรือพริกชี้ฟ้าย่างของบ้านเรา

ส่วนอาหารจานหลักจะเป็น Confitado de pato a la Catalana เชฟจะนำเป็ดไปกงฟี จากนั้นนำไปทอดให้กรอบ เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งบดและเกวี่

อีกจานเป็นปลาหมึกยักษ์กาลิเซีย เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งและพริกปาปริก้ารมควันใส่น้ำมันมะกอก ภาษาสเปนเรียกเมนูนี้ว่า Pulpo a la gallega

ส่วนของหวานที่พลาดไม่ได้คือชูโรสขนมชื่อดังของสเปน Churros limon chocolate y pistachio เสิร์ฟกับซอสช็อคโกแลตและซอสผลไม้

ของหวานอีกเมนูคือทาร์ตแอปเปิ้ลสูตรคลาสสิก ทาร์ทา เดอ แมนซานา โรยด้วยอัลมอนต์อบกรอบและไอศกรีมวานิลลาที่ออนท๊อปด้วยแอปเปิ้ลชิพ สั่งมาทานคู่กับกาแฟตุรกี หวานๆ ขมๆ ผมว่าเข้ากันดีอยู่นะ

หลังจากเสร็จมื้ออาหาร คุณ Mehdi ได้ชง Moroccan Tea ให้เพราะรู้ใจว่าผมชอบดื่มชา แต่ว่า Maghrebi Tea หรือชาโมร็อกโกนั้น จะมีรสของมินต์หรือว่าสะระแหน่เป็นหลัก ใครชอบหวานจะเติมน้ำตาลเพิ่มก็ได้ครับ

คุณ Mehdi เล่าว่าประโยชน์ของการดื่มชาโมร็อกโกปิดท้ายมื้ออาหารนั้นจะช่วยในการขับลมหลังจากที่เราทานอาหารไปเยอะมาก และช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี

อ๊ะ!! มีสาระแล้วหนึ่ง

ถ้าใครมาทานที่ห้องอาหาร ALATi ผมแนะนำให้สั่งแบบเมนูอาลาคาร์ท แล้วจ่ายด้วยบัตรเครดิต ttb reserve เราจะได้รับส่วนลด 20% ทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำครับ

ส่วนใครที่เข้าพักในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ แล้วเลือกแพ็คเกจซันเดย์บรันช์ที่ห้องอาหาร ALATi (มีทุกวันอาทิตย์ช่วงสาย) ถ้าชำระด้วยบัตรเครดิต ttb reserve จะได้รับส่วนลดอีก 15% เป็น Benefits ที่คุ้มอยู่นะ

กานต์สรุปให้อีกครั้ง สำหรับการจอง Dine & Unwind Package ที่โรงแรม Siam Kempinski โดยการจองให้โทรไปที่เบอร์โรงแรม 02-162-9000 หรือ ttb reserve line 02-010-1428 แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะใช้โปรโมชั่นจากบัตรเครดิต ttb reserve ราคา 6,555 บาท เราจะได้รับ Benefits ที่แสนคุ้มค่าเกินราคาที่รูดจ่ายแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น

•ห้อง Deluxe Room Balcony 1 คืน
•อาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน
•สปาเลือกเป็นนวดน้ำมันหรือนวดไทยก็ได้ 60 นาที สำหรับ 2 ท่าน
•Hotel Credit 2,000 บาท

และยังได้ส่วนลดที่ห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin 15% และที่ส่วนลดที่ห้องอาหาร ALATi 20% (ยกเว้นซันเดย์บรันช์ได้ส่วนลด 15%)

แต่!! สิทธิพิเศษนี้มีเพียง 125 สิทธิ์เท่านั้น ต้องรีบจองกันแล้วล่ะครับ ก่อนหมดเขตวันที่ 31 มีนาคมนี้

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน