“𝐍𝐞𝐰 𝐘𝐨𝐫𝐤 𝐢𝐬 𝐧𝐨𝐭 𝐚 𝐜𝐢𝐭𝐲. 𝐈𝐭’𝐬 𝐚 𝐰𝐨𝐫𝐥𝐝.” เราได้ยินและได้เห็นวลีนี้อยู่บ่อยครั้ง เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของความเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
.
รีวิวนี้เราจะพาไป New York กันครับ เมืองที่ไม่เคยหยุดสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมระดับตำนาน ที่ซึ่งศิลปะหลอมรวมกับชีวิตจนแยกกันไม่ออก โดยเฉพาะในยุคเฟื่องฟูของ Renaissance Revival Architecture ช่วงศตวรรษที่ 18 ถึงปลายศตวรรษที่ 20 เมื่อความรุ่งเรืองของยุโรปถูกตีความใหม่ด้วยเสน่ห์แบบชนชั้นสูงอเมริกัน
.
Ultra Luxury Living ในนิวยอร์กจึงไม่ได้หมายถึงขนาดหรือราคา หากแต่หมายถึงการเลือกศิลปะแห่งที่อยู่อาศัยซึ่งสะท้อนความเป็นตำนาน ความเชื่อและวิถีการใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงต่อตัวเอง เช่นเดียวกับคฤหาสน์หรูใน NoHo, Fifth Avenue หรือ Upper East Side ที่แต่ละหลังเป็นเหมือนงาน Masterpiece เฉพาะบุคคล ความหรูหราแท้จริงจึงเป็นเรื่องของ “ความละเอียดอ่อน” ที่ถักทออยู่ในทุกเส้นสาย ทุกพื้นผิว และทุกจังหวะของการอยู่อาศัย — ความงดงามที่เผยตัวผ่านรายละเอียดที่ผู้มองอย่างผิวเผินอาจไม่เห็น แต่ผู้เข้าใจจะสัมผัสได้ลึกซึ้ง
.
นี่คือหัวใจของแนวคิด “A Matter of Refinement” ที่ NARASIRI BANGNA KM.10 รังสรรค์ขึ้นมาได้อย่างสง่างาม
.
Refinement เป็นความหรูหราโอ่อ่าเฉกเช่นงานศิลปะที่ผ่านการกลั่นกรอง เลือกสรรและขัดเกลา เป็นกระบวนการที่นำไปสู่ความสมบูรณ์แบบในเชิงสุนทรียศาสตร์ที่ลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมที่มีชั้นเชิง
.
NARASIRI BANGNA KM.10 นำเสนอเส้นสายของ New York Renaissance Revival ที่ผสานความงดงามจาก Italianate, French Baroque, Roman และ German มาผสานจนเกิดภาษาทางสถาปัตยกรรมที่สง่างามพิถีพิถันในทุกองศา ตลอดจนการเลือกใช้หินธรรมชาติ ไม้จริง และเหล็กดัดงานฝีมือที่ไม่ได้เพียงแต่สวยงาม แต่ยังเล่าเรื่องของกาลเวลาและรสนิยมของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
.
Clubhouse ขนาดใหญ่เพื่อส่งมอบประสบการณ์ชีวิตที่ละเอียดอ่อน เป็นการออกแบบ The Upper Club ให้รับแสงอ่อนในยามเช้า และสะท้อนแสงทองในยามเย็นอย่างพิถีพิถัน ทุกตารางนิ้วไม่ใช่เพียงการมีพื้นที่สีเขียว แต่เป็นการเลือกปลูกพันธุ์ไม้ที่ให้ความรื่นรมย์ในแต่ละช่วงเวลาของวันที่แตกต่างกันไป
.
ในโลกที่เร่งรีบ NARASIRI BANGNA KM.10ยังคงยืนยันการนำเสนอคุณค่าแห่งการอยู่อาศัยผ่านการกลับไปหาความละเอียดอ่อนของชีวิต — ความงามที่ต้องใช้เวลา สัมผัสด้วยใจ และเข้าใจด้วยประสบการณ์
.
“True luxury is never loud. It is whispered through the finest details.” ที่นี่ “บ้าน” ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งปลูกสร้าง แต่เป็นผลงานศิลปะที่งดงามด้วยความหมาย ที่สำคัญที่สุด คือสะท้อนตัวตนของเราผ่านทุกรายละเอียดที่แสนสิริคัดสรรมาแล้วอย่างใส่ใจ
.
NARASIRI BANGNA KM.10 The New Luxury Living
In SANSIRI 10 EAST Community
.
Presale 24-25 May 2025
นัดหมายเพื่อเข้าชมแบบ Exclusive Viewing https://siri.ly/kMSJM84
#NarasiriBangnaKM10 #Narasiri #Sansiri10East #SansiriCommunity #Sansiri
NARASIRI BANGNA KM.10 โครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูล่าสุดจาก Sansiri ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สั่งสมชื่อชั้นและประสบการณ์มากว่า 40 ปี พร้อมที่จะส่งมอบนิยามของความหรูหราใหม่ให้กับลูกบ้านผู้ทรงเกียรติผ่านโครงการใหม่ล่าสุดนี้ แสนสิริ ได้ชื่อว่าเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่แท้จริง ล่าสุดกับ New Luxury Community คือ Sansiri 10 East Community หนึ่งใน Sansiri Luxury Community เกิดเป็นสังคมคุณภาพ และมอบความเป็นส่วนตัว นำเสนอบ้านเดี่ยวระดับ Luxury ที่เชื่อมโยงรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยเข้ากันได้อย่างเหนือระดับ โครงการ NARASIRI BANGNA KM.10 ตั้งอยู่บนทำเลไพร์มที่เป็น THE NEXT Eastern CBD of Bangkok ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งบนถนนบางนา-ตราด บนเนื้อที่โครงการรวมกว่า 38 ไร่ เอกสิทธิ์เพียง 56 ครอบครัวเท่านั้น ราคา 60-150 ล้านบาท* จากภาพมุมกว้าง เราจะเห็นได้ว่ามีพื้นที่ใหญ่มาก จาก Main Gate สูง 12 เมตร ดีไซน์สไตล์ New York Renaissance Revival ด้านหน้าประดับสัญลักษณ์ NS อักษรย่อของโครงการ โดดเด่นด้วยสระว่ายน้ำที่ประดับสัญลักษณ์ NS ไว้อย่างงดงามเช่นกัน พื้นที่ส่วนกลางยังร่มรื่นเต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ ทำเลของโครงการนับว่าเป็น Rare Item ที่หาได้ยากยิ่ง ตั้งอยู่บนจุดยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมต่อกับทุกเส้นทางสำคัญของกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นถนนบางนา-ตราด, ถนนศรีนครินทร์, ถนนกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอก, ทางพิเศษสาย S1 (บางนา– อาจณรงค์), ทางแยกต่างระดับศรีเอี่ยม, ทางพิเศษบูรพาวิถี อีกทั้งยังอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ทำให้การเดินทางสู่ใจกลางเมืองเป็นเรื่องง่ายดาย รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ, สนามกอล์ฟ ซัมมิท วินด์มิลล์, TOP GOLF THAILAND, ดีไซน์ วิลเลจ บางนา, ห้างสรรพสินค้าเมกา บางนา, Market Village, พาราไดซ์ พาร์ค, ชิค รีพับลิก บางนา, รวมถึงเมกะโปรเจกต์ในอนาคตอย่าง Bangkok Mall ศูนย์การค้าระดับเวิลด์คลาสแห่งใหม่ ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารชื่อดัง, คาเฟ่ และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งยังใกล้สถานศึกษา อาทิ โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ, โรงเรียนนานาชาติเบิร์คลีย์, โรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียน, โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา, โรงเรียนนานาชาติ D-Prep, โรงเรียนนานาชาติราฟเฟิลส์อเมริกา, โรงเรียนนานาชาติ ไทย-สิงค์โปร์ และ โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับครอบครัวที่มองหาการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพในทุกด้าน ฯลฯ ส่วนสถานพยาบาลใกล้เคียง ได้แก่โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์,โรงพยาบาลสิรินธร โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์ โรงพยาบาลไทยนครินทร์และโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เป็นต้น บรรยากาศภายในโครงการร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ตลอดจนไม้ดอกและไม้พุ่ม เพิ่มพื้นที่สีเขียวไล่เรียงไปตั้งแต่ด้านหน้าทางเข้า ไปจนถึงภายในโครงการและยังมีสวนขนาดใหญ่บนพื้นที่ส่วนกลาง ด้วยความที่แสนสิริมีแนวคิด Green Living Designed Home ทำให้บ้านทุกหลังจึงมาพร้อมพลังงานสะอาด ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนวัตกรรมที่ทำให้บ้านเย็น แผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา หรือการติดตั้งระบบสำหรับ EV Charger ที่ถูกติดตั้งในบ้านทุกหลังหรือแม้แต่ส่วนกลางของโครงการที่ใช้ไฟจากโซลาร์เซลล์ เป็นหลัก เสาไฟฟ้าถูกนำลงดินทั้งโครงการไม่มีรอยบนผิวถนนเพื่อคงทัศนียภาพการอยู่อาศัย ทุกอย่างผ่านกระบวนการคิดมาอย่างละเอียดและใส่ใจ กานต์ประทับใจในรายละเอียดของการออกแบบที่แสนสิริใส่ใจในทุกดีเทล เพื่อมอบประสบการณ์แห่งการใช้ชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสนิยม ภายใต้แนวคิด “A Matter of Refinement งดงามในรายละเอียด” พาร์ทนี้กานต์พามาสัมผัสกับงานศิลปะในแบบ New York Renaissance Revival ที่โดดเด่นด้วยอาคารโทนสี Brownstone ที่ใช้เทคนิคพิเศษเพื่อให้ได้สีที่งดงามดูสมจริงมากที่สุด แทบทุกจุดประดับด้วยสัญลักษณ์ NS ที่ให้ความรู้สึกหรูหรามีระดับ ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากหลาย Iconic Building ของ New York ไม่ว่าจะเป็น The Met, Grand Central Terminal, The New York Public Library, The Surrogate’s Courthouse เป็นต้น โครงการ NARASIRI BANGNA KM.10 อยู่ถัดจากถนนหลักเข้ามาด้านในเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวสูงสุด เป็น Private Community ที่จำกัดเพียง 56 ยูนิตเท่านั้น บรรยากาศของโครงการเน้นเรื่องพื้นที่สีเขียวและงานศิลปะซึ่งเป็นเสน่ห์ของมหานครนิวยอร์ก วงเวียนด้านหน้าทางเข้าจึงประดับด้วยงานประติมากรรมทรงกลมขนาดใหญ่ บ่งบอกถึง ความสมบูรณ์ (Wholeness) ความเป็นนิรันดร์ (Infinity) เป็นอิสระในการเลือกใช้ชีวิตและการเปิดพื้นที่ให้กับจินตนาการ การรักษาความปลอดภัยจะเน้นความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสูงที่เรียกว่า LIV-24 ซึ่งเป็นมาตรฐานของแสนสิริมาพร้อมกับ Double Gated Security มอบความส่วนตัวขั้นสุด ประตูรั้วโครงการแบบ Double Gate ใช้ระบบ LPR (License Plate Recognition) ส่วนการเข้า-ออกของผู้มาติดต่อเป็นระบบ VMS System บันทึกภาพผู้มาติดต่อ รวดเร็ว และแม่นยำเพื่อสร้างความอุ่นใจ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง มีระบบกล้อง CCTV โดยรอบโครงการ รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรเสริมด้วยระแนงที่สูงไปอีกเท่าตัว ด้านหน้ามีระยะ Set-Back จากถนนหลักเข้ามาพอประมาณ ทำให้เปิดพื้นที่สีเขียวด้านหน้าและนำเสนออาคาร Clubhouse ได้อย่างโดดเด่น ทางเข้าภายใน Clubhouse สามารถเข้าได้จากประตูหลักด้านหน้าฝั่งสระว่ายน้ำหรือจะเข้าประตูด้านข้างที่มีประติมากรรมสิงโตคู่ประดับอยู่ก็ได้เช่นกัน ให้ความรู้สึกถึงหนึ่งในแลนด์มาร์กของ New York นั่นคือ หอสมุดประชาชนนิวยอร์ก เพราะรูปปั้นสิงโตนี้เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของมหานครนิวยอร์กที่ชาวอเมริกันหรือนักท่องเที่ยวถ้าได้ไป ก็มักจะเก็บภาพคู่ด้วยเสมอ เมื่อนำมาประดับไว้ที่โครงการ NARASIRI BANGNA KM.10 นอกจากจะสะท้อนความงามแล้วยังเป็นสัญลักษณ์บอกเล่าความสำเร็จของผู้คนที่พักอาศัยอยู่ภายในโครงการนี้อีกด้วย เมื่อเข้ามาภายในเราจะพบกับ Gilded Garden ที่ออกแบบด้วยงาน Style Elegance & Cozy ที่พาเราย้อนกลับไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นยุคที่รับอิทธิพลมาจากชนชั้นสูงที่เลือกและคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตอบโจทย์รสนิยมสูงสุด การตกแต่งภายในของ Clubhouse เน้นไปที่การใช้พื้นที่ที่เปิดโล่งและโปร่งสบาย การเลือกใช้ผนังกระจกทำให้แสงธรรมชาติสามารถเข้ามาเติมเต็มพื้นที่ภายในได้ตลอดวัน พร้อมเปิดรับวิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำภายนอก ด้วยลักษณะห้องสูงโปร่งมีฝ้าเพดานที่ออกแบบอย่างประณีตรับกับประตูทรงโค้งอันงดงามซึ่งประกอบด้วยห้องต่าง ๆ จัดวางชุดโซฟาที่นั่งภายในกระจายกันไปในหลายจุด สังเกตว่าสถาปนิกเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยโทนสีอ่อน เช่น โซฟาผ้าสีเทาควันบุหรี่ เก้าอี้สีน้ำตาล โต๊ะกลางทำจากหินอ่อน อาจจะมีสอดแทรกลวดลายบ้างเพื่อเติมสีสันและช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย พักผ่อน พื้นที่นั่งเล่นจัดวางชุดที่นั่งเป็นกลุ่ม ๆ ให้ความรู้สึกเป็นกันเองและเหมาะกับการพบปะสังสรรค์ ฟังก์ชันของพื้นที่นี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สำหรับการพบปะแขกคนสำคัญ นั่งพักผ่อน คุยงาน หรือเปลี่ยนบรรยากาศการอ่านหนังสือ มุมนี้น่าจะเป็นมุมโปรดของใครหลายคนสำหรับโถงกลาง ด้านล่างจัดวางแกรนด์เปียโนเอาไว้ ส่วนบันไดถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์คือการออกแบบให้เป็นบันไดวน Double Volume Spiral Staircase ทำให้บ้านดูหรูหราโดดเด่น “ 𝐋𝐢𝐟𝐞 𝐢𝐬 𝐥𝐢𝐤𝐞 𝐚 𝐩𝐢𝐚𝐧𝐨; 𝐭𝐡𝐞 𝐰𝐡𝐢𝐭𝐞 𝐤𝐞𝐲𝐬 𝐫𝐞𝐩𝐫𝐞𝐬𝐞𝐧𝐭 𝐡𝐚𝐩𝐩𝐢𝐧𝐞𝐬𝐬, 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐛𝐥𝐚𝐜𝐤 𝐬𝐡𝐨𝐰𝐬 𝐬𝐚𝐝𝐧𝐞𝐬𝐬. 𝐁𝐮𝐭 𝐚𝐬 𝐲𝐨𝐮 𝐠𝐨 𝐭𝐡𝐫𝐨𝐮𝐠𝐡 𝐋𝐢𝐟𝐞’𝐬 𝐣𝐨𝐮𝐫𝐧𝐞𝐲, 𝐫𝐞𝐦𝐞𝐦𝐛𝐞𝐫 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐭𝐡𝐞 𝐛𝐥𝐚𝐜𝐤 𝐤𝐞𝐲𝐬 𝐚𝐥𝐬𝐨 𝐜𝐫𝐞𝐚𝐭𝐞 𝐦𝐮𝐬𝐢𝐜.” -Gary Oldman ชั้นบนของ Clubhouse เน้นความโปร่งและการเชื่อมต่อโถงกับบริเวณชั้นหนึ่ง โดดเด่นด้วยกระจกโค้งทรง Arch บานใหญ่ที่เปิดวิวสวนและสระว่ายน้ำภายนอก จัดวางชุดที่นั่งเอาไว้ให้เราได้พักผ่อนในช่วงเวลาส่วนตัว ด้านในมีห้องประชุม The Upper Club และมุมนั่งทำงานอ่านหนังสือเช่นกัน ตกแต่งในโทนสีน้ำตาลเข้มดูโดดเด่นแตกต่างไปจากพาร์ทอื่น ๆ ของ Clubhouse ใกล้กันเป็นที่ตั้งของฟิตเนสด้วยครับ บรรยากาศโล่ง ๆ ดีมาก ภายในมีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน ทั้งแบบ Cardio และ Weight Training Machine อุปกรณ์ให้เป็นของ TechnoGym แบรนด์หรูระดับโลก จัดวางลู่วิ่งไฟฟ้าให้หันหน้าออกไปทางสวนต้นไม้มองผ่านกระจกใสมีแสงลอดผ่านรับวิตามินดีเบา ๆ ยามเช้า บรรยากาศดูแล้วสดชื่นดีเวลาที่เห็นต้นไม้สีเขียว ๆ ระหว่างที่เรากำลังวิ่งออกกำลังกาย ช่วยให้หายเหนื่อยได้ครับ นอกจากนี้ยังจัดให้มี YOGA Studio สำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการออกกำลังกาย โดยทางโครงการได้จัดเตรียมอุปกรณ์เอาไว้ให้แล้วไม่ว่าจะเป็น เสื่อโยคะ ลูกบอล ฯลฯ เพื่ออำนวยความสะดวก นอกจากนี้ ด้านหน้ายังมี The Dining ที่เป็น Co-Kitchen พร้อมโต๊ะรับประทานอาหารและชุดเคาน์เตอร์ครัว พื้นที่จัดเตรียมและปรุงอาหารที่สามารถใช้สำหรับการจัดดินเนอร์ส่วนตัวหรือการสังสรรค์กับครอบครัว โดยไม่จำเป็นต้องออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน เราสามารถเชิญ Celebrity Chef มาเปิด Chef Table ทำอาหารให้ทานที่นี่ได้เลยครับ บรรยากาศดีมาก มองเห็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว สระว่ายน้ำ Infinity Edge เป็นระบบเกลือขนาด Half-Olympic สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงพร้อมจัดพื้นที่ให้มีสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก ด้านข้างจัดเป็น Pavillion สำหรับนั่งพักผ่อน บริเวณโดยรอบสระว่ายน้ำ มี Daybed หนังสีเบจและร่ม จัดวางกระจายออกไปในบรรยากาศแบบ Outdoor Terrace ให้เราพักผ่อนริมสระราวกับพักอยู่ในรีสอร์ตหรู ส่วนด้านในจะมีจุดล้างตัว รวมถึงห้องน้ำแยกชายและหญิง มีตู้ล็อกเกอร์กับห้องอาบน้ำ สำหรับผู้ที่มาใช้บริการสระว่ายน้ำ เมื่อลงรายละเอียดของงานดีไซน์เราจะเห็นผนังน้ําล้นขอบสระและบันไดในสระใช้หิน White Tribeca Quartzite ที่ให้ผิวสัมผัสแบบธรรมชาติ ความรู้สึกแข็งแกร่ง ลวดลายของ Mosaic ในสระว่ายน้ําได้แรงบันดาลใจมาจาก Stained Glass Pattern ที่ Old City Hall Subway Station ซึ่งเป็นงานสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และโดดเด่นแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ผสานเข้ากับ Logo NS ของนาราสิริ เกิดเป็นลวดลายที่สวยงามหรูหราและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโครงการ บรรยากาศร่มรื่นด้วยพื้นที่สีเขียวและต้นไม้น้อยใหญ่ จะสังเกตว่างานภูมิสถาปัตย์ของสวนจะเน้นฟรีฟอร์ม เพื่อให้สอดรับกับการออกแบบภาพรวมของ Clubhouse พร้อมพื้นที่สันทนาการสำหรับเด็ก ๆ และสมาชิกในครอบครัวจัดวางเอาไว้ในหลายจุด หากใครไม่อยากออกกำลังกายในฟิตเนสหรือไม่อยากให้เด็ก ๆ อยู่แต่ในบ้าน อยากให้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทางโครงการก็ยังได้ออกแบบให้มี Playground และ Active Garden ขนาดใหญ่อยู่ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งโครงได้ออกแบบให้เป็นพื้นยางเพื่อรองรับแรงกระแทกและป้องกันอันตราย อีกทั้งเรายังสามารถชวน เด็ก ๆ มาปูผ้านั่งเล่นบนสนามหญ้านั่งปิกนิก หรือรับบทนักสำรวจตัวจิ๋วได้ เราชอบบรรยากาศตอนเย็น ๆ ของสวนมาก ที่นี่เหมือนเป็นศูนย์รวมกิจกรรมสันทนาการนอกบ้านให้กับสมาชิกของโครงการ หากบ้านไหนมีผู้สูงอายุก็อยากให้ชวนกันมาเดินแกว่งแขวนเบา ๆ ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพยามเช้า หรือวิ่งจ็อกกิงหลังเลิกงานตอนเย็นก็ได้เช่นกัน หากเหนื่อยนักก็มีที่นั่งผ่อนจัดวางกระจายกันไปในหลายจุดรอบ ๆ สวน และยังมี Sansiri Backyard อีกด้วย บริเวณนี้ยังเชื่อมต่อกับสนามหญ้าด้านโครงการ กลายเป็นพื้นที่เปิดโล่ง โดยเน้นให้ทุกคนในครอบครัวได้ทำกิจกรรมตามความสนใจ กระตุ้นให้สมาชิกได้ใช้เวลาร่วมกันและชวนกันออกไปรับวิตามินดีในวันที่อากาศเป็นใจ โดยโครงการจัดให้มี Golf Field สำหรับให้คุณพ่อได้ฝึกซ้อมวงสวิงเบา ๆ ก่อนจะไปออกรอบกับก๊วนในช่วงวันหยุด หรือจะใช้เป็นสนามเล็ก ๆ สอนเด็ก ๆ พัตต์กอล์ฟในช่วงวันว่างก็ได้เช่นกัน เราพามาชมบ้านตัวอย่างของโครงการ NARASIRI BANGNA KM.10 กันบ้างครับ แบบบ้านแรกที่เราจะลงรายละเอียดกันคือ NoHo 6 เป็นบ้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ พื้นที่ใช้สอย 687 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ สามารถจอดรถได้ 4 คัน ห้องนอนแม่บ้าน 2 ห้อง ด้านข้างสามารถจัดสวนเพิ่มได้ สังเกตว่าแม้กระทั่งการตั้งชื่อแบบบ้านก็ยัง การตั้งคงคอนเซปต์การพักอาศัยใจกลางมหานครนิวยอร์กด้วยการตั้งชื่อบ้านด้วยชื่อ NoHo ซึ่งมีแรงบันดาลจาก North of Houston ย่านที่อยู่อาศัยสุดหรูมีเต็มไปด้วยมหาเศรษฐี คหบดี เซเลปคนดัง อยู่กันมากที่สุด ด้านหน้าออกแบบให้มีลักษณะเป็น Drop-off วนรถเข้ามาจอดแล้วลงเดินเข้าบ้านได้เลยทันที ที่จอดรถสามารถจอดได้ 4 คัน ไม่รวมลานกลางบ้านซึ่งน่าจะจอดเพิ่มได้อีก 2 คัน บริเวณลานจอดติดตั้ง EV Charger ไว้สำหรับการใช้งานรถไฟฟ้าของลูกบ้าน พร้อมกับมีประตูเชื่อมต่อกับครัวด้านในเพื่อให้สะดวกในการขนของเข้าบ้าน โดยไม่ต้องผ่าน Living Area Facade ของ Entrance Hall ทางเข้าหน้าบ้านถูกออกแบบด้วยอัตลักษณ์ของนิวยอร์กประดับโคมไฟ ให้ความรู้สึกเรียบหรู หน้าบ้านโดดเด่นด้วยประตูทางเข้าขนาดใหญ่แบบ Over Scale สี Manhattan Blue ซึ่งเป็น Signature ของโครงการ NARASIRI BANGNA KM.10 โดยโครงการจะมีประตู 2 สี คือ Liberty Green และ Manhattan Blue ผนังภายนอกสร้างผิวสัมผัสของอาคาร ด้วยเทคนิค Sandstone Multi Color ซึ่งต้องผ่านความชำนาญ เพื่อให้ได้ผลงานที่มีความงดงามและสัมผัสดุจธรรมชาติของหินทราย ดูเรียบหรูมาก เริ่มจาก Oval Welcom Hallway โถงทางเข้าที่ออกแบบอย่างสมมาตรตามสไตล์งานสถาปัตยกรรมยุค Renaissance Revival ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่อาศัยในแมนชั่นหรูใจกลางนิวยอร์ก ด้านข้างของ Foyer ออกแบบให้เป็น Walk In Shoes Cabinet ขนาดใหญ่ เมื่อเดินเข้ามาด้านในบ้าน หากใครสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าประตูทั้ง 2 บานจะถูกจัดวางในตำแหน่งที่ตรงกันพอดีอย่างตั้งใจ เป็นรายละเอียดการออกแบบที่วิจิตรงดงามมาก ๆ ครับ บ้านตัวอย่าง NoHo No.6 ตกแต่งภายในได้อย่างหรูหรา ภายในบ้านจะโดดเด่นด้วยโถงกลางบริเวณ บริเวณ Sitting Area ด้วย Double Volume ความสูง 7.2 เมตร ให้เกิดความโอ่โถงโอ่อ่า ประดับประดาด้วยแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ บรรยากาศภายในบ้านตัวอย่างจึงเป็นโทนสีเบจดูสะอาดตา มีความอบอุ่น ล้วนเป็นการเลือกสรรสีจากธรรมชาติเข้ามาช่วยขับเน้นความสง่างามและมีรสนิยมของผู้อยู่อาศัย ด้วยการดึงงานออกแบบอัน Timeless Classic งดงามไร้กาลเวลามาเป็นองค์ประกอบหลัก ห้องรับแขกจัดวางชุดเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นความอบอุ่นอยู่สบาย จัดวางที่นั่งไว้แบบหลวม ๆ วัสดุที่เลือกใช้มีความหลากหลาย ทั้งบุด้วยผ้า โต๊ะกลางทำจากหินอ่อน เลือกโทนสีที่ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป อาจจะมีบางสีที่เด่นสะดุดตาขึ้นมาเพื่อให้เกิดการดึงดูดความสนใจ ประดับฝาผนังด้วยภาพวาดและโคมไฟเพิ่มความสวยงาม ถัดจากห้องรับแขกเข้าไปด้านในจะเป็นห้องพักผ่อนเพื่อความเป็นส่วนตัวของสมาชิกในครอบครัว รองรับการใช้งานที่หลากหลายรวมถึงแขกคนสำคัญที่มาเยือนด้วย สามารถมานั่งพูดคุยธุระกันแบบส่วนตัวที่ห้องนี้ได้เลย ด้านในจัดวางชุดโซฟาที่นั่งสบาย ๆ งานดีไซน์จะโดดเด่นด้วย Porch เป็นหน้าต่างทรงเหลี่ยมที่ยื่นออกไปยังบริเวณด้านหน้าบ้าน ซึ่งเราจะพบเห็นบ้านสไตล์นี้กันมากที่นิวยอร์ก เหมาะสำหรับการชมวิวมองความเคลื่อนไหวภายนอกบ้าน เป็นการเปิดมุมมองที่กว้างกว่า ซึ่งหน้าต่าง Porch จะอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกันกับ Grand Master Bedroom ชั้นบนครับ ให้ความรู้สึกหรูหราและโดดเด่นขึ้นมาทันที ห้องนี้เป็นห้องที่เราชอบมากครับ เพราะสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในบ้าน จะใช้เป็นห้องสำหรับปาร์ตี้ก็ได้ ซึ่งให้ความเป็นส่วนตัว ไม่รบกวนสมาชิกท่านอื่นที่พักผ่อนอยู่ชั้นบน บรรยากาศโดยรอบดีมาก มองออกไปเห็นสวนสีเขียวสดชื่นสบายตา ด้านในเป็นมุมรับประทานอาหารจัดวางฟังก์ชันไว้อย่างเป็นสัดส่วน เพื่อให้เป็นช่วงเวลาพิเศษของทุกคนในครอบครัว บ้านตัวอย่างตั้งใจออกแบบให้มีความเป็น Open Space เชื่อมต่อกันระหว่างโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ประมาณ 10 ที่นั่ง ติดกันเป็นส่วนเตรียมอาหารเชื่อมต่อกับห้องรับแขก เราสามารถนั่งจิบเบา ๆ กันที่โซฟาก่อนที่จะย้ายมารับประทานทานอาหารร่วมกันในมื้อค่ำที่นี่ได้ Pantry สามารถปรับเป็นเคาน์เตอร์นั่งจิบกาแฟยามเช้าได้ โดยจัดวางเก้าอี้สตูลทรงสูงสำหรับนั่ง เป็นบรรยากาศที่ดูอบอุ่นสบาย ๆ Dining Area เชื่อมต่อมุมรับประทานอาหารและครัวยุโรปเข้าด้วยกันซึ่งทางโครงการได้ Built-in เคาน์เตอร์ครัวพร้อมชุดครัวมาให้แล้ว เป็นมุมสำหรับจัดเตรียมอาหารสไตล์ครัวยุโรป ส่วนพื้นที่ของครัวไทยจะอยู่ถัดไปด้านหลังถือว่าเป็นห้องครัวที่มีขนาดใหญ่มาก บริเวณนี้จะมีพื้นที่ให้เราสามารถติดตั้งลิฟต์ (Optional) ซึ่งโครงการได้จัดเตรียมพื้นที่รองรับให้เราสามารถติดตั้งลิฟต์เองได้ โครงการติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวแบบฟูลออปชั่นมาให้แล้วดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี มีฟังก์ชันการใช้งานมาให้ครบครัน ครัวไทยออกแบบให้อยู่ในทำเลที่ทำให้แม่บ้านสามารถประกอบอาหารได้สะดวก ปราศจากกลิ่นรบกวนเข้ามาในตัวบ้านและยังได้ความเป็นส่วนตัว เนื่องจากจะอยู่บริเวณเดียวกับ Maid Plaza โซนทำงานของแม่บ้าน สามารถกั้นเป็นโซน Back of House คือให้เป็นทางเข้าออกของแม่บ้านแยกส่วนชัดเจนออกมาจากพื้นที่หลักของตัวบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัว ชั้นล่างวางผังให้เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ สำหรับครอบครัวที่อยู่ด้วยกันหลาย Generations ทำให้สะดวกมากเพราะไม่ต้องเดินขึ้นลงบันได แต่หากอยากพักอาศัยชั้นบนก็มีพื้นที่สำหรับติดตั้งลิฟต์เอาไว้ให้ภายในห้องจัดวางเตียงนอนขนาดควีนไซซ์ไว้ตรงกลาง ออกแบบให้รองรับการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพื้นห้องที่ใช้เป็น Absorption Floor ช่วยลดแรงกระแทกเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ประตูห้องนอนและห้องน้ำที่มีขนาดกว้างกว่าปกติเพื่อรองรับการใช้วีลแชร์ และไม่มีธรณีประตู ถือเป็นการออกแบบตามหลัก Universal Design ที่แท้จริงครับ มุมมองของห้องนี้ถือว่าดีมาก เพราะเชื่อมต่อกับวิวสวนสีเขียว ทำให้ได้รับความสดชื่นตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าตรู่เลยครับ ด้านข้างบ้านมีพื้นที่ว่าง บ้านตัวอย่างจัดทำเป็น Pavillion ดีไซน์สวยด้วยเทคนิคการฉลุลวดลาย ให้เราได้นั่งพักผ่อนในพื้นที่ส่วนตัว ฟังเสียงน้ำพุกระทบให้รู้สึกเย็นฉ่ำหัวใจในช่วงเวลาพักผ่อนกับครอบครัว ทำให้กานต์ประทับใจในรายละเอียดของการออกแบบที่แสนสิริใส่ใจในทุกดีเทล เพื่อส่งมอบประสบการณ์แห่งการใช้ชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสนิยมที่เหนือระดับ ตัวบ้านโดดเด่นด้วย Grand Stairs มีราวบันไดเป็นเหล็กซี่ฉลุลายทรงโค้งเป็นไฮไลต์ของบ้าน อีกมุมที่กานต์ว่าน่าสนใจคือ การมี Tea Room ที่เชื่อมต่อกับทุกคนภายในบ้านเข้าไว้ด้วยกัน ความสวยงามและดีเทลของงานดีไซน์ยังออกแบบให้เรามองเห็นพื้นที่โถงรับแขกชั้นล่าง เพื่อดูความเคลื่อนไหวและรับวิวสวน บรรยากาศสวย ๆ รอบโครงการผ่านห้องกระจกทรงเหลี่ยมที่ยื่นออกมาจากตัวบ้านอีกด้วย เหมาะสำหรับใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนของทุกคนในครอบครัว โครงการออกแบบให้มีพื้นที่เชื่อมต่อกันของฟังก์ชัน Family Room แยกออกมา เพื่อให้เป็นพื้นที่พักผ่อนอเนกประสงค์สำหรับทุกคนในครอบครัว บ้านตัวอย่างดีไซน์ให้มีเคาน์เตอร์สำหรับดื่มเบา ๆ พร้อมชุดโซฟาที่นั่งและยังใช้เป็นมุมนั่งทำงาน อ่านหนังสือได้ แบบบ้าน NoHo 6 จะมีห้องนอนใหญ่ 2 ห้องนะครับ ดังนั้น ห้องนี้จึงถูกเรียกว่าเป็น Grand Master Bedroom ซึ่งตำแหน่งจะอยู่ด้านในสุดของบ้าน แน่นอนว่าเป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่มาก จัดแบ่งพื้นที่การใช้งานภายในห้องได้อย่างเป็นสัดส่วน ทั้งมุมพักผ่อนจัดวางเตียงนอนไว้ตรงกลาง ด้านในเป็นชุดโซฟาสำหรับนั่งทำงานอ่านหนังสือ จะได้มีเวลาส่วนตัวภายในพื้นที่ของเราเอง ที่เราชอบมากสุดที่ในห้องนี้คือเต็มไปด้วยหน้าต่างบานใหญ่ สามารถมองชมวิวทิวทัศน์จากภายในห้องนอนได้ ดีไซน์สอดรับกับ Porch บริเวณชั้นล่าง วัสดุเป็นกระจกใสทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติส่องเข้ามาในเวลากลางวันได้โดยแทบไม่ต้องเปิดไฟ อีกทั้งยังสามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศได้ด้วยครับ ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก รายล้อมด้วยตู้เสื้อผ้าทรงสูงจากพื้นจรดเพดาน ออกแบบให้ตรงกลางเป็น Island สำหรับจัดเก็บเครื่องประดับต่าง ๆ และทำให้ห้องดูสวยหรูขึ้น ด้านในเป็นพื้นที่ของโต๊ะเครื่องแป้งลักษณะเป็นเคาน์เตอร์ยาวขนานกันไปกับผนังพร้อมด้วยกระจกเงาบานใหญ่ คุณผู้ชายและคุณผู้หญิงสามารถใช้งานไปพร้อม ๆ กันได้ ห้องน้ำมีขนาดใหญ่มาก คุมโทนสีขาว เทา ขลิบด้วยสีทองของขอบเฟอร์นิเจอร์ ภายในยังครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องจากห้องแต่งตัวเลยครับ ห้องน้ำแยกส่วนเปียก-แห้งให้เรียบร้อย โดดเด่นด้วยอ่างล้างมือแบบ His & Her พร้อมเคาน์เตอร์ Top เป็นหินอ่อนสีขาว กระจกเงาติดผนังสไตล์โมเดิร์น ด้านในเป็นสุขภัณฑ์ ห้องนี้จะมีอ่างอาบน้ำในตัวที่แยกส่วนจากห้องอาบน้ำ ด้านข้างมีช่องแสงเป็นบานกระทุ้งเล็ก ๆ สามารถเปิดออกเพื่อไล่ความชื้นและระบายอากาศภายในห้องน้ำได้ ห้องนอนต่อมาจะอยู่อีกฝั่งของตัวบ้าน มีขนาดใหญ่เช่นกัน เรียกว่า Master Bedroom ภายในแบ่งสัดส่วนฟังก์ชันการใช้งานได้ชัดเจนดี ตกแต่งได้หรูหรามีระดับ เป็นห้องที่มีช่องแสงจากธรรมชาติภายนอกขนาดใหญ่เปิดเข้ามาภายใน ด้านในสุดริมหน้าต่างออกแบบให้เป็นพื้นที่พักผ่อนจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ มาพร้อมโซฟาพักผ่อนบริเวณด้านข้างเตียง ปลายเตียงออกแบบให้เป็นชั้นวางของ เราสามารถปรับให้มีทีวีแบบแขวนผนังเพื่อให้สามารถนอนชมได้จากบนเตียง ด้านในเป็นการเชื่อมต่อกันระหว่างห้องแต่งตัวและห้องน้ำ เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับห้องแต่งตัวขนาดใหญ่แบบ Walk-in Closet เป็นแนวลึกเข้าไปพร้อมตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่จากพื้นจรดเพดาน ด้านในเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ดูอลังการมากครับ ห้องนอนต่อมาตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นเลือกใช้สีครีมและสีน้ำตาลอ่อน ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสงบ การใช้วัสดุที่มีคุณภาพในการตกแต่ง เช่น ผ้าห่มและหมอนที่มีความนุ่มสบาย ผ้าม่านที่ใช้เป็นผ้าม่านสีอ่อนที่เข้ากับโทนห้อง ช่วยกรองแสงแดดให้ส่องเข้ามาได้อย่างเหมาะสม เพิ่มความรู้สึกสงบและผ่อนคลายยิ่งขึ้น ทำให้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในทุกช่วงเวลา โคมไฟที่ติดตั้งอยู่ยังช่วยสร้างบรรยากาศแสงสลัวที่อบอุ่นและเพิ่มความสวยงามให้กับห้อง โครงการออกแบบให้ทุกห้องเป็นแบบ En Suite Bedroom คือมีห้องน้ำส่วนตัวให้ทุกห้อง ออกแบบมาอย่างทันสมัย ดูเรียบง่ายแต่ใช้วัสดุคุณภาพสูง ห้องนอนต่อมาตกแต่งในโทนน้ำตาลเข้มดูเรียบเท่ดีมาก ตรงกลางห้องจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่พร้อมพื้นที่เดินได้รอบเตียง เราชอบผนังหัวนอนที่บุด้วยหนังสีน้ำตาลดูคลาสสิกดี หัวเตียงจัดวางโต๊ะเตี้ยพร้อมโคมไฟ ด้านข้างจัดวางโต๊ะทำงานเอาไว้มาพร้อมกับห้องน้ำในตัวเช่นกัน แบบบ้านต่อมาที่เราจะพาไปชมกันคือ NoHo 5 พื้นที่ใช้สอย 540 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ พร้อมห้องแม่บ้าน สามารถจอดรถได้ 4 คัน ภาพรวมของงานดีไซน์ยังคงการออกแบบสถาปัตยกรรมและประติมากรรมงานคราฟท์อย่างมีรสนิยมผสานกลิ่นอายของ New York Renaissance Revival ทว่าคงไว้ซึ่งความงดงามในทุกยุคสมัย เพื่อควรค่าแก่การเป็นมรดกที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างเต็มภาคภูมิ เมื่อเข้ามาภายในตัวบ้านเราจะพบกับพบกับ Common Area ที่มีขนาดใหญ่ บ้านตัวอย่าง NoHo 5 มาพร้อมกับโถงกลางบ้านที่มีความสูงมากถึง 7.2 เมตร ทำให้บ้านมีความโอ่อ่า อลังการ ออกแบบและตกแต่งภายในได้อย่างหรูหราและจัดวางฟังก์ชันภายในบ้านอย่างเป็นสัดส่วนลงตัว ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไอเดียสำหรับผู้พักอาศัย ในขณะที่บ้านมาตรฐานจะเป็นพื้นที่เปิดโล่งเพื่อให้เราได้เติมเต็มจินตนาการกับบ้านในฝัน ด้านหน้าออกแบบให้เป็น Foyer และ Shoes Cabinet สำหรับจัดเก็บรองเท้า มาพร้อมเก้าอี้นั่งสำหรับสวมใส่รองเท้าก่อนออกจากบ้าน หรือจัดเก็บรองเท้าเมื่อมาถึง ก่อนจะก้าวเข้าสู่ภายในบ้าน ตรงกลางจัดวางชุดโซฟาที่นั่งไว้กระจายไปทั่วบริเวณ ซึ่งจะเป็นเหมือนกับ Lobby Lounge ภายในบ้าน สามารถนั่งพักผ่อนพูดคุยกับสบาย ๆ ในบรรยากาศแบบไม่เป็นทางการมากนัก ให้ความอบอุ่นในการต้อนรับหรือแม้แต่เป็นมุมนั่งพักผ่อนสำหรับสมาชิกในครอบครัว เพราะมุมนี้ก็จะมองเห็นสวนสีเขียวจากภายนอกได้เช่นกัน มั่นใจเลยว่าต้องเป็นมุมโปรดของใครหลายคนแน่นอนรวมถึงกานต์ด้วย มุมนี้เชื่อมต่อกับโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 8 ที่นั่ง มี Pantry สำหรับจัดเตรียมอาหารเครื่องดื่มและเป็นมุมจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้าในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว หรือจัด Pool Party เพราะพื้นที่ด้านข้างสามารถเปิดออกเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านได้ ถัดเข้าไปด้านในจะเป็น The Great Room ที่นั่งริมหน้าต่างบานสูง จัดวางชุดโซฟาที่นั่งเต็มพื้นทืี่เพื่อให้สามารถนั่งพักผ่อนพูดคุยธุระสำคัญ ด้วยความที่ตัวห้องจะอยู่ถัดเข้ามาด้านในทำให้ได้ประโยชน์เรื่องความเงียบเผื่อต้องต้อนรับแขก VIP หรือคุยงานสำคัญที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ก็สามารถใช้ห้องนี้ได้ “Morning in New York is pure magic. A good coffee in hand, the city waking up at your feet — there’s no better feeling.” — ‘Humans of New York’ บ้านตัวอย่างออกแบบให้ชั้นล่างด้านในสุด เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ สำหรับครอบครัวที่อยู่ด้วยกันหลาย Generations ข้อดีข้อแรกเลยก็คือไม่ต้องเดินขึ้นลงบันได และทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ด้วยการเปิดพื้นที่โล่ง บานกระจกเชื่อมต่อสวนหลังบ้านแบบส่วนตัวสามารถเปิดประตูกระจกออกไปนั่งรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าได้ ภายในห้องจัดวางเตียงนอนขนาดควีนไซซ์ไว้ค่อนไปทางด้านในเชื่อมต่อกับประตูกระจกใสด้านหลังทำให้นั่ง-นอนอยู่บนเตียงก็สามารถอิ่มเอมกับพื้นที่สีเขียวได้มาพร้อมกับห้องน้ำในตัว ขึ้นบันไดไปชมชั้นบนกันบ้างครับ เข้าสู่พื้นที่แห่งการพักผ่อน ตรงกลางบ้านเป็น Tea Room สำหรับสมาชิกในครอบครัว แนวคิดหลักในการออกแบบจะเน้นคำนึงถึงฟังก์ชันการใช้สอย กิจกรรมที่หลากหลายระหว่างพักอาศัยของสมาชิกทุกคน ดังนั้นทุกพื้นที่ของบ้านสามารถเชื่อมต่อทุกความสัมพันธ์ได้อย่างสมดุล เชื่อมโยงฟังก์ชันของแต่ละมุมให้ต่อเนื่องกันสามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ Tea Room จัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบฟรีฟอร์มนำเสนอความเรียบหรูผ่านโทนสีเบจตัดด้วยหมอนอิงสีสดใสมีลวดลาย เพื่อทำให้มุมนี้ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น มีทั้งมุมนั่งคุยกัน ทำการบ้าน อ่านหนังสือหรือทำงานอื่น ๆ จะกั้นเป็นห้องพระ ห้องดูหนังก็ได้ ระเบียงหน้าบ้านมีขนาดใหญ่สามารถเปิดออกไปเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ หรือจะจัดวางชุดที่นั่งกลางแจ้งตรงระเบียงสำหรับนั่งจิบกาแฟยามเช้าก็ได้เช่นกัน บรรยากาศดีมากครับ ห้องนอนหลักมีขนาดใหญ่ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้สอยภายในเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว รู้สึกถึงความโปร่งด้วยช่องแสงจากแนวด้านหน้าบ้านทั้งหมด เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง ด้านในเป็นพื้นที่ห้องแต่งตัวก่อน ส่วนเตียงนอนจะถูกจัดไว้หลบเอาเข้าไปด้านหน้าบ้านอีกฝั่ง ทำให้ได้รับความเป็นส่วนเมื่อมีคนเปิด-ปิดประตูเข้ามา เป็นไอเดียการออกแบบที่ลงดีเทลดีมาก พื้นที่ด้านในห้องกว้างขวางมากครับ เราสามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้เลยแถมยังมีพื้นที่กว้างเดินได้รอบ ตกแต่งในสไตล์ Modern Luxury ด้วยการเลือกใช้ดีไซน์ของเตียง โต๊ะหัวเตียง โคมไฟ เตียงนอนมีระยะห่างมากพอที่จะติดตั้งทีวีจอใหญ่บริเวณปลายเตียง สามารถติดตั้ง Cabinet สำหรับวางทีวีขนาดใหญ่ให้เรานอนชมซีรีย์เรื่องโปรดจาก Netflix บนเตียงเลยได้สบาย ๆ เลยครับ อีกด้านของเตียงนอนจะเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนแบบส่วนตัวภายในห้อง จัดวางชุดโซฟาเอาไว้ ให้นั่งเคลียร์งาน อ่านอีเมลเล็ก ๆ น้อย ๆ ในช่วงเวลาก่อนนอน อีกหนึ่งไฮไลต์คือ มุมจิบกาแฟ เป็นพอร์ชดีไซน์ที่ยื่นออกไปเพื่อให้เราได้นั่งชมวิวสีเขียวของต้นไม้ให้สบายใจเรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่ใส่ใจเรื่องการมองเห็นและสัมผัสพื้นที่ธรรมชาติภายนอก ด้วยการดีไซน์แบบ Inside out – Outside in มองออกไปจะเห็นวิวของสวนและต้นไม้ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้กับบ้านของเราไปโดยปริยาย ด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet พร้อมห้องน้ำขนาดใหญ่ในตัว ห้องนอนต่อมาเป็นห้องนอนโซนหน้าบ้านที่มีจุดเด่นคือได้แสงสว่างจากผนังด้านนอก ภายในห้องจัดวางฟังก์ชันไว้ลงตัว โดยมีเตียงนอนเดี่ยว 2 เตียงต่อเนื่องจัดวางเอาไว้ด้านในสุดริมหน้าต่าง ซึ่งจะไม่ตรงกับตำแหน่งประตู ข้อดีก็คือทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ห้องตกแต่งโทนสีน้ำตาลดูเป็นโทนสีที่ลงตัว หัวเตียงประดับอาร์ตมาได้ฟีล Mid-Century ที่มีกลิ่นอายวินเทจนิด ๆ ส่วนปลายเตียงติดตั้งชั้นวางทีวีและตู้เก็บของ ด้านข้างเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและมุมนั่งทำการบ้านไปในตัว โดยปรับให้มุมแต่งตัวและห้องน้ำมาอยู่ฝั่งด้านหน้าประตูทางเข้าแทนครับ ห้องนอนต่อมาจะได้เปรียบเรื่องความเป็นห้องมุมที่เปิดรับช่องแสงจากด้านข้าง และความเงียบสงบเนื่องจากเป็นห้องนอนที่ค่อนไปข้างโซนด้านหลังบ้าน ภายในมีขนาดกว้างขวาง จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่เอาไว้ตรงกลางพร้อมกับมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้เดินได้สบาย และยังสามารถจัดวางโต๊ะหัวเตียงพร้อมโคมไฟแบบแขวนเอาไว้อีกด้วย มุมห้องด้านในจัดวางอาร์มแชร์สำหรับเป็นมุมพักผ่อน เอาไว้นั่งอ่านหนังสือ ปลายเตียงเป็นชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ แนะนำให้ติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังจะทำให้ห้องดูโมเดิร์นขึ้น ด้านในสุดจะเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ยาวขนานกันไปกับตัวห้องก่อนจะไปสุดที่โต๊ะเครื่องแป้งด้านในและห้องน้ำในตัว NARASIRI BANGNA KM.10 นับว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการระดับ Luxury ที่หรูหราที่สุดในเมืองไทย บนทำเลที่มีศักยภาพ หนึ่งใน SANSIRI 10 EAST COMMUNITY ใกล้ทางด่วนและเชื่อมต่อถนนหลายสาย ภายในโครงการเนรมิตสังคมแห่งการอยู่อาศัยร่วมกันอย่างเหนือระดับ ประกอบกับการออกแบบตกแต่งภายในที่ปราณีตและดีไซน์ได้ตามใจราวกับงานศิลปะระดับ Master Piece ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก New York Renaissance Revival เพื่อให้สอดรับกับรสนิยมอันเหนือกว่าและแตกต่างอย่างมีระดับของลูกบ้านทุกคน NARASIRI BANGNA KM.10 The New Luxury Living In SANSIRI 10 EAST Community Presale 24-25 May 2025 นัดหมายเพื่อเข้าชมแบบ Exclusive Viewing https://siri.ly/kMSJM84