KANSAI – คันไซ

KANSAI – คันไซ

_____________________________________________

หลายคนบอก ที่หนายวะ!?!!

แต่ถ้าพูดว่า “โอซาก้า” อ่ะ หลายคนรู้จัก

.

โอซาก้าเป็นเมืองหลักของภูมิภาคคันไซครับ

อยู่ค่อนมาทางตอนใต้ของญี่ปุ่น

เป็นอีกโซนหนึ่งที่กานต์มาเที่ยวบ่อย

ไม่น้อยไปกว่า คันโต และ โทโฮคุ ครับ

.

ทริปนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน

เพราะเดินทางข้ามไปมาหลายเมือง

แต่หลักๆ พักที่โอซาก้า แล้วตอนขากลับก็บินทางนาโกย่า

มีการบินไทย Thai Airways ไว้บริการทั้ง 2 สนามบินครับ

.

นอกจากโอซาก้าแล้ว

แถบนี้ยังมีเกียวโต นารา โกเบ ชิงะ และวากายามะ

เป็นเมืองหลักๆ ของภูมิภาคนี้

ใครชอบกิน ช้อป เที่ยว ให้ไปโอซาก้า

เมืองที่เราลงเครื่องพอดี

.

ส่วนใครชอบประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมโบราณ

อยากไปจะเที่ยวป่าไผ่ อาราชิยาม่า

และอยากไปเจอเกอิชา ก็ต้องไปที่เกียวโต

ที่นี่จะฝรั่งต่างชาติเยอะหน่อย

เพราะเค้าชอบมาดูของเก่าเล่าเรื่องอดีต

.

อยากกินเนื้อย่างเกรดดี ต้องไปที่โกเบ

ไปแล้วจะงง!!! ว่าร้านไหนดี

มีเข็มขัดแชมป์กันทุกร้าน!!

นอกจากนี้ ที่โกเบ กานต์ยังชอบไปเดินหมู่บ้านฝรั่ง

แล้วไปนั่งสตาร์บัคส์ ถ่ายรูปบ้านเก่าสวยๆ

.

ใครชอบเข้าวัดวา หรือสายธรรมชาติ

ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์เมื่อ 1,300 ปีที่แล้ว

ก็ต้องไปนารา มีน้องกวางมารอกินขนมด้วย

แต่เดี๋ยวนี้กวางดุนะ ต้องระวัง

.

แล้วก็ไปเที่ยวสวนสนุก Universal Studios Japan™

ไปทำตัวเป็นเด็กอีกครั้ง อยากเที่ยวปราสาทแฮรี่

.

เที่ยว USJ อย่าลืมพกบัตรเครดิต JCB Platinum ไปด้วย

เพราะเค้ามีห้องรับรองพิเศษ ไว้ให้นั่งพักขา

แถมมีทางลัดไปเล่น The Flying Dinosaur

ในโซน Jurassic Park™แบบไม่ต้องต่อคิว

อันนี้ชอบมาก เพราะเซฟเวลาไปได้เยอะเลย

เพราะปกติไปต่อคิวจะเจอแถวยาวมาก 2-3 ชั่วโมงได้

.

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ

ใครชวนปุ๊บ มาปั๊บ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก

เที่ยวเท่าไรก็ไม่หมดสักที

อาจจะมีเที่ยวซ้ำบ้างก็เพราะชอบ

อาจจะไปตามรอยที่ใหม่ๆ บ้าง

ที่ไม่ใช่ภูมิภาคคันไซเสียทีเดียว

ทริปนี้มีนั่งรถไฟเลยไปทางจังหวัดมิเอะ

ไปดูดอกบ๊วยที่บานสวยไม่แพ้ซากุระ

ปีนึงมีครั้งเดียวเหมือนกัน อากาศเย็นสบาย

.

นั่งรถไฟไปทักทายนายสถานีแมวที่วากายาม่า

จากนั้นก็นั่งต่อลงไปทางใต้ไปฮิโรชิมา

ขึ้นรถลงเรือ เพราะอยากจะไปเห็น เสาโทริอิตั้งอยู่กลางทะเล

.

ป่ะ ไปเที่ยวแถบคันไซ และจังหวัดใกล้เคียงด้วยกันนะครับ

.

#KANT#KΔNT#JCB#JCBPlatinum

#leisuretravel#hotellifestyle

#journalisttravel#hotelsblogger

#travelblogger#luxuryblogger#luxurytravel

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
ใครชวนปุ๊บ มาปั๊บ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
เที่ยวเท่าไรก็ไม่หมดสักที
อาจจะมีเที่ยวซ้ำบ้างก็เพราะชอบ
อาจจะไปตามรอยที่ใหม่ๆ บ้าง
ปนๆ กันไป
ใครมีที่เที่ยวใหม่ๆ ในญี่ปุ่นอยากแชร์
ก็โพสต์ไว้ได้เลยครับ

ชอบรูปนี้
ดูเผินๆ เหมือนไม่ใช่ญี่ปุ่น ออกไปทางยุโรป
แต่รูปนี้ถ่ายที่เกียวโตครับ
ย่านช้อปปิ้งเลย เป็นย่านที่ผมมาเดินบ่อยสุด
มาหามุมถ่ายรูปสวยๆ
เน้นความเป็นธรรมชาติของผู้คนที่นี่
เหมือนรูปนี้เป็นต้น

ร้อยคนน่าจะมี 99 คนที่ชอบถ่ายรูปในสถานีรถไฟ
ด้วยความที่มุมได้ แสงไฟดี มีความเปอร์สเปคทีฟนำสายตา
ถ่ายออกมาทีไร รูปก็ดูสวยแปลกตาดีครับ
มาญี่ปุ่นช่วงนี้ก็แต่งตัวสบายๆ
กางเกงขาสั้น กับแจ็คเก็ตสักตัว
เฟอร์ไม่ต้อง ขนมิ้งเก็บไว้ก่อน
เพราะมันไม่ได้หนาวอะไรขนาดนั้น

ขอบคุณเสื้อผ้าเท่ๆ จาก CC Double O

เดี๋ยวนี้รูทญี่ปุ่น มีหลายสายการบินให้เลือกใช้บริการครับ

ใครชอบบินเจ้าป้าแบบผม ก็ยิ่งสบาย เพราะประจำการในเกือบทุกสนามบิน

ทริปนี้บินลงโอซาก้า กลับทางนาโกย่า สบายๆ เลยครับ
เวลาบินก็หลากหลาย ใครชอบนอนบนเครื่องมาแบบผม ก็เลือกไฟล์ทดึก ลงเครื่องปุ๊บเช้า ฝากกระเป๋าเข้าโรงแรมแล้วเที่ยวต่อได้ทันที

ทริปนี้ เน้นพักใกล้สถานีโอซาก้า เพราะว่าต่อรถไฟง่าย เนื่องจากเราจะไปในหลายเมืองครับ

เที่ยวสไตล์ “กานต์” ก็จะเป็นตามคอนเซปต์ เที่ยวเรื่อยๆ ไม่รีบ แต่ละทริปก็อาจจะใช้เวลานานหน่อยครับ

ที่โอซาก้ามีตลาดปลาด้วยนะครับ Osaka Central Fish Market เผื่อใครหิวอยากทานซาซิมิสดๆ

ส่วนตัวกานต์ชอบร้าน Endo Sushi ร้านนี้เป็นร้านซูชิเจ้าดังและเก่าแก่ของโอซาก้า เปิดมาตั้งแต่ปี 1907 ครับ คนก็แน่นพอสมควร พยายามเลี่ยงไปทานหลังเที่ยงหน่อยก็จะดี

จากโอซาก้า สามารถนั่งรถไฟมาลงป่าไผ่ อาราชิยาม่าที่เกียวโตได้เลยง่ายๆ ครับ

การเดินทางก็แสนสบาย แล้วแต่ว่าใครถือพาส หรือซื้อตั๋วอะไร

กานต์ใช้ KTP หรือ Kantsai Thru Pass สามารถขึ้นรถไฟจากสถานี Umeda ที่โอซาก้าขึ้นสาย Hankyu Kyoto Line ไปลงสถานี Katsura ต่อสาย Hankyu Arashiyama Line ไปลงที่สถานี Arashiyama ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

แต่ถ้าใครมี JR Pass ก็สามารถไปขึ้นรถไฟ Shinkansen ที่สถานี Shin-Osaka ไปลงสถานี Kyoto ได้ โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาที จากนั้นก็ต่อรถไฟสาย Sagano Line ไปลงสถานี Saga-Arashiyama นะครับ

วัดทอง คินคะคุจิ (Kinkakuji : 金閣寺) หนึ่งในวัดยอดฮิตของเกียวโต โดยเฉพาะในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย ที่รู้จักจากการ์ตูนเรื่องอิคคิวซัง

ด้วยเอกลักษณ์ของวัดที่เป็นสีทอง ล้อมรอบด้วยสระน้ำขนาดใหญ่ กลายเป็นภาพสะท้อนที่สวยงาม ในตอนแรกนั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อาศัยหลังสละราชสมบัติของโชกุนอะชิคากะ (Ashikaga Yoshimitsu) และเปลี่ยนมาเป็นวัดนิกายเซนในภายหลัง

ที่เกียวโต ถ้าขี้เกียจรอนาน โดยการนั่งรถไฟ นั่งแท๊กซี่เอาก็สะดวกดีครับ ซอกแซกไปได้ไวกว่า

เมื่อมาเที่ยวเกียวโต ก็อย่าลืมมาถ่ายรูปกับเกียวโตทาวเวอร์ มาชมวิวทิวทัศน์เมืองเกียวโตแบบ 360 องศากัน ถ้าใครโชคดี มาในวันที่ฟ้าเปิด ก็อาจจะเห็นได้ไกลถึงเมืองโอซาก้า

ใครถือบัตรเครดิต JCB สามารถรับส่วนลดค่าตั๋วเข้าชมได้ 30% ครับ

เย็นๆ มาเดินเล่นถ่ายรูปกันที่เกียวโต ส่วนตัวกานต์ชอบบรรยากาศตรงพอนโตโชะ (Pontocho) กินพื้นที่ตั้งแต่ถนนชิโจ (Shijo-dori) ไปจนถึงถนนซันโจ(Sanjo-dori)

สังเกตได้ว่าตลอดเส้นทางไม่กว้างนักแต่จะขนานไปกับแม่น้ำคาโมะ เป็นย่านยอดฮิตของคนที่นี่

นอกจากจะมีนั่งพักใจ ถ่ายรูป ปั่นจักรยาน ออกกำลังกายแล้ว บริเวณใกล้เคียงยังรายล้อมไปด้วยร้านอาหารน่านั่งบรรยากาศดีๆ มีผับ บาร์ รับลมเย็นๆ มากมาย

ร้านอาหารริมน้ำส่วนมากมักจะเปิดให้บริการในช่วงเย็นไปจนถึงดึกๆ แต่ถ้าเป็นย่านช้อปปิ้งใกล้เคียงก็จะเปิดตั้งแต่สายๆ ซึ่งถ้ามาเดินในช่วงกลางวันก็จะได้อารมณ์ไปอีกแบบหนึ่ง

ยิ่งค่ำ ก็ยิ่งคึกคัก ทั้งคนเลิกงาน ออกมาทานข้าว ช้อปปิ้ง บรรดานักท่องเที่ยวเองก็มักจะใส่โปรแกรมช้อปปิ้งที่ถนน Shijo-dori ไว้ในช่วงเย็น เพราะที่นี่ถือเป็นหัวใจของเกียวโต เนื่องจากเป็นถนนสายหลักของเมือง มีห้างสรรพสินค้าขึ้นชื่อที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยว อาทิ ห้าง Daimaru, Takashimaya ร้านค้าสองข้างทาง และยังมีร้านอาหาร เครื่องดื่มให้เลือกหลากหลาย

จากนั้นก็มาเดินเล่นย่าน กิออน เพื่อมารอชม เกอิชิ ที่จะมาทำหน้าที่ของตัวเองในช่วงค่ำ

เกอิชา สาวหน้าขาทาปากแดง ม้วนผมกลม สวมชุดกิโมโน มีผ้าโอบิผูกที่ข้างหลัง ถ้าความหมายในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าศิลปิน เป็นคนที่มีความสามารถหลายอย่าง เล่นดนตรีก็ได้ เต้นรำ รินชา เป็นเหมือนคนทำหน้าที่ดูแลแขกในร้านอาหาร ซึ่งกว่าจะเป็นได้ ก็ต้องฝึกต้องลงเรียน จึงเป็นอาชีพที่เก่าแก่และทำเงินได้ดี

ย่านกิออนจะมีเกอิชาเยอะมาก มักจะเจอในตอนหัวค่ำ เวลามาทำงาน แต่เกอิชาจะเดินค่อนข้างเร็ว ไม่หยุดแวะระหว่างทาง

สิ่งที่ไม่ควรทำคือการถ่ายรูปเกอิชาในระยะประชิด โดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน ถือว่าเสียมารยาทมาก ดังนั้น ผมจึงไม่มีรูปเกอิชามาให้ดู แค่เห็นและเก็บไว้ในความทรงจำก็พอแล้ว

นั่งรถไฟจากโอซาก้า ไปเดินเล่นที่โกเบกันดีกว่า นั่ง JR จากสถานีโอซาก้า ใช้สาย Tokaido/Sanyo Line ไปลงที่สถานีซันโนะมิยะ (Sannomiya Station) ประมาณ 20 นาที ราคา 410 เยน

โกเบ เป็นเมืองท่าที่ติดต่อค้าขายกับต่างชาติมาตั้งแต่อดีต เลยมีการผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมญี่ปุ่นและตะวันตก เห็นได้ชัดจากอาคารบ้านเรือนและอาหารการกิน

ย่านที่เราจะไปเป็นย่านบ้านพักชาวต่างชาติ คิตะโนะ (Kitano Street) นอกจากบ้านและคฤหาสน์เก่าแก่แล้ว สองข้างทางก็มีจะร้านกาแฟ เบเกอรี่ ที่ตกแต่งน่ารักๆอยู่ในย่านนี้อีกหลายร้านให้ได้นั่งพัก กินบรรยากาศสบายๆ และต่างพร้อมใจกันทาสีเป็นสีน้ำตาลเข้ม #มีความคุมโทน

จุดหมายปลายทางของกานต์ ไม่ใช้เนื้อโกเบ แต่เป็นร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ที่ติดอันดับสวยที่สุด 1 ใน 10 สาขา ของญี่ปุ่น

บ้านหลังนี้ชื่อว่าคิตาโนะ โมโนกาตาริคัง ถือเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สร้างขึ้นในปีค.ศ.1907 นับอายุได้กว่า 100 ปี

เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นเก่าแก่สไตล์ยุโรป ภายหลังถูกปรับปรุงโดยใช้สีขาวตัดกับสีเขียว มีโลโก้สตาร์บัคส์แขวนอยู่ด้านหน้า

มีที่นั่งทั้งในตัวร้านและด้านนอกโซนหน้าร้าน เป็นสาขาที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาทานกาแฟและถ่ายรูปอยู่เสมอ

ป้ายร้านสตาร์บัคส์ คุมโทนสีน้ำตาลเข้มให้เหมือนกับบ้านหลังอื่นๆ ในย่านนี้ ส่วนบรรยากาศในร้านก็ถือว่าเงียบสงบดี มีความขลังจากตัวบ้าน และการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ ดูคลาสสิคมากๆ เห็นได้จากการอนุรักษ์สไตล์บ้านวินเทจแบบฝรั่ง มีเตาผิง กรอบรูปติดผนัง มีแชนเดอเลียร์แขวนจากเพดาน เวลาเดินจะได้ยินเสียงไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดเล็กน้อย

ส่วนตัวชอบนั่งโต๊ะมุมริมหน้าต่างโซนด้านหน้าบ้าน จะได้มองเห็นคนที่ผ่านไปมาได้ เพลินตาดี

เห็นกวางก็รู้เลยว่า ไปเที่ยวนารา ช่วงที่วัดTodai-ji คนก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปแต่อย่างใด ยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมน้องกวางกันไม่ขาดสาย จนมีข่าวว่า “กวางเบื่อ”

ส่วนตัวคิดว่า ยืนมองดูและแอบถ่ายรูปก็พอครับ การที่พยายามเข้าหากวางมากๆ อาจจะทำให้อัตวิสัยของกวางเปลี่ยนไป จะเห็นว่ากวางมีทั้งเชื่องและดุมากๆ บา
ทีเจอแจ็คพ็อตอาจจะเกิดอันตรายได้

แอบมองกวางอยู่นะจ๊ะ เธอไม่รู้บ้างเลย

โอซาก้าในช่วงค่ำ ยังคงเต็มไปด้วยสีสัน

มาเดินเล่นกันย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ย่านการค้าชื่อดังของโอซาก้าที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 380 ปี ตั้งอยู่ใกล้กับนัมบะและโดทงโบริ จุดท่องเที่ยวยอดนิยมในโอซาก้า สามารถยิงยาวได้ทั้งวันทั้งคืน

ที่นี่มีร้านค้าทั้งโนเนมและแบรนด์เนมมากมาย ปะปนกันไป ใครชอบความบันเทิงก็มีครบ

ยืนมองน้องคนนี้เต้นอยู่นาน เก่งมาก จบเพลงทีมีคนปรบมือกันเกรียวกราว

ถึงแล้วแลนด์มาร์กของโอซาก้า ถือเป็นจุดเริ่มต้นการเที่ยวโอซาก้าที่สะพานเอบิสึ ตรงกลางโดทงโบริ เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตคือป้ายไฟนีออนกูลิโกะแมน (Glico Man Billboard) หรือ ที่เรียกว่า เอะซะกิกูลิโกะ โนะ ฮันบัง

ป้ายกูลิโกะ แห่งโดทงโบริอันแรกนั้นถูกติดตั้งครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1935 ปัจจุบันเป็นป้ายเวอร์ชั่นที่ 6 แล้วครับ เน้นความเรียบง่าย ด้านหลังกูลิโกะแมนจะมีจุดวงกลมสีแดงอันใหญ่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งธงชาติญี่ปุ่นอันหมายถึงพระอาทิตย์อยู่ตรงกลาง และที่สำคัญคือการเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED เพื่อสดุดี 3 นักวิทยาศาสตร์แห่งญี่ปุ่นที่ได้รับ รางวัลโนเบล (Noble Prize) ในสาขาฟิสิกส์ ในฐานะผู้ประดิษฐ์หลอดไฟ LED ที่มีส่วนช่วยเปลี่ยนโลกและประหยัดพลังงานได้อย่างมหาศาล

ที่โอซาก้ายังมีไฮไลท์อีกอย่างคือ ユニバーサル・スタジオ・ジャパン / Universal Studios Japan (USJ) สวนสนุกขนาดใหญ่ที่เนรมิตโลกในจินตนาการของเราออกมาเป็นสถานที่แห่งความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นแฮรี่ พอร์ตเตอร์ มินเนี่ยน ไดโนซอร์ จูราสสิคพาร์ค สไปเดอร์แมน

กานต์มากี่ครั้งจะชอบครับ เป็นสถานที่ที่ถ่ายรูปสวย มีสีสัน มีชีวิตชีวา อาจจะไม่ค่อยเน้นเล่นเครื่องเล่นเท่าไร เพราะคนเยอะมาก แต่ถ้าใครอยากเล่นจริงๆ ก็แนะนำให้วางแผนกับเวลาให้ดี

หรืออาจจะมีตัวช่วย ซื้อบัตร Express Pass เพิ่ม เพราะจะเหมาะสำหรับคนที่อยากเก็บเครื่องเล่นแบบเก็บครบ เลือกได้ทั้ง Express Pass 4 และ Express Pass 7 ซึ่งแต่ละอันก็แยกประเภทไปอีก

และทุกครั้งที่มาจะต้องตื่นมาแต่เช้า เพื่อรอประตู USJ เปิด (และแต่ละวันเปิดไม่เท่ากันเป๊ะๆ ราว 8.30 น.)

ใครเป็นแฟนแฮรี่ มักจะวิ่งกรูไปที่นั่นก่อน ซึ่งก็จริงๆ เพราะถ้าใครมากลุ่มแรกๆ จะรอไม่นาน จากนั้นก็มาเก็บเครื่องเล่นแต่ละตัว

แนะนำว่า ถ้าอยากได้เร็วให้เข้าแถวซิงเกิ้ล ยอมแยกกับเพื่อนสักพัก อาจจะมีที่นั่งว่างง่ายขึ้น

บางจุดที่ผมเล่น ก็อาจจะไม่ได้มีรูปเพราะต้องเก็บกล้อง แต่ส่วนตัวชอบ Spider Man the Ride เป็นเครื่องเล่น 4D ตื่นเต้นเร้าใจแต่ไม่หวาดเสียวมาก กลัวหัวใจจะวายก่อน ต่อคิวรอไม่นานประมาณ 40 นาทีได้

ส่วนจุดอื่นๆ ก็ผ่านไป เน้นถ่ายรูปบ้าง กินบ้าง จะใช้เวลามากที่สุดก็ตอนต่อคิวนี่แหละ

ส่วนใครที่มีบัตรเครดิต JCB Platinum ที่ออกโดย JCB Thailand สามารถรับสิทธิพิเศษภายใน ユニバーサル・スタジオ・ジャパン / Universal Studios Japan (USJ) ได้ ด้วยการพักเหนื่อยที่ห้องรับรองตั้งอยู่โซน Jurassic Park ตรงเครื่องเล่น The Flying Dinosaur เพราะว่าจะมีสิทธิพิเศษเป็น Priority Access เพื่อเป็นทางลัดในการเข้าเล่นเครื่องเล่น The Flying Dinosaur ได้

เล้าจน์ของ JCB ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่นะครับ พักเหนื่อยได้ชั่วขณะ มีเครื่องดื่มกับขนมเล็กน้อยไว้บริการ แต่อาจจะต้องทำการจองมาตั้งแต่ตอนอยู่เมืองไทย โทนเข้า JCB PLAZA Lounge กรุงเทพฯ ต่อสายตรงจองเล้านจ์ JCB ภายใน USJ เบอร์โทร 02-256-9150 จองก่อนเข้าใช้ไม่ต่ำกว่า 3 วันทำการครับ

เอาเข้าจริงเครื่องเล่น The Flying Dinosaur อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนกลัวความสูง และมีความผิดปกติเช่นเป็นโรคหัวใจ ความดัน เพราะมันสูงและเสียวมากกกกก ได้คะแนนความเสียวเกือบเต็ม 5 และเป็นอีกเครื่องเล่นที่คนต่อคิวยาวมาก ไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงได้ ดีที่ได้ Priority Access จาก JCB ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะเลย

โซนแฮรีเป็นโซนเริ่มและโซนจบของผมครับ ก็คนมันชอบนี่เนอะ ให้ทำยังไงได้เราได้เห็น “เพื่อนๆ” (เพื่อนหลาน 555) ใส่ชุดนักเรียนเป็นบ้านต่างๆ น่ารักเชียว

โซนแฮรี่ นี่คนเยอะจริงๆ ตลอดทั้งวัน คอนเซปต์ก็จะเริ่มจากนั่งรถไฟด่วนจากสถานีคิงครอสมาลงที่ฮอกส์มี้ด มีชุดขาย มีไม้ร่ายมนต์ขาย มีบัตเตอร์เบียร์ รสชาติไม่ค่อยอร่อยแต่หอมดี ใครจะเล่นเครื่องเล่นก็ไปที่ Hogwarts Castle Walk

เครื่องเล่นชื่อ Harry Potter and The Forbidden Journey กานต์ไปเล่นมาแล้วในรอบเช้า เพราะคนน้อยกว่านี้เยอะ ส่วนอีกตัวเป็นรถไฟเหาะน่ารักๆ ชื่อ Flight of the Hippogriff สำหรับเด็กๆ อยู่โซนด้านนอก คนไม่ค่อยเยอะเท่าไร

ข้อดีของ ユニバーサル・スタジオ・ジャパン / Universal Studios Japan (USJ) คือการมีแฮรี่ พอร์ตเตอร์ ที่เดียวในโลก

แต่ตามมาด้วยข้อด้อยคือ คนเยอะมากกกกกก ต้องวางแผนให้ดี

ปราสาทฮอกวอตส์ยามค่ำคืน

นั่งรถไฟไปวากายามะ ไปทักทายนายสถานีแมว

แต่ละวันจะมีรถไฟหลายแบบวิ่งสลับกัน มีทั้งรถไฟปกติ รถไฟตกแต่งสไตล์แมว รถไฟสายของเล่น รถไฟสตอเบอรี่

ตรวจสอบเวลาที่เว็บก่อนครับ http://www.wakayama-dentetsu.co.jp/timetable/mobileE/201903/

ลงที่สถานีปลายทาง Kishi เพื่อแวะทักทายนายสถานี Nitama นายสถานีรุ่นสอง ซึ่งจะนั่งๆ นอนๆ เฝ้าสถานีอยู่ และทักทายแฟนคลับที่มาเยี่ยม

มาที่สถานีนี้อาจจะดูเหมือนเป็นโลกของแมว เพราะมีทุกอย่างที่ออกแบบมาแบบแมวๆ เช่น คาเฟ่ ขนม ของที่ระลึก

อีกหนึ่งไฮไลท์ของทริปโอซาก้า คันไซ คือการมาถ่ายรูป เสาโทริอิ (Torii) ที่ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ ไทฉะ (Fushimi Inari Taisha) หรือ ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว สร้างขึ้นเพื่อถวายให้แด่เทพเจ้าแห่งการกสิกรรม เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 711 ต่อมาได้มีการเปลี่ยนสถานที่ จนมาเป็นตัวอาคารศาลเจ้าหลัก Honden ที่เราเห็นอยู่นี้ ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1499

ภาพที่เห็นคือคนเยอะ เอ๊ยย ไม่ใช่ คือ เสาโทริอิสีแดงส้ม นับหมื่นต้น ที่ตั้งเรียงรายติดกัน จนกลายเป็นอุโมงค์เสาโทริอิที่ยาวถึง 4 กิโลเมตร ซึ่งตามตำนานคือเป็นสัญลักษณ์แทนประตูเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า

ดังนั้น ที่ด้านหน้าศาลเจ้าชินโตทุกแห่งในญี่ปุ่นจึงต้องมีเสาโทริอิตั้งเอาไว้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์บอกแก่ผู้ที่มาว่า จากนี้ไปจะเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าแล้ว

ชอบบรรยากาศยามเย็นในศาลเจ้าแห่งนี้มาก ช่วงเย็นคนเริ่มซาๆ ความสงบจะกลับมาอีกครั้ง และยิ่งเสาโทริอิ ถูกฉาบด้วยแสงสีทองของพระอาทิตย์อัสดง ยิ่งคงเสน่ห์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี

แถมเรื่องเสาโทริอิ ให้อีกที่ ซึ่งเป็นไฮไลท์เหมือนกันครับ แต่ไม่ได้อยู่ในคันไซ หากแต่อยู่ที่ ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ หรือ “มิยาจิม่า” ซึ่งแปลว่า “เกาะศาลเจ้า” เพราะสมัยก่อนเป็น “เกาะที่มีศาลเจ้าซึ่งห้ามคนเข้า” มีตำนานเล่าว่า นอกจากกวางที่เชื่อกันว่าเป็นผู้ส่งสารของพระเจ้าแล้ว ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ สามารถเข้าไปในเกาะแห่งนี้ได้

แต่อาจจะเป็นเพราะการเดินทางที่ไกลและลำบากพอสมควร ขนาดเรายังต้องนั่งรถไฟมาจากโอซาก้า มาที่สถานีมิยาจิม่ากุจิ แล้วลงมาต่อเรือเฟอรี่ข้ามไปยังเกาะอีก ใช้เวลาพอสมควรเลยครับ

นั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามมาไม่นาน ประมาณ 10 นาทีได้ ก็มาถึงเกาะ คนเยอะตลอดทั้งวัน เพราะมีทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว

บนเกาะก็เดินสบายๆ ครับ บริเวณทางไปศาลเจ้าจะเจอแผงขายของกิน ของฝากเยอะแยะ เอาไว้ซื้อตอนขากลับจะดีกว่า

ระหว่างทางก็เจอน้องกวางเหมือนที่นารา แต่กวางที่นี่จะนิ่งๆ กว่า เช่นเคยครับ เราไม่เอาตัวเข้าไปใกล้ ไม่ต้องชิดมาก ปล่อยให้เขาได้อยู่เป็นนางแบบสวยๆ ให้เราก็พอ

เดินเท้าราว 30 นาที แวะซื้อขนมกินบ้าง เราก็มาถึงที่ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ มีจุดเด่นคือเสาโทริอิสีเเดงที่ตั้งอยู่กลางทะเล น้ำหนักประมาณ 60 ตัน ถูกสร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 11 ตัวเสาก็สึกกร่อนไปตามเวลา และมีการบูรณะใหม่หลายรอบ

ถือเป็นวิวทะเลที่สวยงาม คลาสสิคและขลังมาก ถ้าช่วงกลางวัน น้ำลด เราจะสามารถเดินไปยังทะเลเพื่อถ่ายรูปกับเสาได้อย่างใกล้ชิด

ไปมิเอะกันดีกว่า ใช้ Kintetsu Rail Pass ตั๋วรถไฟที่นั่งจาก โอซาก้าไป นาโกย่าได้เลย เราจะนั่งไปจังหวัดมิเอะ เพื่อชมเทศกาลดอกบ๊วยกันครับ สวนที่กานต์จะไปชื่อ Suzuka no Mori Teien หรือ Suzuka Forest Garden (鈴鹿の森庭園) ในเมือง Suzuka ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการเพลิดเพลินไปกับดอกบ๊วยที่สวยและอลังการที่สุดในญี่ปุ่นครับ

รถไฟขบวนนี้เป็นรถด่วน แม้จะมีพาสก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกเล็กน้อยครับ แต่ก็ประหยัดเวลาไปได้เยอะเลย

ที่สวน Suzuka no Mori Teien หรือ Suzuka Forest Garden (鈴鹿の森庭園) ในเมือง Suzuka จังหวัด Mie มีต้นพลัมหรือดอกบ๊วยกว่าร้อยสายพันธุ์ มีตั้งแต่สีขาวไปจนถึงสีชมพูสดใส ไล่ไปจนสุดที่สีบานเย็น รวมๆ แล้วประมาณ 300 ต้น แต่ละต้นได้รับการจัดภูมิทัศน์และดูแลรักษา ตัดแต่งกิ่งให้กิ่งและดอกมีความสวยงามและคงความสมดุลของต้นเป็นอย่างดี

วิธีการดูแลของคนสวนญี่ปุ่น เขาทำแบบนี้ครับ

เริ่มตั้งแต่การปลูก จะมีการปรับรูปทรงของต้นโดยการปลูกแล้วขุดออกมาเปลี่ยนมุมแล้วปลูกใหม่ หมุนไปจนครบทั้ง 360 องศา เพื่อให้ต้นไม้โดนแสงแดดทุกด้าน เกิดการเจริญเติบโตที่สมดุลทุกส่วน ซึ่งการดูแลแบบนี้เป็นเรื่องยากมาก แต่ที่นี่ก็สามารถดูแลได้ถึง 300 ต้น ครับ มี 2 ต้นที่อายุเกิน 100 ปีแล้ว ดังนั้นที่นี่เลยเป็นสถานที่ที่โด่งดังสำหรับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นในช่วง 2-3 ให้หลังมานี้ และกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่จะพลาดไม่ได้สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราครับ

ข้อดีอีกอย่างของการมาชมเทศกาลดอกบ๊วยคือ จะเป็นดอกที่บานแล้วอยู่ทนนาน สามารถมาดูได้นานกว่าดอกซากุระ ที่ค่อนข้างจะร่วงเร็วหลังบานเต็มที่ ประมาณ อาทิตย์เดียว แต่ดอกบ๊วยจะบานนานประมาณ 2 เดือนครับ โดยเฉพาะช่วงต้นเดือนมีนาคม ดอกบ๊วยจะสวยเป็นพิเศษ ส่วนช่วงค่ำจะมีการประดับไฟ เสริมความสวยให้ดอกบ๊วยงดงามมากยิ่งขึ้นไปอีกครับ

ผมใช้วิธีการเดินชมเป็นวงกลม คล้ายๆ กับรูปเลข 8 ครับ เดินช้าๆ ไปรอบๆ ค่อยๆ หามุมเก็บรูปไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หาที่นั่งพัก อาจจะมีบางจุดที่คนเยอะ ก็รอเวลา ไม่ลืมที่จะแบ่งปันให้คนอื่นได้ชื่นชมความงามบ้าง

เริ่มเดินวนซ้ายไปก่อน จากนั้นค่อยวนวงขวา อาจจะมีบางจุดเป็นทางชัน เมื่อขึ้นไปจะมองเห็นสวนในมุมสูงซึ่งมีภูเขาอยู่ด้านหลังครับ สวยงามไปอีกแบบ ประมาณ 6 โมงเย็น สวนจะเริ่มเปิดไฟครับ

จังหวะเวลาที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดสีสันที่แปลกใหม่ ภายใต้การออกแบบและการเอาใจใส่อย่างเต็มที่ … นี่คืองานศิลปะที่มีชีวิตอย่างแท้จริง!!

ใช้เวลาก่อนกลับเดินเล่นเมืองมิเอะ เป็นเมืองเงียบๆ น่าอยู่ดีครับ ขากลับ ผมบินออกจากทางนาโกย่าเลยครับ ใช้บริการ Thai Airways การบินไทย เหมือนเคย

ชอบลุ๊คส์นี้ของตัวเองเหมือนกันครับ ดูวัยรุ่นดี ขอบคุณเสื้อผ้าจาก CC Double O ส่วนรองเท้า อาจจะเปรี้ยวๆ หน่อย Adidas PHARRELL WILLIAMS BBC HU NMD

การเที่ยวนี่ก็ดีไปอีกอย่าง ทำให้เราสนุก เพลิน ลืมแก่ไปชั่วขณะครับ 555

พบกันใหม่ทริปหน้านะครับ

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน