INE, JAPAN

คิดถึงเนอะ – อิเนะ

อิเนะไม่ใช่ชื่อคน แต่เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น

อารมณ์เหมือนแม่กำปองแหละ ต้องขับรถไป🚘อิเนะ (INE) อยู่ห่างออกมาจากเกียวโตประมาณ 80 กิโลเมตรการเดินทางที่สะดวกคือ … ขับรถครับ

ขับจริงๆ ประมาณชั่วโมงนิดๆ แต่ระหว่างสองข้างทางวิวคือสวยมาก จนอยากจะจอดรถถ่ายรูปหลายๆ รอบ ก็กลัวว่าจะถึงหมู่บ้านค่ำไป ที่นี่เป็น Unseen in Japan ที่กำลังได้รับความนิยม ถ้ามาแล้วหานอนเกสต์เฮ้าส์ซึ่งจะเป็นบ้านหลังเล็กๆ เรียงรายเลียบกันไปกับแนวเส้นโค้งที่ทอดยาวของอ่าวอิเนะ เรียกว่า “ฟุนายะ” (Funaya) ครับ

ฟุนายะมีลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นท่าจอดเรือ ส่วนชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัย เป็นลักษณะทางสถาปัตยกรรม แบบดั้งเดิมในท้องถิ่น เพื่อให้สามารถออกเรือจากบ้านไปหาปลาได้สะดวกรวดเร็ว ตอนนี้มีฟุนายะหลายหลัง ปรับปรุงเป็นที่พักและร้านอาหาร เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวด้วย

ส่วนที่พักของผมในทริปนี้คือ Cafe’ guri อ่านไม่ผิดหรอกครับ ที่นี่ชั้นล่างคือคาเฟ่ ส่วนชั้นบนเปิดให้พัก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีแค่ห้องเราห้องเดียวเท่านั้น อารมณ์เหมือนมานอนบ้านเพื่อนชาวญี่ปุ่น สามารถจองผ่าน https://guri-ine.com/ ได้เลยครับ แนะนำให้แพลนล่วงหน้าไว้นานๆ เพราะเต็มเร็วมาก

ไปชมภาพที่กานต์ถ่ายมาฝากกันดีกว่าครับ

ชมภาพถ่าย INE เพิ่มเติมได้ที่ IG : https://www.instagram.com/kantjournal/

ฟุนายะที่เรียงรายจนกลายเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยว

ถ้าไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะยิ่งดีมาก

ระยะทางห่างจากเกียวโตประมาณ 80 กิโลเมตร แนะนำว่าเช่ารถขับดีกว่า เพราะถ้ามาด้วยรถไฟไปต่อรถโดยสารประจำทางเข้าหมู่บ้าน จะใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง

มุดอุโมงค์ลอดภูเขาลูกนี้ไปก็จะถึงแล้วครับ

ข้อดีของการขับรถคือ เราจะได้ชมบรรยากาศสองข้างทางและแวะมันได้ตลอดเวลา มันก็จะได้ฟีลเก๋ๆ เบาๆ แบบที่เห็นในรูป มีหมอกลงบางๆ ตลอดทาง ถ่ายรูปออกมาสวยดีครับ

เมื่อเห็นถนนเลียบทะเลแบบนี้ ก็แปลว่า ใกล้ถึง “อิเนะ” แล้วครับ ตอนนี้เราอยู่ใกล้กับเมือง อามาโนะฮาชิดาเตะ ซึ่งเป็นจุดต่อรถ สำหรับใครที่มาทางรถไฟจะลงที่สนานีของเมืองนี้ จากนั้นจะต้องต่อรถประจำทางไปอีก ประมาณ 20 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 55 นาที แต่ต้องเช็คตารางเดินรถให้ดีๆ นะครับ เพราะรอรถแต่ละเที่ยวคือนานมาก

อีนี่ มา อิเนะ

และแล้วเราก็มาถึงหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น นั่นก็คือ หมู่บ้านอิเนะนั่นเองครับ น่าเสียดายที่ตลอดเวลาที่ผมพักอยู่ที่นี่ ฝนตกตลอดเวลา ทำให้ฟ้าอาจจะไม่สวย มีฝนตกปรอยๆ ตลอดวัน แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

ฟุนายะ ที่เรียงรายเหล่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตสงวนสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยบ้านฟุนายะจะถูกออกแบบให้ชั้นล่างเป็นท่าจอดเรือสำหรับหาปลา ส่วนชั้นบนเป็นที่พักอาศัย ปัจจุบันมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปพักแรมได้ด้วย

สมัยก่อนชาวบ้านในอิเนะ จะทำอาชีพประมงกันเกือบทั้งหมด แต่ปัจจุบันเหลือชาวประมงไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเปลี่ยนไปทำงานบริษัทกันหมด ทำให้บรรยากาศตอนเช้าของอิเนะ จะมีผู้คนเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน ส่วนบรรดาเรือหาปลาจะออกไปทิ้งอวนตั้งแต่เช้ามืด

อย่างไรก็ตาม การที่อิเนะเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชีวิต ดังนั้น นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องทำความเข้าใจ ปฏิบัติตามระเบียบของชุมชนอย่างเคร่งครัด เนื่องจากชาวประมงที่นี่ต้องตื่นแต่เช้ามืด และบางคนต้องออกหาปลาตอนค่ำ จึงต้องนอนกลางวัน ดังนั้นไม่ควรเสียงดัง ตลอดจนการไม่ล่วงล้ำเข้าไปในบ้านฟุนายะ ที่เป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล ไม่ถ่ายรูปบุคคลและบ้านที่ไม่ได้เปิดเป็นพื้นที่สาธารณะครับ

บ้านฟุนายะที่อิเนะ กลายเป็นจุดเด่นเฉพาะตัว ทางการได้เข้ามาประกาศเป็นหมู่บ้านอนุรักษ์และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวประมงแบบโบราณ ตั้งแต่การตกปลา การปลูกข้าว รวมทั้งยังขึ้นชื่อด้านอาหารทะเลสดใหม่ด้วย

การได้เอาตัวเองไปแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างภูเขากับทะเลที่เงียบสงบ โอบล้อมด้วยเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นที่นี่ ทำให้ทุกวินาทีที่อิเนะ มีเสน่ห์บางอย่างและมีเสียงลมกระซิบผมว่า

“ไว้มาเที่ยวอีกนะ”

ผมไม่ได้รู้สึกแย่สักเท่าไรนัก แม้ตลอดเวลาที่พักอยู่ในหมู่บ้านอิเนะ จะมีฝนตกพรำตลอดทั้งวัน แม้จะเป็นช่วงหน้าหนาวแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหงาแต่อย่างใด กลับเป็นความรู้สึกใหม่ที่ทำให้เราเข้าใจในธรรมชาติมากขึ้น

บรรยากาศแถบท่าเรือ

ฝนตกตลอดเวลา

ตอนนี้มีฟุนายะหลายหลัง ปรับปรุงเป็นที่พักและร้านอาหาร เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวด้วยครับ

ศูนย์ท่องเที่ยวประจำเมือง

เราสามารถเดินเล่นได้รอบๆ หมู่บ้านเลยครับ

สำหรับที่อิเนะ ผมว่าเหมาะกับการมาถ่ายรูป พักผ่อนมากกว่า เพราะไม่ค่อยมีสถานที่เที่ยวไฮไลท์อื่นๆ มากนัก

กิจกรรมยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว คือการล่องเรือชมอ่าวอิเนะ โดยเรือจะพาวนรอบอ่าวอิเนะซึ่งรายล้อมไปด้วยบ้านแบบฟุนายะ และยังได้เพลิดเพลินไปกับการให้อาหารกับฝูงนกนางนวลที่บินแวะเวียนมาที่เรืออีกด้วย

กิจกรรมนี้ใช้เวลาไม่นานประมาณ 30 นาทีครับ

ที่พักของผมในทริปนี้คือ CAFE & BB guri

ผมชอบที่นี่เพราะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านชาวญี่ปุ่นแท้ๆ มองไปนอกหน้าต่างเห็นวิถีชีวิต ผู้คน

ถ่ายภาพตัวเองเก็บไว้เป็นที่ระลึกนิดหน่อย ไปเที่ยวคนเดียวก็อาศัยกระจกเงาบ้าง ขาตั้งกล้องบ้าง

อารมณ์เหมือนนอนเพนท์เฮ้าส์ เพราะชั้นบนทั้งชั้นจะเป็นของเรา

ไฮไลท์อีกอย่างที่ผมชอบคือ ที่นี่มีจอโปรเจคเตอร์สำหรับดูหนังครับ ให้ความรู้สึกถึงการเป็นทริปพักผ่อนที่แท้จริง

เจ้าของบ้านเตรียมแผ่นหนังเกี่ยวกับการเดินทางไว้เยอะมาก แต่หนังเรื่องโปรดของผมก็ยังคงเป็น “The secret life of walter mitty” ที่เป็นแรงบันดาลใจในการเดินทางให้ผมมาจนถึงทุกวันนี้ครับ

เหมือนคนญี่ปุ่นมะ

มีของว่างและชาญี่ปุ่นให้บริการ ชงเองนะ

ทุกเช้า จะมีเซ็ทอาหารเช้ามาบริการทั้งแบบญี่ปุ่นและอเมริกัน

ตอนเช้าผมชอบทานข้าวปั้น และกาแฟร้อนๆ ครับ

อิเนะ ผมว่ามานอนสักคืนก็พอนะ สายๆ ตื่นมาก็ไปเที่ยวเมืองอื่นต่อ

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน