DRIVING IN LEH LADAKH

🚙DRIVING IN LEH LADAKH📸✨

ปักหมุด📌เช็คลิสต์ ขับรถเที่ยวเลห์ ลาดัก

_______________________________________

อีกประมาณ 3 เดือนนับจากนี้

เลห์ ลาดักห์จะเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวแล้วครับ

หลังฤดูหนาวและหิมะผ่านพ้น ผู้คนจะหลั่งไหลมาที่นี่

ลาดักห์ จึงกลายเป็นห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่

ที่นักท่องเที่ยวอยากมาเช็คอิน และฟินกับวิวสวยๆ

.

กานต์ ปักหมุดเช็คลิสต์สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์

และจุดที่ต้องไปในแบบอันซีนลาดักห์มาให้แล้วครับ

📍 เลห์ พาเลซ (Leh Palace)

📍 เจดีย์สันติภาพ (Shanti Stupa)

📍 ถนนคนเดิน Leh Main Bazaar

📍 วัด Hemis

📍โรงเรียนสอนศาสนา Namgyal Tsemo Monastery

📍โปตาลาน้อย Thiksey Monastery

📍Lamayuru Moonland ดินแดนโลกพระจันทร์

📍วัด Lamayuru Monastery

📍วัด Alchi Monastery

📍วัด Likir Monastery

📍เมืองในหุบเขา นูบร้า วัลเลย์ (Nubra Valley)

📍ถนนที่สูงที่สุดในโลก Khardungla Top

📍Turtuk หมู่บ้านชายแดนปากีสถาน

📍ทะเลสาบพันกอง (Pangong Lake)

.

จุดถ่ายรูปอันซีน

📸จุดตัดแม่น้ำสองสี

📸หุบเขาเงากระจก

📸Shyok River สายน้ำจากธารน้ำแข็ง

📸ขี่อูฐที่ Hunder

📸ถ่ายรูปกับ Marmot

.

ร้านอาหารบรรยากาศดีที่ต้องไปและทานได้

🍽 Chop Stick

🍽 Cafe Cloud

🍽 Tent Camp

.

“A good traveler has no fixed plans and is not intent on arriving.”

.

นั่นสิ อย่ารีรอ อย่าเลือกเวลา อย่าวางกฎเกณฑ์อะไรให้เยอะไป

จนมัดเราไว้แล้วออกไปเที่ยวไหนไม่ได้!!

เราควรเอาตัวไปอยู่ในที่ที่เราอยากไป ไปแล้วสบายใจ

Die with memories, not with dreams.

ตายไปพร้อมกับความทรงจำ ไม่ใช่ตายในความฝัน

และเมื่อคุณฝันจะไปเลห์แบบฉัน Just do it – ทำมันซะ

.

“If not now, when?”

เพราะถ้าไม่ใช่เป็นตอนนี้ ถามที … จะไปเมื่อไหร่?

แม้ว่ารองเท้าที่ใส่จะไม่ใช่ไนกี้

แต่ขอให้เลือกคู่ที่สวมแล้วสบาย

“เราพร้อมจะลุยกันมานานแล้ว”

Wander often, wonder always, Leh Ladakh

“Travel is my therapy.”

ภายใต้ความเจ็บปวดที่เจอนั้น การเดินทางจะเยียวยาเราเอง

บางทีการได้กลับไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติกว้างใหญ่ อาจจะทำให้เรารู้สึกดีจากการได้ห่างหายจากสารพันปัญหาเรื่องราวที่ถาโถมเข้ามาจนแทบรับไม่ไหว

การให้เวลาเป็นตัวจัดสรร การให้ธรรมชาติเป็นเครื่องบำบัด ปราศจากโลกภายนอกที่วุ่นวาย ไม่มีการติดต่อสื่อสารใดๆ อาจจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น แม้จะเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ตาม

“ตั้งหลักเพื่อตั้งต้น”

No matter how sophisticated you may be, a large granite mountain cannot be denied – it speaks in silence to the very core of your being

ในการจะไปเที่ยวเลห์ ลาดัก หรือแม้แต่เที่ยวที่ไหนก็ตาม

สิ่งสำคัญสำหรับนักเดินทางคือ “ต้องเตรียมข้อมูลไว้เยอะๆ ครับ”

เพื่อที่จะได้เตรียมตัวกันได้ถูกจะได้เที่ยวได้สนุก ไม่กังวล โดยเฉพาะคนที่กลัวว่าจะแพ้อากาศ จะมีอาการแพ้ความสูง

หลายคนบอกว่าไม่รู้จะไปทำไมที่เลห์

แต่กับอีกหลายคนก็บอกว่าเป็นเมืองที่เท่ เกร๋กู๊ด อยากไปมาก

โดยเฉพาะใครที่ชอบแนวธรรมชาติ ภูเขา ลำธาร ต้นไม้ หิมะก็จะพบว่าทุกอย่างที่นี่ดูยิ่งใหญ่อลังการ เป็นงานธรรมชาติสรรค์สร้างสวรรค์บนดินให้เราครับ

ถึงแม้ว่าการเดินทางหรืออาหารการกินจะดูยากลำบากไปสักหน่อยแต่ก็คุ้มค่ามากๆ และเป็นประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิต

อย่างที่บอกครับว่า

“ถ้าเราไม่ออกเดินทาง เราจะไม่รู้เลยว่า …โลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงใด”

การเดินทางภายในเลห์ก็มีให้เลือกหลายแบบครับ ไม่ว่าจะเป็นเช่าจักรยาน (คงปั่นได้แถบในเมือง) เช่ามอเตอร์ไซค์หรือว่าเช่าเหมารถพร้อมคนขับก็ได้

ถ้าใครจะเช่ารถแบบผม ก็มีตั้งแต่รถเก๋งนั่งได้ 3-4 คน

ไปจนถึงรถ Tempo นั่งได้ประมาณ 10-12 คน

ที่สำคัญก็คือว่าถนนเลห์นั้นเป็นพื้นที่พิเศษ ฉะนั้นเราไม่สามารถที่จะขับรถเองได้เลยครับ เพราะว่าทางค่อนข้างอันตรายการเลือกใช้คนท้องถิ่นเป็นคนขับจึงน่าจะสะดวก ปลอดภัยที่สุด

ถ้าอยากจะจอดตรงไหน พักตรงไหนก็บอกคนขับได้เลยครับเค้าชินแล้ว

การใช้ไกด์ถามว่าจำเป็นไหม จริงๆจำเป็นนะครับ ในการใช้คนท้องที่มาเป็นไกด์ เพราะว่าจะทำให้การติดต่อประสานงาน ดูแลรับผิดชอบถามเรื่องเอกสาร ข้าวปลาอาหาร ร้านค้าแนะนำ โรงแรมที่พัก เราสามารถติดต่อได้อย่างสะดวกสบายและราบรื่นครับ

ฉะนั้นก็ต้องชั่งน้ำหนักดูในในหลายปัจจัยก่อนที่จะตกลงปลงใจว่าจ้างไกด์คนไหนดี

นอกจากนี้การวางแผนในการเที่ยวให้ดีว่าจะไปกี่วัน ไปที่ไหนบ้างก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าใช้จ่ายแปรผันตามไปด้วยครับ

มาถึงเลห์ เช้าวันแรกอย่าเพิ่งเปรี้ยวรีบเที่ยวซะล่ะครับ ควรเข้าโรงแรมไปพักผ่อน เอาแบบให้ได้นอนจริงๆ นะครับ

การนอนให้พอสำคัญมาก มิเช่นนั้นเราจะเพลียมากกกว่าปกติและจะพลอยไม่สบายเอาได้ ยิ่งคืนก่อนหน้าเราอดนอนมาจากการนั่งเครื่องบินข้ามคืน ยิ่งต้องนอนพักให้ได้เยอะๆ

ตื่นมาสักบ่ายๆ ค่อยหาอะไรทาน วิธีทานอาหารที่นี่คือเคี้ยวให้ละเอียดทานให้ช้าๆ เน้นทานผักเยอะๆ จะช่วยให้ย่อยง่าย ไม่ใช้อ๊อกซิเจอมากเกินไป

วันแรกอาจจะแปลกๆ ปวดหัวหน่อยๆ แต่เมื่อปรับตัวให้เข้ากับความสูง 3,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลได้ก็สบายๆ ครับ 

มาถึงเลห์ เช้าวันแรกอย่าเพิ่งเปรี้ยวรีบเที่ยวซะล่ะครับ ควรเข้าโรงแรมไปพักผ่อน เอาแบบให้ได้นอนจริงๆ นะครับ

การนอนให้พอสำคัญมาก มิเช่นนั้นเราจะเพลียมากกกว่าปกติและจะพลอยไม่สบายเอาได้ ยิ่งคืนก่อนหน้าเราอดนอนมาจากการนั่งเครื่องบินข้ามคืน ยิ่งต้องนอนพักให้ได้เยอะๆ

ตื่นมาสักบ่ายๆ ค่อยหาอะไรทาน วิธีทานอาหารที่นี่คือเคี้ยวให้ละเอียดทานให้ช้าๆ เน้นทานผักเยอะๆ จะช่วยให้ย่อยง่าย ไม่ใช้อ๊อกซิเจอมากเกินไป

วันแรกอาจจะแปลกๆ ปวดหัวหน่อยๆ แต่เมื่อปรับตัวให้เข้ากับความสูง 3,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลได้ก็สบายๆ ครับ 

บ่ายแก่ๆ จะไปเที่ยว เลห์ พาเลซ เป็นปราสาทพะราชวังเก่าที่สร้างโดยมีต้นแบบจากทิเบต สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 มีทั้งหมด 9 ชั้น ในอดีตเป็นพระราชวังที่ประทับของราชวงศ์แห่งลาดักห์ การเดินทางต้องนั่งรถขึ้นไปสูงเหมือนกัน

มองจากข้างบนเขาลงมาจะเห็นบ้านเรือนหลังเล็กๆ แออัดกันอยู่กระจุกหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า Old Leh และมองไปอีกฝั่งจะเห็น New Leh ซึ่งดูเจริญกว่ามาก

มุมถ่ายรูปสวยๆ แปลกตา เยอะอยู่ครับ

ตอนเย็นควรไป เจดีย์สันติภาพ(Shanti Stupa) ซึ่งเป็นจุดยอดฮิตที่จะไปชมพระอาทิตย์ตกดิน เป็นเจดีย์สีขาว ขนาดใหญ่โดยญี่ปุ่นเป็นผู้สร้างขึ้นเพื่อประกาศพระศาสนาและแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งสันติภาพโลกและเป็นการฉลองครบรอบ 2,500 ปี ของศาสนาพุทธ เจดีย์นี้ตั้งอยู่บนยอดเขาในแทบจังสปา เวลาพระอาทิตย์ตกดินจะเป็นโมเมนต์ที่สวยมาก

ค่ำๆ ไปเดินเล่นที่ Leh Main Bazaar กันครับ อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม เดินประมาณ 3 นาทีถึง เป็นย่านการค้า เป็นแหล่งรวมร้านค้ามากมาย ทั้งของฝาก เสื้อผ้า เครื่องประดับ ร้านขายยา ร้านหนังสือ เอเจนท์ทัวร์ ร้านเช่ารถ ผลไม้ อาหารการกิน ของสดของแห้ง อยากได้ครีมฮิมาลายา ก็ซื้อหาได้ที่นี่ คนเยอะแยะคึกคักดีไปจนถึงสัก 4 ทุ่มครับ

สถานที่เที่ยวในเลห์ ลาดัก ส่วนมากจะเป็นวัด วังและธรรมชาติครับ วัดที่เราไปล้วนแล้วแต่มีความสำคัญและสวยงาม แต่ว่าอยู่ไกลอ เพราะที่นี่นิยมสร้างวัดเอาไว้บนยอดเขาสูง ด้วยเชื่อว่าเป็นการยกให้พุทธศาสนาเป็นสิ่งบูชาสูงสุด วัดจะมีขนาดไม่ใหญ่ เดินแป๊บๆ ก็เสร็จ แต่เรื่องความละเอียดและความงามนั้นต้องยกให้เลยครับ

วัด Hemis (เฮมิส) ซึ่งเป็นวัดและเป็นโรงเรียนสอนศาสนาด้วย ก่อตั้งโดยลามะชื่อ Stagsang Raspa Nawang ในปีค.ศ. 1630 ซึ่งลามะรูปนี้ได้รับเชิญจาก King Sengye Namgyal ให้มาเป็นผู้นำสงฆ์สูงสุดของเมืองเลห์ในสมัยนั้น

ส่วน Namgyal Tsemo Monastery ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงด้านหลัง Leh Palace สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 (ประมาณปี 1430) โดย King Tashi Namgyal โดยมีไฮไลท์คือพระพุทธรูปทองแดง (แต่เคลือบทอง) ความสูงเท่าตึก 3 ชั้นของ Maitrieya Buddha (พระศรีอริยเมตไตรย) และภาพเขียนสีภายในอุโบสถที่เก่าแก่แต่งดงามมีเอกลักษณ์ ด้านหน้ามักจะมีภาพสังสารวัฏประดับอยู่ทุกวัด

Thiksey Monastery หรือคนที่นี่เรียกว่า โปตาลาน้อย เนื่องจากผู้สร้างตั้งใจจำลองแบบมาจากพระราชวังโปตาลาที่ทิเบต วัดแห่งนี้เป็นหนึ่งในวัดที่สวยงามที่สุดในแคว้นลาดักห์

ข้อดีของการขับรถเที่ยวคือ สามารถจอดได้ทุกจุดที่ต้องการ เพราะวิวสวยมาก

อย่าง Lamayuru ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเลห์ซึ่งสามารถไปเช้ากลับเย็นได้ ออกจากที่พักแต่เช้า เราก็จะมีเวลาแวะถ่ายรูปในหลายจุด (เชื่อเถอะตรงไหนก็อยากจอด)

วิวระหว่างทางไป Lamayuru Monastery หรือดินแดนโลกพระจันทร์

ดูจากภาพเอาเราคงไม่ต้องเล่าอะไรมาก

จุดตัดระหว่างแม่น้ำสองสายคือ แม่น้ำสินธุ กับ แม่น้ำซันสการ์ ซึ่งสีของแม่น้ำทั้งสองไม่เหมือนกัน เราจะเห็นเป็นแม่น้ำสองสีเลย

คนขับรถพาเราไปจอดตรงมุมมหาชนเพื่อถ่ายรูปกัน เรียกว่าถ้าไม่ได้มุมนี้กลับไปแสดงว่ามาไม่ถึงเลห์ ลาดัก

จากนั้นก็นั่งรถต่อไปอีกราวชั่วโมงก็จะถึง Lamayuru Monastery ระหว่างทางจะเห็นภูเขาหินขนาดใหญ่ เหมือนเป็นกำแพงกั้น

Lamayuru Monastery ตั้งอยู่บนภูเขาหิน โดดเด่นเหนือใคร ด้านล่างเป็นบ้านคน

วัด Alchi monastery เป็นวัดที่ใหญ่มากและเป็นไฮไลท์ ของย่านนี้ คือภาพเขียนสีโบราณที่ลามะกลุ่มนี้กำลังจะเข้าไป ซึ่งภายในห้ามถ่ายรูปครับ

วัด Likir Monastery ซึ่งก็เป็นวัดที่มีพระใหญ่เป็นไฮไลท์ ภายในวัดก็สามารถเดินดูได้ ใช้เวลาไม่นานครับ

นูบร้า วัลเลย์ (Nubra Valley) เป็นเมืองในหุบเขา มี Diskit เป็นเมืองหลวงของเขต อยู่ห่างจากเลห์ไปประมาณ 150 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

โดยจะต้องผ่านเส้นทางธรรมชาติที่คดเคี้ยว ขึ้นที่สูง และจะผ่านจุดสูงสุดเป็นเส้นทางสุดหฤโหดไต่ความสูงอ้อมหุบเหวขึ้นสู่ Khardung la top ถนนสัญจรที่สูงที่สุดในโลกกับความสูง 5,363 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

ขึ้นไปบนเขาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหนาวแค่ไหน ด้านบนยังมีหิมะให้เห็น

ป้ายหินสีเหลืองที่ระบุชื่อสถานที่ Khardungla Top ถนนสัญจรด้วยรถที่สูงที่สุดในโลก 18,380 ฟุต ใช้เวลาแปบเดียวเพียงแค่ถ่ายรูปแล้วต้องรีบลงเพราะอากาศเบาบาง หายใจไม่ถนัด แทบขาดใจ

เวลานั่งรถไปตลอดทางจะเจอกลุ่มมอเตอร์ไซค์ ส่วนมากเป็นคนอินเดีย มีฝรั่งด้วย อย่างกลุ่มนี้มาจากออสเตรเลีย ขับรถเที่ยวไปเรื่อยๆ ลุยๆ ดีเหมือนกัน เลยแนะนำว่าครั้งหน้าให้ไปขี่รถเล่นที่เมืองไทย

ทริปหน้าก็คิดว่าอยากขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวบ้าง 555

บางคนก็มาพร้อมจักรยานคู่ใจ

ไปเจอร้านอาหารนึงบรรยากาศเก๋มาก เป็นร้านใหญ่ริมถนนทางผ่านก่อนไปถึงนูบร้าวัลเลย์ ลักษณะแบบแคมป์กางเต๊นท์ที่ฝรั่งนั่งกินกลางแดด มีเรือแคนู ล่องแก่ง ยิงธนู มีต้นเลห์เบอรี่ให้ถ่ายรูป

อีกร้านจะอยู่ห่างจากเลห์ไปทางเมือง Shey ราวๆ 30 กิโลครับ ทางผ่านไป Tiksey

ร้านคือดีย์ มีความร่มรื่น ร้านตกแต่งเก๋ จะนั่งอินดอร์ กลางแจ้งได้หมด เมนูอาหารก็เน้นฝรั่ง ซีซ่าร์สลัดรสชาติดี พิซซ่าคือเป็นอะไรที่ต้องสั่ง

ส่วนแกงเขียวหวาน ค่อนข้างเหมือนที่ไทย เพียงแต่ใส่ครีมแทนกะทิ แต่รสชาติเข้มข้นดีครับ ร้านนี้ชื่อ Cafe Cloud

บรรยากาศยามเช้าที่ Hunder

ผู้คนที่นี่น่ารักยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นอินเดียที่ผสมทิเบต ปนแขกปากี นิสัยดีครับ

ขับรถไปใกล้ชายแดนปากีสถาน เพื่อไปหมู่บ้าน Turtuk เป็นหมู่บ้านประวัติศาสตร์ เพราะครั้งหนึ่ง ผืนดินตรงนี้เคยเป็นอาณาเขตของปากีสถาน แต่นับจากสถานการณ์สู้รบกันระหว่างปากีกับอินเดีย จบลงด้วยอินเดียเป็นฝ่ายชนะ Turtuk จึงอยู่ใต้การดูแลของอินเดียมานับตั้งแต่ปีค.ศ. 1971 เป็นต้นมา

ไฮไลท์ของที่นี่คือดงดอกไม้ ให้เราถ่ายรูปราวกับอยู่สวนแถบยุโรปก็มิปาน ผู้คนก็น่ารัก อัธยาศัยดี มีความทำไร่ทำสวนอยู่กันเงียบๆ ไป พืชผลหลักของที่นี่คือแอปปริคอทครับ

หุบเขาเงากระจก (ตั้งชื่อเองนะ) เป็นจุดผ่านทางตอนขากลับ

Shyok River สายน้ำจากธารน้ำแข็ง สีสวยมาก

ขี่อูฐ 2 หนอกที่นูบร้า วัลเลย์ เป็นกิจกรรมยอดฮิตของที่นี่ เห็นได้จากผู้คนและรถราที่จอดกันเยอะมาก สภาพก็ค่อนข้างวุ่นวายด้วยความไม่เป็นระเบียบของคนอินเดียที่มีอยู่แล้ว เนินทรายที่นี่มีขนาดไม่สูงมาก แต่ก็พอที่จะถ่ายรูปได้

ตื่นเช้าทุกวัน เพราะจะออกจาก Nubra Valley โดยใช้เส้นทาง Shyok เป็นทางลัดไปทะเลสาบพันกอง ที่เราใช้ทางเส้นนี้เพราะว่าไม่อยากกลับเข้าไปค้างที่เลห์ เส้นทางนี้เป็นทางลัดที่ยังไม่ค่อยมีใครเขาไปกันหรอก เนื่องจากต้องเดินทางเป็นชั่วโมงบนถนนแย่มากๆ อย่าเรียกว่าถนนเลยดีกว่า

มีอยู่ช่วงหนึ่งผมถามไกด์ว่า มาถูกทางแล้วใช่ไหม เพราะมองไปเหมือนวิ่งบนแม่น้ำที่น้ำแห้งเหลือแต่หิน จนกลายเป็นถนน ไกด์บอกว่าใช่ เป็นทางลัด

และแล้วก็มาถึง ที่ทะเลสาบพันกอง หรือ Pangong Lake จนได้

(บน) มองจากร้านอาหารลงมาจะเห็นรถราจอดริมทะเลสาบเยอะไปหมด

(ล่าง) มองจากริมทะเลสาบขึ้นไปบนเขา รถก็มาจอดทานข้าวเยอะพอกัน

ทะเลสาบพันกอง หรือ Pangong Lake คนจีนเรียก ฝางกงโฉ ชื่อปางกองหรือพันกองมาจากภาษาทิเบตค่ะ แปลว่า ทะเลสาบยาวๆแคบๆ ความยาวของมัน ยาวพาดสองประเทศ ประมาณ 134 กิโลเมตร ช่วงกว้างสุด 5 กิโลเมตร และจุดที่น้ำลึกสุดคือ 100 เมตร ทะเลสาบตั้งอยู่ระหว่างอินเดียและจีน อยู่ฝั่งอินเดีย 40%ค่ะ นอกนั้นอยู่ฝั่งทิเบต ทะเลสาบนี้เลยอยู่บนพื้นที่ความขัดแย้งทางดินแดนระหว่างจีนและอินเดีย เพราะแต่ละประเทศก็อ้างสิทธิของตัวเอง สมัยก่อนเคยขัดแย้งกันมาก แต่ตอนนี้ไปเที่ยวได้ ถือว่าทะเลสาบนี้เป็นพื้นที่อ่อนไหวอยู่

พันกองเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่สูงที่สุดในโลก ความเค็มของมันน่าจะมาจากแร่ธาตุจากเทือกเขาแถวนั้น

เนื่องจากความสูงของมันอยู่ที่ 4,350 เมตร นี่ระดับยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม แน่นอนว่าอากาศที่นั่นเบาบาง และหนาวมาก ลมแรงทั้งวัน

ระหว่างทางกลับเข้าเลห์ แวะเล่นกับ Marmot ซึ่งหน้าตาคล้ายกระรอก แต่ตัวใหญ่กว่า อาศัยในรู ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมาแวะจอดถ่ายรูปเล่นกับเจ้าตัวนี้กัน เอาแอปปเปิ้ลหั่นมาจากรีสอร์ท กะไว้กินเอง แต่ไม่ละ เอามาแบ่ง Marmot ดีกว่า เอาฟันหน้าแทะน่ารักๆ ติดสินบนด้วยแอปเปิ้ลแป๊บเดียว นอนให้เขี่ยเล่นเลย สงสัยอิ่มจัดซัดไปหลายชิ้น

ผ่านจุดแวะพักเป็นถนนที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ก่อนจะตรงยาวเข้าเมืองเลห์ ลาดักห์

ที่ชอบเลห์ ลาดักห์และอยากชวนมาเที่ยว เพราะที่นี่ยังมีความดิบ ความสด ความธรรมชาติของที่นี่ นึกถึงภาพทิเบตเมื่อสัก ยี่สิบปีที่แล้ว

แต่ที่เลห์ ยังคงเป็นไปตามสไตล์อินเดียคือไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก สร้างยังไม่เสร็จก็สร้างต่อไป วิวก็สวยแบบสาวหน้าสด ปัดแก้มบางๆ ทาลิปสีนู๊ดเบาๆ เท่านี้ก็พอละ

อยากชวนคนข้างๆ คนรู้จัก มาแวะทักทายเลห์สักครั้ง มาเห็น เลห์ ลาดักห์ ด้วยตาเขาเองสักครั้งหนึ่งในชีวิตครับ สวยสุดๆ ฉุดไม่อยู่จริงๆ

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน