Crystal Solana

ถ้าเปรียบ Crystal Solana เป็นผู้หญิง

กานต์ว่าเธอคงเป็นสุภาพสตรีที่สวยสง่า บุคลิกท่วงท่าน่าสนใจ ดึงดูดสายตาผู้คนได้ตลอดเวลาเป็นผู้มีรสนิยมในการใช้ชีวิตที่ดี ซึ่งก็ตรงกับชื่อของ Crystal Solana ที่หมายถึงการเปล่งประกายเจิดจรัสของแสงแห่งความเจริญรุ่งเรือง นั่นเองครับ

โครงการ Crystal Solana ต้องเรียกว่าเป็นระดับ Ultra Luxury Residences เพราะเป็นโครงการหรูหราที่สุดที่ผมเคยไปเยี่ยมชมมาและต้องบอกว่าสวยที่สุดด้วยครับ ด้วยความที่เป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัยไร้กาลเวลาในแบบ Contemporary Timeless ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากงานของ Robert A.M. Stern สุดยอดสถาปนิกระดับโลกจาก New York

ผมเห็น Crystal Solana แล้วพลอยนึกไปถึงอาคารที่หรูหราและมีชื่อเสียงโด่งดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 15 Central Park West คอนโดมิเนียมหรูย่านแมนฮัตตัน อาคาร 70 Vestry หรือโรงแรม Four Seasons New York

นอกจากนี้ โครงการยังเปิดกว้างสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นและดีไซน์ให้ตรงกับความต้องการของลูกบ้านแต่ละหลังได้ Customized Plan and Combined Land Plot ทำให้บ้านทั้ง 47 ยูนิตต่างมีความโดดเด่นน่าสนใจแตกต่างกันออกไป มีให้เลือกตั้งแต่บ้าน 2 ชั้น ไปจนถึง 4 ชั้น แต่ทว่ายังคงไว้ซึ่งการเป็นอัครสถานแห่งการอยู่อาศัยระดับ 6 ดาว

ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของคุณศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KE Group เล่าให้ฟังถึงแนวคิดในการพัฒนาโครงการว่ามีความโดดเด่นเป็นที่สุดอยู่ด้วยกัน 6 อย่าง คือ

1. ตั้งอยู่ทำเลที่ยอดเยี่ยมบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม

2. งานสถาปัตยกรรมที่หรูหรา งดงามเป็นเอกลักษณ์

3. พื้นที่การใช้งานแต่ละยูนิตที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคล

4. การเลือกใช้วัสดุที่ดีมีคุณภาพระดับโลก มีคุณภาพ หรูหรา สวยงาม

5. สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันบนพื้นที่ 2 ไร่ คลับเฮ้าส์และสวนสาธารณะขนาดใหญ่

6.มุ่งสร้างสังคมแห่งการอยู่อาศัยที่ทรงคุณค่า มาพร้อมกับความปลอดภัยและการให้บริการระดับที่ดีที่สุด

ความยอดเยี่ยมเหล่านี้ ทำให้ผมสนใจอยากจะเข้าไปชมโครงการ Crystal Solana และพาทุกคนไปสัมผัสบรรยากาศของบ้านตัวอย่างรวมถึงพื้นที่ส่วนกลางอันใหญ่โต หรูหรา ผ่านเรื่องราวและภาพถ่ายในคอลเลคชั่นนี้ ที่กานต์นำมาฝากกันครับ

ความโดดเด่นแรกที่ผมสัมผัสได้ทันทีที่ขับรถลงจากทางด่วน คือโครงการ Crystal Solana อยู่บนถนนใหญ่คือถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่าเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีกว่าที่ดินผืนใหญ่บนทำเลนี้ แทบไม่มีเหลือแล้ว

ด้วยความที่ KE Group เป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้มานาน รวมถึงที่ดินในแปลงอื่นๆ ในย่านนี้ เช่น Crystal Park, Grand Crystal และ Crystal Design Center (CDC) ซึ่งจะว่าไป KE Group นี่แหละที่เป็นผู้พัฒนาโครงการรายแรกๆ ที่ปั้นทำเลนี้ให้กลายเป็นทองคำขึ้นมาได้ ส่งผลให้ได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ดินที่ได้ราคาดีมาก ทำให้ราคาขายของ Crystal Solana ไม่สูงไปอย่างที่คิด

แต่ไม่ผิด หากจะบอกว่า Crystal Solana เป็นโครงการบ้านหรูเพียงแห่งเดียวที่อยู่ห่างจากทางด่วนเพียง 1 นาที อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าหลายสาย ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าสายสีชมพู (รามอินทรา) รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว) รถไฟฟ้าสายสีส้ม (พระราม 9) รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (เกษตรนวมินทร์) และรถไฟฟ้าสายสีเทา (เลียบทางด่วน) ซึ่งเป็นสายที่ผมสนใจมากเนื่องจากวิ่งตรงจากเลียบทางด่วนมุ่งหน้าเข้าซอยทองหล่อเลยครับ

ขณะเดียวกัน สิ่งอำนวยความสะดวกในทำเลนี้ก็ถือว่าครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ทำให้เป็นทำเลที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยและมีอัตราการเจริญเติบโตสูงมากโดยเฉพาะกลุ่ม High Net Worth เนื่องจากจุดเด่นเรื่องการเดินทางที่เชื่อมต่อถนนใหญ่ได้หลายสายนั่นเองครับ

สำหรับแบบบ้านในโครงการ Crystal Solana ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกชื่อดังของไทย 3 รายคือ บริษัท เคทีจีวาย อินเตอร์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด (KTGY), บริษัท พีไอเอ อินทีเรีย จำกัด (PIA) และ บริษัท พี แลนด์สเคป จำกัด (P LANDSCAPE) ซึ่งจะมีขนาดแตกต่างกันไปตามที่ดินตั้งแต่ 123-262 ตร.วา ตลอดจนพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชั่นของบ้าน

ความแตกต่างของบ้านในโครงการนี้คือ สร้างบ้านตามความต้องการได้ ดังนั้น เราสามารถเลือกและอัพเกรดวัสดุในการก่อสร้าง การตกแต่ง สามารถปรับแบบแปลนและฟังก์ชันของห้องต่างๆ ภายในบ้านให้ตรงกับความต้องการใช้งานของแต่ละครอบครัวได้ บ้านมีทั้งหมดด้วยกัน 4 แบบครับ

เริ่มต้นที่ Diamonte เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 490 ตร.ม.

แบบบ้าน Zafira บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 685 ตร.ม.

ส่วน Emeralda จะบ้านเดี่ยว 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 1,010 ตร.ม.

ส่วนแบบบ้านที่เราจะพาไปชมกันก็คือ Perla เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 745 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ 6 ห้องน้ำ จอดรถได้ 6 คัน พร้อมห้องแม่บ้านและ Service Zone พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยรักษาความปลอดภัยด้วยการติดตั้ง Motion Sensor มาให้ สามารถเชื่อมต่อผ่านแอพของ LifeSmart ได้

ตัวบ้านภายนอกออกแบบได้อย่างหรูหราเป็นบ้านสไตล์ยุโรปที่มีความร่วมสมัย เป็นงานสถาปัตยกรรมที่ไร้กาลเวลาแบบ Contemporary Timeless แบบบ้าน Perla (เพอร่า) ถือว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ ภายนอกทาด้วยสีขาวงาช้างจาก Sherwin Williams ทำให้บ้านดูคลาสสิค ประดับประดา Facade ด้วยหิน Travertine จากอิตาลีเพิ่มความหรูหราอลังการ เป็นอัครสถานที่ดูแล้วมีเสน่ห์น่าค้นหาน่าหลงใหล

Perla เป็นแบบบ้านไฮเอนด์ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผมมากครับคือ ดีไซน์ให้เป็นบ้านของคนรักการเดินทางที่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน ออกแบบโดยนำไลฟ์สไตล์ความเป็นอิตาลีทางตอนใต้เข้ามาผสมผสานเข้ากับแนวคิด “บ้านคือความสุขที่ได้ผ่อนคลาย”

เราจึงได้เห็นบ้านหลังนี้มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับสวนร่มรื่น มีห้องรับรองและสังสรรค์ปาร์ตี้ที่แยกออกไปจากตัวบ้าน เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวของสมาชิกในครอบครัว

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในบ้าน สิ่งแรกที่สร้างความประทับใจให้ผมในทันทีก็คือ บ้านตัวอย่างตกแต่งจัดเต็มมาก หรูหราขั้นสุด ซึ่งทางโครงการต้องการนำเสนอคอนเซ็ปต์ Customized Plan and Combined Land Plot เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าสามารถเลือกวัสดุในการก่อสร้างที่หลากหลายได้เอง ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ หรือจะไปเลือกชมเพิ่มเติมที่ Crystal Design Center (CDC) ก็ได้เช่นกัน ทางโครงการเพียงแต่นำเสนอไว้ให้เป็นตัวอย่างไอเดียเท่านั้น

ประตูเข้าบ้านเป็นบานเปิดคู่ สูง 2.75 เมตร มือจับประตูใช้ของแบรนด์ Baldwin เป็นทองเหลืองแท้เพิ่มความหรูหรา ตัวบ้านภายในโดดเด่นด้วยโถงกลางขนาดใหญ่ Double Volume สูงถึง 7 เมตร จรดเพดาน ทำให้สัมผัสแรกคือความอลังการ ประตูหน้าต่างสูงโปร่ง ประดับประดาด้วยแชนเดอร์เลียสุดหรู พร้อมจัดวางเก้าอี้พักผ่อน หรือพักผ่อนสำหรับแขกที่มารอพบ

ด้านหน้าบ้านเปิดช่องแสงที่เหนือประตูด้านบน ทำให้เพิ่มความส่องสว่างจากธรรมชาติเข้ามา ทำให้บ้านดูสูงโปร่ง โอ่โถงโอ่อ่า มาพร้อมกับผนังกระจกขนาดใหญ่ด้านข้าง ผนังอีกฝั่งประดับประดาด้วยหินอ่อนสีขาว ก่อขึ้นมาเป็นรูปทรงเตาผิงดูเก๋ดีครับ บริเวณหน้าบ้านนี้จะตกแต่งแบบเรียบหรู พื้นเป็นกระเบื้องหินอ่อนนำเข้าจากอิตาลี

เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะเป็น Hall Way หัวใจในการเชื่อมต่อของทุกคนในบ้าน

ขณะเดียวกัน ด้านข้างจะมีประตูบานใหญ่สีขาวบริเวณด้านข้างที่เป็นไฮไลท์ของแบบบ้าน Perla เพราะว่าสามารถเปิดออกไปยังลานจอดรถด้านซ้าย ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องอเนกประสงค์ที่แยกตัวออกไป

ห้องนี้เป็นห้องที่ผมชอบมากครับ เพราะสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้หลากหลาย จะทำเป็น Entertainment Room ห้องจัดเลี้ยงสังสรรค์ก็ได้ เพราะเชื่อมต่อทั้งสระว่ายน้ำ ลานกว้างตรงกลางบ้านและสวน หรือจะใช้เป็นห้องนอนแขกก็ได้ครับ สามารถปรับแบบได้ทันทีเพราะมีห้องน้ำในตัวรองรับด้วย

ส่วนอีกด้านจะเป็น Maid Plaza ซึ่งประกอบด้วยครัวไทย ห้อง Laundry ลานซักล้างและมีห้องพักของแม่บ้านอยู่ด้านหลังสุดครับ

“When you’re talking about building a house, you’re talking about dreams.”

-Robert A.M. Stern, Legendary American Architect

ด้านข้างเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ซึ่งสามารถสั่งสร้างเพิ่มได้นะครับ จะขยายสระว่ายน้ำให้มีขนาดใหญ่กว่านี้ก็ได้ หรือจะเพิ่มเป็นพื้นที่สวนด้วยก็ได้เช่นกันเพราะเราสามารถรวมที่ดินเพิ่มแปลงได้

บริเวณนี้ ออกแบบให้เป็นมุมรับแขกหรือพักผ่อนที่ให้ความเป็นส่วนตัวกับสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ครับ เพราะแยกออกมาอยู่ด้านข้าง ขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อกับลานที่ตรงเข้ามาจากประตูลานจอดรถได้เลยไม่ต้องเข้าผ่านด้านในบ้าน เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับแขกที่มาสามารถเดินผ่านลานระเบียงเข้าสู่ห้องรับรองได้เลย

ผมชอบห้องรับรองอเนกประสงค์นี้มาเลยครับ คอนเซ็ปต์ดีคือออกแบบให้เป็นพื้นที่ที่จะต้องไม่รบกวนสมาชิกในครอบครัว

ขณะเดียวกันการจัดวางฟังก์ชั่นภายในห้องถือว่าสวยเพราะเป็นห้องที่มีกระจกรายล้อมแต่เป็นบานเล็กต่อเนื่องกัน ให้ความรู้สึกคลาสสิคกว่าประตูกระจกใหญ่บานสไลด์เดี่ยว

ทางโครงการเลือกใช้กรอบประตูหน้าต่างแบรนด์ Windsor ช่วยป้องกันเสียงอย่างดี ให้ความสงบเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังเปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอกเข้ามา และเมื่อมีงานเลี้ยงสังสรรค์สามารถเชื่อมต่อบรรยากาศทั้ง Indoor และ Outdoor ได้แบบเป็นหนึ่งเดียวกัน

Hall Way มีทั้งบันไดขึ้นชั้นบนรวมถึงติดตั้งลิฟต์ Kone บริษัทเก่าแก่จากฟินแลนด์เอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย

ด้านข้างเป็น Storage สำหรับเก็บของ เก็บรองเท้าและเป็นห้องคอนโทรลในคราวเดียวกัน

บริเวณนี้ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์หรู ทำให้ชั้นล่างของบ้านดูโดดเด่นน่าสนใจ

เราขึ้นมาชั้น 2 กันบ้างครับ แปลนบ้านออกมาเป็นรูปตัวยู (U) เริ่มเข้าสู่พื้นที่แห่งการพักผ่อนเป็น Common Area สำหรับสมาชิกในครอบครัวทุกคน

ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิด เราจะพบกับโถงกลางเป็น Dining Area จัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่เอาไว้ สามารถจัดให้เป็นแบบ Long Table ได้เลยนะครับเพราะมีพื้นที่กว้างขวาง

ชื่อมต่อกับครัวที่อยู่ด้านในซึ่งออกแบบให้เป็น Gourmet Kitchen จัดวางเคาน์เตอร์ครัวของ Poggenpohl เป็นรูปตัวแอล (L)

ห้องครัวจัดวางเก้าอี้สตูลทรงสูงสำหรับนั่ง ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดูอบอุ่นสบายๆ นึกไปถึงตอนเช้าๆ ที่เด็กๆ กำลังเตรียมตัวจะไปเข้าโรงเรียน ก็ต้องมีการเติมพลังกันหน่อย โดยคุณแม่และแม่บ้านกำลังง่วนเลยกับการจัดเตรียมอาหารเช้า

ถัดไปด้านในจะเป็นโต๊ะสำหรับนั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์ของคุณพ่อ เป็น Nook ที่มาพร้อมกับเฉลียงยื่นออกไปเล็กน้อยแบบ Skylight เพื่อเปิดมุมมองที่กว้างไกลได้มากกว่าสำหรับผู้บริหารตัวจริง

เราสามารถเปิดรับแสงแรกของวันที่ค่อยๆ ส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกใส ผมนึกภาพตามแล้วพลอยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น บรรยากาศสบายๆ ของสมาชิกทุกคนในครอบครัว

อย่างไรก็ตามได้มีการจัดพื้นที่สำหรับครัวไทยเอาไว้ที่บริเวณชั้น 1 ฝั่ง Service Zone ของแม่บ้าน

ดังนั้น ครัวที่ชั้นบนจะเป็นการเตรียมหรือทำอาหารเช้าแบบง่ายๆ สามารถเดินลงมาทานได้ในทันที

บริเวณ Common Area จะมีห้องน้ำแบบ Powder Room ไว้ให้เรียบร้อยครับ ดูหรูหราด้วยกระเบื้องพื้นและผนังเป็นหินอ่อนจากอิตาลีที่ประดับประดาห้องน้ำให้ดูเป็นหน้าเป็นตามากขึ้น เพราะจะเป็นห้องน้ำที่รองรับแขกด้วยครับ มาพร้อมกับสุขภัณฑ์ ซึ่งทางโครงการเลือกใช้เป็นแบรนด์ Kohler สุขภัณฑ์อันดับหนึ่งของอเมริกา แต่จะไม่มีโซนสำหรับอาบน้ำครับ ห้องน้ำมีขนาดใหญ่มาก เปิดช่องแสงพร้อมกับระบายอากาศ ช่วยลดกล่ินอับและความชื้นได้

ติดกันเป็นห้องนอนรอง (4) ซึ่งที่ชั้น 2 จะมีห้องนอนด้วยกัน 1 ห้องครับ ขนาด 31 ตร.ม. ถือว่าใหญ่พอสมควร ปูพื้นห้องนอนด้วยไม้มะค่าจากแอฟริกาจัดว่าเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความทนทานมาก มีสีไม้ธรรมชาติออกน้ำตาลเข้มอมแดง ต่อลายแบบสุ่มดูน่าสนใจดี จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ ซึ่งมีขนาดพอดีกับผนังหัวเตียงครับ

ส่วนโดยรอบนั้นจะเป็นผนังกระจกใสเปิดช่องแสงได้รอบห้อง ผมชอบมากครับ ช่วยให้ห้องนี้ดูสว่างโดยใช้แสงจากธรรมชาติเข้ามา ขณะเดียวกัน ถ้าเราเปิดม่านออกก็จะพบกับต้นไม้น้อยใหญ่ที่ยอดไม้สูงมาจนถึงระดับห้องนอนนี้แล้ว ช่วยเพิ่มความสดชื่น เป็นสัมผัสจากธรรมชาติที่พบได้ในทันที

หัวเตียงจัดวางโต๊ะเตี้ยพร้อมโคมไฟประดับดูหรูหรา ด้านข้างเป็นโต๊ะสำหรับวางของสะสมส่วนตัว ส่วนปลายเตียงออกแบบให้เป็นมุมทำงานอ่านหนังสือ ซึ่งเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นโต๊ะและตู้ในชุดเดียวกันดูโมเดิร์นดีครับ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นมุมแต่งตัวและห้องน้ำ โดยตู้เสื้อผ้าจะเป็น Walk-in Closet รูปตัววี (V) เชื่อมต่อกับห้องน้ำได้ทันที ซึ่งผมว่าสะดวกมาก เราสามารถจัดการธุระส่วนตัวได้เรียบร้อยในบริเวณนี้เลยครับ

ออกจากห้องนอนมาจะพบกับโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางบ้าน ส่วนอีกด้านที่เชื่อมต่อกันจะเป็น Great Room ซึ่งเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่มากครับ

Great Room เป็นห้องรับแขกที่มาพร้อมกับระเบียงยาวตลอดแนวครับ สามารถเปิดออกไปรับวิวภายนอกได้ ขณะเดียวกันภายในห้องที่มีขนาดใหญ่สามารถจัดวางชุดโซฟาขนาด 6-10 ที่นั่งได้ถึง 2 ชุดด้วยกัน ซึ่งเป็นห้องรับแขกที่มีความสนิทสนมส่วนตัวกับเราพอสมควร

ถ้าเป็นบ้านผมอาจจะปรับลดให้เหลือโซฟาชุดเดียว ส่วนพื้นที่อีกจุด อยากจะวาง Grand Piano หนังจระเข้สี Ivory นำมาวางเพิ่มความโดดเด่นให้กับมุมนี้ ซึ่งคิดว่ารับกันดีกับโทนสีและการตกแต่งของห้องนี้ หรือออกแบบให้มีเคาน์เตอร์บาร์เพิ่ม สำหรับนั่งดริงก์เบาๆ ก่อนที่มื้ออาหารจะเริ่มครับ

ขึ้นไปบนชั้น 3 กันบ้างครับ บริเวณตรงกลางบ้านยังเป็นโถงซึ่งจัดวางที่นั่งสำหรับสมาชิกในครอบครัว เพราะถือว่าชั้นนี้เป็น Family Area ครับ เนื่องจากจะมีเพียงห้องนอนเท่านั้น เด็กๆ สามารถมานั่งทำการบ้าน นั่งเล่น iPad ด้วยกันที่บริเวณนี้ได้

ผมสังเกตได้ว่า สถาปนิกเลือกออกแบบและตกแต่งบริเวณโถงกลางของบ้านทั้ง 2 ชั้น ให้มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม ซึ่งผมว่าดีมาก เพราะทำให้ฟีลลิ่งของบ้านดูละมุนขึ้นครับ

เนื่องจากงานออกแบบโครงสร้างภาพรวมของบ้านที่ได้รับอิทธิพลมาจาก Robert A.M. Stern ซึ่งมีเอกลักษณ์คือเน้นดีไซน์ของเส้นสายและเหลี่ยมมุม ดังนั้น สถาปนิกจึงต้องสอดแทรกความนุ่มนวลของฟอร์มทรงกลมเข้ามาลดทอนน้ำหนักและช่วยทำให้บ้านดูอบอุ่นน่าอยู่ยิ่งขึ้นครับ

ชั้น 3 จะมีห้องนอนรองอยู่ 2 ห้องและ Master Bedroom ครับ แต่เราจะเริ่มจากห้องนอนรอง (2) กันก่อน เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่มากถึง 40 ตร.ม. อยู่โซนด้านหลัง

ตรงกลางห้องจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่สีขาวขนาดพอดีกับช่องผนังหัวเตียง แต่ยังมีพื้นที่โดยรอบเดินได้เหลือเฟือเลยครับ เตียงนอนคลุมด้วยเฟอร์ขนมิงก์ให้ความรู้สึกถึงการเป็นห้องนอนลูกสาว หัวเตียงประดับด้วยตู้เตี้ยสีขาวไข่มุกขลิปทองดูเข้ากับภาพรวมของห้องนี้ได้ดีมาก

ปลายเตียงจัดวางโต๊ะเขียนหนังสือสีขาว พร้อมกับตู้โชว์ขนาดใหญ่ สามารถปรับให้เป็นคาบิเนทหรือตู้เตี้ยเพื่อจะได้มีพื้นที่เหลือเพื่อให้วางทีวีได้ ส่วนด้านบนก็ติดตั้งตู้ลอย สำหรับเก็บของได้เช่นกัน

ห้องนอนนี้มีห้องน้ำในตัวซึ่งจะอยู่ถัดจากชั้นวางของบริเวณด้านหน้าห้อง มาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่ครบครัน ห้องน้ำมีขนาดใหญ่มีช่องหน้าต่างเล็กๆ ภายในห้องน้ำสามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศได้ ติดกันตามแปลนบ้านออกแบบให้เป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ครับ แต่ที่บ้านตัวอย่างปรับให้เป็นห้องอเนกประสงค์ขนาดย่อมแทน โดยโยกตู้เสื้อผ้าให้ไปอยู่บริเวณโถงทางเข้าห้องแทน

ห้องนอนรอง (3) จะอยู่ถัดกัน มีขนาด 34 ตร.ม.ครับ ผังห้องจะคล้ายกับห้องนอนรองที่อยู่ชั้น 2 อีกทั้งการจัดวางฟังก์ชั่นภายในห้องก็คล้ายกัน ซึ่งข้อดีของบ้านหลังนี้ที่ผมชอบอีกอย่างก็คือ ทุกห้องจะเปิดช่องแสงขนาดใหญ่หมด ทำให้ได้แสงจากธรรมชาติส่องเข้ามาภายใน ช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งสบาย และเปิดทางให้มีลมถ่ายเท ระบายอากาศได้ไม่อับชื้น

ห้องนอนนี้ก็เช่นกัน มีแสงส่องผ่านเข้ามาถึงยังเตียงนอนดูอบอุ่นมาก เตียงนอนขนาดใหญ่ถูกจัดวางไว้ตรงกลางห้องรับกับผนังทึบช่วงหัวเตียง ซึ่งเตียงนอนห้องนี้เก๋มาก เป็นมุมโค้งรับขอบพอดี

เอาจริงนะ เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์สวยๆ แบบนี้ ถ้าใครสนใจสามารถไปเดินดูและเลือกซื้อได้ที่ CDC ครับ มีแบบให้เลือกเยอะมาก รวมถึงโต๊ะเตี้ยที่หัวเตียงก็เช่นกัน จะสังเกตว่าบ้านตัวอย่างของ Crystal Solana ขนเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งมาแบบจัดเต็มมาก ทำให้แต่ละห้องดูสวยและบ่งบอกคาแรกเตอร์เจ้าของห้องได้อย่างชัดเจน

ปลายเตียงจัดวางเก้าอี้นั่งสบายๆ ไว้สำหรับอ่านหนังสือหรือดู iPad ก่อนนอนพร้อมกับชั้นวางทีวีที่เป็นตู้เก็บของได้ในตัว ด้านขวาของห้องนอนนี้จะเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ที่ค่อนข้างใหญ่และเชื่อมต่อกับห้องน้ำทันที ทำให้สะดวกมากครับ

ไปชม Master Bedroom กันบ้าง หน้าห้องมีประตูบานไม้สีขาวมือจับนำเข้าจากอิตาลี ห้องนอนมีขนาดใหญ่มากวางผังเป็นแนวยาว กินเนื้อที่เกือบครึ่งหนึ่งของชั้น 3 มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 70 ตร.ม.

ห้องนอนหลักจัดวางเตียงนอนสีเบจ รับกับเฟอร์นิเจอร์ภายในซึ่งจัดวางชุดโซฟา พร้อมโต๊ะกลางเอาไว้ดูอลังการมาก

หัวเตียงและบริเวณโดยรอบเปิดช่องแสงทั้งหมด ทำให้ห้องดูสว่าง อยู่สบายไม่รู้สึกอึดอัด ส่วนปลายเตียงจะเป็นชั้นวางทีวีติดผนัง

ห้องนอนหลักจะไม่มีระเบียงให้เดินออกไปนะครับ เป็นเพียงหน้าต่างเท่านั้น แต่หากใครอยากเพิ่มให้มีระเบียงภายในห้องนอนอาจจะลองสอบถามจากเจ้าหน้าที่โครงการว่าสามารถทำได้ไหม หรืออยากจะปรับเปลี่ยนแปลนอะไรเพิ่มเติมก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลยครับ

ด้านในซ้ายอีกฝั่งที่เป็นห้องแต่งตัวจะกั้นไว้แยกเป็นอีกห้องไปเลย

ห้องแต่งตัวของห้องนอนหลักมีขนาดใหญ่มากครับ สามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าได้โดยรอบห้องและอาจจะเติม Island ตรงกลาง เพื่อวางเครื่องประดับเพิ่มเติม

ส่วนห้องถัดกันจะเป็น Master Bathroom ครับ มาพร้อมกับอ่างอาบน้ำเข้ามุมของ Kohler เปิดช่องแสงจากธรรมชาติให้ส่องลงมาพอดี เป็นมุมที่คลาสสิคมาก

ห้องน้ำที่กว้างทำให้เราไม่รู้สึกอึดอัดและสามารถใช้เวลาอยู่ภายในห้องนี้ได้อย่างเต็มที่ เราสามารถนอนแช่จากุซชี่อ่านหนังสือหรือจิบเครื่องดื่มแก้วโปรด เปิดเพลงคลอไปด้วยเบาๆ เท่านี้ก็ทำให้การพักผ่อนอยู่บ้านของเรา สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นครับ

If you ever feel stressed, just take a bath in the jacuzzi and swim your stress away.

จากบ้านตัวอย่าง ผมจะพาไปชมพื้นที่ส่วนกลางของโครงการกันบ้างครับ ซึ่งประกอบไปด้วยอาคาร Clubhouse 2 ชั้นพร้อมดาดฟ้าและสวนสาธารณะบนพื้นที่กว่า 2 ไร่

Crystal Solana เคยได้รับรางวัลระดับโลกจากงานประกวด Gold Nugget Awards ที่สหรัฐอเมริกา มาแล้ว 2 รางวัล คือ

รางวัล Best Internationnal Resident Award-Amenity คลับเฮาส์หมู่บ้านยอดเยี่ยมระดับนานาชาติ

ส่วนอีกรางวัลคือ Best International Resident Award ครับ เป็นรางวัลหมู่บ้านยอดเยี่ยมระดับนานาชาติ

ด้านหน้า Clubhouse ประดับด้วยหินอ่อน Limestone สีเบจดูคลาสสิคดี นิยมใช้ตกแต่งอาคารในแถบยุโรปและอเมริกา

ผมว่า Clubhouse เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการนัดพบเจอแขกที่ไม่ต้องการให้เข้าไปที่บ้าน ภายนอกและภายในตัวตัวอาคารตกแต่งสวยงาม

ส่วนด้านนอกเป็นสวนสีเขียวขนาดใหญ่สไตล์อังกฤษตรงกลางเป็นสนามหญ้า สวนออกแบบเป็นทรงสี่เหลี่ยม รายล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่จัดวางม้านั่งไว้โดยรอบ พร้อมกับสนามเด็กเล่นขนาดไม่ใหญ่นัก ผมว่าถ้าเรามานั่งเล่นเย็นๆ จะเป็นบรรยากาศที่สดชื่นดีมาก

ทางเข้า Clubhouse โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ดูหรูหรา ภูมิฐาน สมกับที่ได้รับรางวัลระดับโลก

ผมชอบบริเวณ โถงทางเข้าที่ประดับประดาด้วยแชนเดอร์เลียทรงกลมคล้ายเชิงเทียนขนาดใหญ่ ดูเก๋ดีมาก

มี Boardroom ไว้อำนวยความสะดวกสำหรับลูกบ้าน จัดวางโต๊ะประชุมพร้อมเก้าอี้ประมาณ 10 ที่นั่ง พร้อมจอทีวีที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ทันที เพื่อรองรับการนำเสนองาน ห้องประชุมนี้ลูกบ้านสามารถมาลงชื่จองเข้าใช้บริการได้ครับ

นอกจากนี้ ยังมี Residents’ Lounge สำหรับให้ลูกบ้านได้มาพักผ่อนหย่อนใจ มี Library ให้เข้าไปนั่งอ่านหนังสือ

ผมชอบบรรยากาศของ Residents’ Lounge ดูเรียบง่ายแต่แฝงไว้ซึ่งความสะดวกสบายและหรูหรา ให้ความรู้สึกโล่งโปร่งสบายด้วยหน้าต่างทรงสูงทั้ง 4 ด้านเพื่อเปิดช่องแสงจากธรรมชาติเพิ่มเข้ามา ภายในจัดวางเก้าอี้ดีไซน์หวายสีเข้ม พร้อมโต๊ะกระจก ไว้เต็มพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีเคาน์เตอร์บาร์ขนาด 5 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่สำหรับจัดเตรียมอาหารและมีอ่างล้างจานเตรียมไว้ให้บริการ

โดยเรายังสามารถเชิญเชฟชื่อดังมาให้บริการทำอาหารแบบส่วนตัว หรือจะเป็น Chef’s Table มาปรุงอาหารให้เราได้ทานกันแบบส่วนตัวใน Residents’ Lounge ได้อีกด้วย

ซึ่งวันที่ผมไปก็ได้เชิญเชฟออตโต้ จากร้าน Terra Nova ซึ่งเป็นร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โมเดิร์นเปิดใหม่ตั้งอยู่ที่ The Crystal มาปรุงและเสิร์ฟอาหารให้ทานกันที่นี่เลยครับ

หากมีแขกมาเยอะก็สามารถเปิดประตูเชื่อมกับ The Library เพื่อขยายพื้นที่เพิ่มได้ สำหรับลูกบ้านที่อยากจะจัดงานเลี้ยงปาร์ตี้ส่วนตัว สามารถติดต่อขอใช้พื้นที่กับทางเจ้าหน้าที่โครงการได้เลยครับ

นับเป็น Service ที่หรูหรามีระดับและแตกต่างจากหมู่บ้านอื่นๆ มากครับ

พาเดินขึ้นมาชม Clubhouse ที่ชั้นบนกันดูบ้างครับ

ลานดาดฟ้าของ Clubhouse มีสนามเทนนิสไว้ให้เล่นออกกำลังกายด้วยครับ ผมว่าคือที่สุดแล้วสำหรับพื้นที่ส่วนกลางของบ้านใจกลางเมืองขนาดนี้

มี Golf Driving Cage สำหรับซ้อมวงสวิงเบาๆ

นอกจากนี้ ยังมีห้องออกกำลังกาย ฟิตเนส บรรยากาศโล่งๆ ดีมาก ภายในมีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน ทั้งแบบ Cardio และ Weight Training Machine เลือกใช้แบรนด์อุปกรณ์ออกกำลังกายระดับโลกอย่าง Life Fitness

แต่ที่ผมชอบคือการจัดวางลู่วิ่งไฟฟ้าให้หันหน้าออกไปทางสวน ดูแล้วสดชื่นดีครับ เห็นต้นไม้สีเขียวๆ ระหว่างวิ่งออกกำลังกายก็ค่อยหายเหนื่อยหน่อย

ติดกันมี Yoga Studio เป็นห้องโล่งๆ ภายในติดตั้งกระจกเงาบานใหญ่และมีช่องแสงขนาดใหญ่ส่องเข้ามาได้เช่นกัน เราสามารถเปิดหน้าต่างออกไปเพื่อรับลมและระบายอากาศได้ หากใครจัดคอร์สโยคะส่วนตัวสามารถเชิญครูจากภายนอกมาสอนที่นี่ได้เลยครับ

ที่นี่จะมีห้องสปาไว้คอยบริการด้วยครับ จะเป็นแบบ 2 เตียงนวด เราสามารถนัดหมายเทอราพิสจากภายนอกมาให้บริการได้

ห้องซาลอนก็มีให้บริการ โดยเราสามารถเรียกช่างแต่งหน้าทำผมมาได้เลยเช่นกัน มีเตียงสระเตรียมไว้ให้บริการด้วย ไม่ต้องนัดช่างไปที่บ้าน มาที่ Clubhouse ดีกว่าครับ

มองจากชั้นบนเราจะเห็น สระว่ายน้ำและสวนสีเขียวดูสดชื่นสบายตาดีครับ

ออกแบบให้มีโซนสระสำหรับเด็กและสไลเดอร์ มีห้องน้ำแยกชายหญิงพร้อมตู้ล็อกเกอร์บริการด้วย

สำหรับโซนสระว่ายน้ำจะมีขนาดใหญ่มาก ความยาว 25 เมตรเป็นแบบ Semi-Outdoor เป็นสระเกลือใช้ระบบน้ำล้นให้ฟีลอยู่ริมน้ำตกดีนะครับ ได้ยินเสียงน้ำไหลทั้งวัน บริเวณโดยรอบสระจัดวางเก้าอี้นั่งพักผ่อนกระจายกันไป

ผมชอบผนังที่ประดับด้วยหินอ่อน White Panda มีสีขาวลวดลายดำ นำมาต่อลายหินได้อย่างลงตัวดูเป็นงานออกแบบที่ปราณีตมากครับ

ตอนเย็นๆ หลังเลิกงานจะเป็นเวลานันทนาการสำหรับสมาชิกในครอบครัวครับ ผมว่ามานั่งเล่นที่บริเวณสวนก็ได้บรรยากาศที่สดชื่นดีมากครับ

#โดยสรุป Crystal Solana เป็นโครงการบ้านหรูระดับ 6 ดาวที่รวมเอาความเป็นที่สุดเข้าไว้ด้วยกันที่นี่ ตั้งอยู่บนทำเลที่มีความโดดเด่นคือถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือที่เราเรียกว่า เลียบทางด่วนรามอินทรา

นอกจาก Crystal Solana จะเป็นโครงการบ้านหรู อยู่ท่ามกลางสังคมที่มีคุณภาพแล้ว ตัวบ้านยังจะได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์และความต้องการของเรามากที่สุดอีกด้วย ทั้งเรื่องงานออกแบบก่อสร้าง วัสดุที่จะนำมาใช้ โครงการยังเปิดให้เราสามารถปรับเปลี่ยนแปลนบ้านและเลือกสรรวัสดุได้ตามใจ เป็นไปตามแนวคิด Customized Plan and Combined Land Plot

ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ ที่มีความปรารถนาจะเป็นที่สุดและที่สำคัญจะต้องมีเพียง 1 เดียวเท่านั้น

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.crystalsolana.com หรือนัดหมายแบบส่วนตัวเพื่อเข้าชมโครงการได้ที่โทร 02 101 5775 หรือ Line: @CrystalSolana

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน