CHEREA VICINITY ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์

“สถาปัตยกรรมที่แท้จริงย่อมกลมกลืนกับธรรมชาติ เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์โดยรอบ โดยมีที่ดินเป็นรากฐานอันเรียบง่าย” คำกล่าวนี้สะท้อนแนวคิดของ Frank Lloyd Wright นักอินทรีย์สถาปัตย์ชื่อดังชาวอเมริกัน

.

เราอาจเรียกปรัชญานี้ว่า “The Art of Living” – ศิลปะแห่งการใช้ชีวิต

ถ้ามองให้ลึกลงไป แท้จริงแล้วบ้านมิใช่เพียงโครงสร้างที่ประกอบขึ้นจากวัสดุก่อสร้าง แต่กานต์มองว่านี่เป็นพื้นที่แห่งประสบการณ์ชีวิต เป็นผืนผ้าใบที่วาดฝันของผู้อยู่อาศัยและเป็นพื้นที่เก็บความทรงจำอันล้ำค่า การตัดสินใจเลือกบ้านสักหลังจึงเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ไม่เพียงอาศัยเหตุผลเชิงตรรกะ แต่ยังเกี่ยวข้องกับความรู้สึกลึกซึ้งที่ยากจะอธิบาย หรืออย่างน้อยที่สุดคือเลือกจากสิ่งที่เรารัก

.

สำหรับใครที่รักในธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้าและอยากอยู่อาศัยท่ามกลางพื้นที่สีเขียว กานต์อยากแนะนำโครงการ CHEREA VICINITY ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์ เพราะทันทีที่เราขับรถเข้าไปในโครงการ ก็สัมผัสได้ถึงความงดงามที่เรียบง่าย การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ต้นไม้น้อยใหญ่ มีสวนสีเขียว สนามเด็กเล่น เติมเต็มจินตนาการในวัยเด็กและทำให้เรามีความสุข

.

CHEREA เป็นการสนธิคำที่ทำให้ดูน่าสนใจและมีความหมายดีมาก มีที่มาจากคำว่า Cher ที่แปลว่าต้นไม้ และ Area แปลว่าพื้นที่ ดังนั้นภายในโครงการจึงแวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ พื้นที่สีเขียวเต็มไปทั่วทั้งโครงการ

.

ท่ามกลางความเรียบง่ายของการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ เราสัมผัสได้ถึงความสง่างามทว่าแฝงไว้ด้วยรายละเอียดที่ซับซ้อนของงานออกแบบ ด้านหน้าเป็น Clubhouse ออกแบบให้เชื่อมต่อกับสวนส่วนกลางเป็นหนึ่งเดียวกัน โดดเด่นด้วยสระว่ายน้ำท่ามกลางสวนและไม้ดอกหลากสี ที่ชูช่อรอทักทายเราตลอดเวลา Concept ของการออกแบบ Clubhouse ได้แรงบันดาลใจมาจากคลื่นน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายามแสงอาทิตย์ตกกระทบ ทำให้รู้สึกเย็นสบายทุกครั้งที่ได้มอง มีพื้นที่นั่งพักผ่อนทั้งในห้องปรับอากาศและกลางแจ้งทำให้เราสามารถออกมาใช้ชีวิตในแบบที่ควรจะเป็น เน้นการทำกิจกรรมร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว ทำให้พื้นที่ส่วนกลางของโครงการดูอบอุ่น งดงาม เป็นสถานที่แห่งความทรงจำร่วมกันของทุกคน

.

อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการคือมีบ้านให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮมหน้ากว้าง บ้านทุกหลังนำเสนอกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมในสไตล์ Modern European ด้วยงานดีไซน์ที่ซ่อนไว้อยู่่ในทุกรายละเอียด ส่วนตัวเราชอบการออกแบบฟังก์ชันพื้นที่ใช้สอยที่มีลักษณะเป็น Open Plan ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบห้องต่างๆ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และความชอบของสมาชิกในบ้านได้มากที่สุด ส่วนอีกจุดที่ประทับใจคือการออกแบบให้บ้านเดี่ยวมีพื้นที่ภายในบ้านที่โล่งกว้างและมีไฮไลท์คือโถงสูงแบบ Double Volume ทำให้บ้านดูโปร่งอยู่สบาย เปิดรับมุมมองของพื้นที่สีเขียวรายรอบบ้านได้อย่างมีความสุข

.

CHEREA VICINITY ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์ จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจสำหรับใครที่มองหาบ้านเดี่ยวดีไซน์สวย พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในทำเลติดถนนใหญ่ ราชพฤกษ์-สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ เข้าสู่ถนนราชพฤกษ์ วงศ์สว่าง รัชดา เข้าเมืองไปยังโซนบางซื่อ จตุจักร CBD – New CBD ด้วยทางด่วนได้อีกด้วย

.

บ้านเดี่ยวเริ่ม 9.9 ลบ.

.

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายเข้าชมโครงการ คลิก : https://bit.ly/41UIx2k หรือโทร 097-282-2256

ในยุคที่เมืองเติบโตอย่างรวดเร็ว พื้นที่สีเขียวและความเงียบสงบกลายเป็นสิ่งหายาก หนึ่งในโครงการที่อยากแนะนำคือ CHEREA VICINITY ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ไม่เพียงแต่หรูหราและทันสมัย แต่ยังให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติท่ามกลางความสะดวก

การออกแบบที่เชื่อมโยงธรรมชาติ คือการออกแบบที่รวมเอาผู้คนและที่อยู่อาศัยให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ (Well-being) ของผู้คนให้ดีขึ้น เน้นการไหลเวียนของอากาศ และพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ ทำให้บ้านแต่ละหลังไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็น “พื้นที่แห่งความสงบ” ท่ามกลางความเร่งรีบของเมือง 
โครงการ CHEREA VICINITY ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์ ตั้งอยู่ในทำเลติดถนนใหญ่ ราชพฤกษ์-สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ พัฒนาโครงการบนเนื้อที่ 40-3-94 ไร่ จำนวน 298 ยูนิต ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮมดีไซน์ Modern European บรรยากาศโดยรอบโครงการเป็นย่านที่พักอาศัยทำให้ค่อนข้างเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน การเดินทางที่สะดวกสบาย จึงเหมาะกับการพัฒนาเป็นโครงการบ้านที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง
ทำเลถือเป็นจุดเด่นเพราะอยู่ติดถนนใหญ่ 6 เลน ราชพฤกษ์-สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่ถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี เชื่อมต่อติวานนท์ วงศ์สว่าง รัชดา เข้าเมืองไปยังโซนบางซื่อ จตุจักร CBD – New CBD ด้วยทางด่วนได้อีกด้วย

สำหรับผู้ที่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ โครงการอยู่ในระยะที่สามารถเข้าถึงรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร โดยหากต้องการเข้าสู่ใจกลางเมืองก็สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปเปลี่ยนสายสีน้ำเงินที่สถานีเตาปูน เพื่อนั่งต่อไปยังสถานีอโศกและสยามได้
นอกจากนี้ยังแวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า Community Mall ร้านอาหาร คาเฟ่ อาทิ Central Northville, Central Westville, Makro นครอินทร์, Big C ติวานนท์, The Walk ราชพฤกษ์, The Crystal SB ราชพฤกษ์, The Mall งามวงศ์วาน, Home Pro ราชพฤกษ์, Central Westgate เป็นต้น

ส่วนสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ ได้แก่ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า, โรงพยาบาลบางใหญ่, โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ อินเตอร์, โรงพยาบาลนนทเวช และโรงพยาบาลศรีสวรรค์ ราชพฤกษ์
ทำเลนี้ยังมีสถานศึกษาชื่อดังหลายแห่งที่อยู่ใกล้เคียง อาทิ โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี ราชพฤกษ์, โรงเรียนเด่นหล้า พระราม 5, โรงเรียนนานาชาติสาธิตคริสเตียน นนทบุรี, โรงเรียนนานาชาติเด่นหล้าบริติช และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เป็นต้น
CHEREA VICINITY ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์ จึงเป็นโครงการที่มีความโมเดิร์นและได้ดึงเอาธรรมชาติมาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ เรียกได้ว่ามาถูกจังหวะเวลามาก เพราะตอนนี้เราต่างกำลังโหยหาการกลับคืนสู่ธรรมชาติ เป็นการใช้แนวคิดสร้างงานสถาปัตยกรรมแบบ Organic Architecture ด้วยการยึดธรรมชาติเป็นศูนย์กลาง ผสมผสานให้เข้ากับวิถีชีวิตได้อย่างกลมกลืน วางแปลน ดีไซน์ฟังก์ชันให้เกิดความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ ช่วยให้บ้านโฮมมี่ มีความอบอุ่นน่าอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น
ด้านหน้าโครงการมีระยะ Set-Back จากถนนหลักเข้ามาพอประมาณ ทำให้เปิดพื้นที่สีเขียวด้านหน้าได้อย่างโดดเด่นสำหรับผู้ที่ผ่านไปมาและยังเป็นบัฟเฟอร์ป้องกันเสียงเพื่อให้เกิดบรรยากาศของการพักอาศัยที่เงียบสงบได้เป็นอย่างดี

Main Gate โครงการมีขนาดใหญ่งานดีไซน์แบบ Modern European ประดับด้วยพุ่มไม้ น้ำพุล้อไปกับภาพรวมโครงการ พื้นปูด้วยคอนกรีตแสตมป์ ป้ายชื่อด้านหน้าโครงการหรูหราด้วยสีทองทั้ง 2 ฝั่งเห็นได้อย่างชัดเจน จัดวางประติมากรรมรูปกวาง 2 ตัวที่มีดีไซน์โดดเด่นเป็นเขารูปทรงกิ่งไม้ โครงการแยกประตูทางเข้า-ออก การเข้าออกของรถยนต์เป็นระบบ RFID มีทั้งประตูบานเลื่อนอัตโนมัติและแบบไม้กระดก มีประตูเล็กด้านข้างสำหรับคนเดินเข้าออก มีป้อมยามอยู่ตรงกลางพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบ CCTV รอบโครงการ
เมื่อเข้ามาด้านในโครงการจะพบกับ ต้นไม้ใหญ่จัดวางเอาไว้เป็นวงเวียนด้านหน้า Clubhouse เป็นเอกลักษณ์ของโครงการที่ต้องการสื่อถึงการอยู่ร่วมกับธรรมชาติในทุกอณูของโครงการ
กานต์จะเริ่มจากการพาชม Clubhouse ของโครงการที่ตั้งอยู่ด้านหน้าก่อนเลยครับ ข้อดีก็คือเราสามารถนัดหมายแขกเพื่อพบปะพูดคุยธุระได้ที่ Clubhouse โดยไม่จำเป็นต้องเชิญเข้าไปในบ้าน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก Clubhouse ยังออกแบบโดยใช้หลักการ Universal Design คือมีทั้งบันได และทางลาด Ramp ให้สำหรับผู้ใช้งานรถเข็น วีลแชร์สามารถขึ้น-ลงไปใช้งานบนตัวอาคารได้สะดวก
พื้นที่ส่วนกลางของโครงการมีขนาดใหญ่มาก โดยจะให้น้ำหนักกับพื้นที่สีเขียว ทั้งไม้พุ่ม ไม้ดอกและต้นไม้ใหญ่ มีสนามหญ้ากว้างเหมาะสำหรับกิจกรรมนันทนาการภายในครอบครัว ส่วนตัวอาคาร Clubhouse ออกแบบในสไตล์โมเดิร์นดีไซน์โค้งมนที่เน้นความเชื่อมโยงกับธรรมชาติเห็นได้จากการปลูกต้นไม้ไว้โดยรอบ เลือกใช้กระจกใสกรอบอลูมิเนียมสีดำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานตกแต่ง ทำให้ได้ฟีลลิ่งของความโมเดิร์นที่ดูโปร่งสบายด้วยผนังกระจกใส อีกทั้งยังทำให้เชื่อมต่อมุมมองของธรรมชาติจากภายในสู่ภายนอกอาคาร ทำให้ดูมีความร่วมสมัยอย่างเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ เป็น Clubhouse ที่เข้ามาใช้บริการแล้วรู้สึกสบายใจดีมากครับ
การออกแบบฟังก์ชันการใช้งานของ Clubhouse เน้นไปที่การใช้พื้นที่ที่เปิดโล่งและโปร่งสบาย การเลือกใช้ผนังกระจกทำให้แสงธรรมชาติสามารถเข้ามาเติมเต็มพื้นที่ภายในได้ตลอดวัน พร้อมเปิดรับวิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำภายนอก
เมื่อเข้ามาภายในเราจะพบกับล็อบบี้ที่โปร่งโล่ง จัดวางชุดโซฟาที่นั่งภายในกระจายกันไปในหลายจุด สังเกตว่าสถาปนิกเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยโทนสีอ่อน เช่น โซฟาผ้าสีเทาควันบุหรี่ เก้าอี้สีครีม อาจจะมีสอดแทรกลวดลายบ้างเพื่อเติมสีสันและช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย พักผ่อน พื้นที่นั่งเล่นจัดวางชุดที่นั่งเป็นกลุ่มๆ ให้ความรู้สึกเป็นกันเองและเหมาะกับการพบปะสังสรรค์ ฟังก์ชันของพื้นที่นี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สำหรับการพบปะแขกคนสำคัญ นั่งพักผ่อน คุยงาน หรืออ่านหนังสือ
ติดกันมี Kid’s Room มีขนาดกำลังดี โดยความตั้งใจคือต้องการให้เด็กๆ ได้ออกมาใช้ชีวิตสัมผัสเรียนรู้อยู่กับผู้คนอื่นๆ บ้าง เป็นพื้นที่ที่ดีไซน์ขึ้นมาเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กๆ
Kid’s Room ออกแบบโดยการเลือกใช้สีสันสดใส พร้อมงานตกแต่งภายในแสนน่ารัก เตรียมกิจกรรมและของเล่นให้ได้สนุกอย่างเต็มที่ ทั้งบ่อบอล ตุ๊กตา ของเล่นไม้หรือว่าปีนเขาจำลอง นอกจากนี้ได้ติดตั้งพื้นเป็นยางกันกระแทกเพื่อป้องกันอันตรายเอาไว้ให้แล้วด้วยครับ
หัวใจหลักของการออกแบบ Clubhouse นำเสนอสไตล์ที่มีความร่วมสมัย โดยเน้น Concept ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคลื่นน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายามแสงอาทิตย์ตกกระทบ ทำให้เรารู้สึกเย็นสบายทุกครั้งที่เราได้มอง ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมสไตล์ Modern European เน้นความเป็นส่วนตัว ให้ลูกบ้านมาพักผ่อนได้อย่างสบายใจ ด้วยการออกแบบให้มีช่องเปิดค่อนข้างมาก เพื่อเปิดรับแสงและลมจากธรรมชาติให้เข้ามาภายในอาคาร
ชั้นบนออกแบบเป็น Co-Working Space มีพื้นที่นั่งพักผ่อนกระจายกันไปทั่วบริเวณเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว และทำกิจกรรมเฉพาะสมาชิกในครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน
ผนังภายใน Co-Working Space จึงติดตั้งจอทีวีขนาดใหญ่เอาไว้รองรับการจัดประชุมไปในตัว จัดวางชุดโซฟาและเก้าอี้ดีไซน์หลากหลายเพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ ระหว่างนั่งพัก และยังจัดให้มีมุมแบบส่วนตัวที่กระจายออกไปทั่วบริเวณ บรรยากาศค่อนข้างโปร่งด้วยผนังกระจกกรอบเล็กและผนังกระจกโค้งทรง Arch สไตล์ยุโรป
ติดกันจะมี Panoramic Gym ภายในจัดวางเครื่องออกกำลังกายไว้ครบครัน ทั้ง ลู่วิ่ง จักรยานไฟฟ้าและ Elliptical Machine จัดวางไว้ริมกระจกใส หันหน้าออกไปด้านนอก จะได้เทควิวสระว่ายน้ำเพ่ิมความสดชื่นหายเหนื่อยได้ อุปกรณ์ออกกำลังกายทั้งฟรีเวทและแมชชีน ส่วนด้านในยังได้ติดตั้งกระจกเงาเอาไว้ให้ด้วยแล้วครับ เผื่อใครอยากจะเช็คท่วงท่าหรือว่าบอดี้ขณะเวทก็มีออกแบบไว้เตรียมให้พร้อมเรียบร้อย
ส่วนอีกห้องเป็น Yoga Studio สำหรับสาวๆ หรือคุณแม่มาออกกำลังกายท่ามกลางบรรยากาศที่เปิดโล่ง โครงการเตรียมลูกบอลออกกำลังกายและเสื่อโยคะเอาไว้ให้แล้ว สามารถออกกำลังกายร่วมกับสมาชิกในครอบครัวได้เลยครับ
ในส่วนของ Clubhouse เมื่อมองเข้ามาจะเห็นอาคารขนาดใหญ่ที่มีสระว่ายน้ำเป็นแนวขวางขนานไปกับด้านหน้า ท่ามกลางวิวของสนามหญ้าสีเขียวและไม้ดอกสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูอบอวลไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข เมื่อเราได้เห็นธรรมชาติกำลังเริงระบำอยู่ ท่ามกลางสายน้ำขนาดใหญ่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นสบายใจ เมื่อได้มาพักผ่อนที่ Clubhouse
สระว่ายน้ำของโครงการเป็นระบบเกลือแบบ Infinity Edge Pool ขนาด 4.5×20 เมตร สามารถใช้ว่ายน้ำออกกำลังกายได้จริงจังเลยครับ นอกจากนี้ ยังมีโซนสระว่ายน้ำสำหรับเด็กแยกออกไป บริเวณริมสระบนผิวน้ำจัดวาง Sun Deck สำหรับแช่น้ำผ่อนคลายในวันสบายๆ นั่งอาบแดดพักผ่อนราวกับได้อยู่ในรีสอร์ตหรู ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของธรรมชาติ ต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่ ที่ปลูกไว้เพื่อให้ความร่มรื่นและยังช่วยบังสายตาเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวได้อีกทาง ด้านในจัดเตรียมห้องล็อกเกอร์สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บของพร้อมห้องน้ำแยกชาย-หญิง
บรรยากาศร่มรื่นด้วยพื้นที่สีเขียวและต้นไม้น้อยใหญ่ จะสังเกตว่างานภูมิสถาปัตย์ของสวนจะเน้นฟรีฟอร์ม เพื่อให้สอดรับกับการออกแบบภาพรวมของ Clubhouse
ถ้ามองจากมุมสูงเราจะเห็นภาพรวมของพื้นที่ส่วนกลางออกแบบให้มี Jogging Track ออกแบบเป็นทางโค้งคดเคี้ยว ให้ฟีลลิ่งเหมือนสายน้ำไหล
แต่หากใครไม่อยากออกกำลังกายในฟิตเนส หรือไม่อยากให้เด็กๆ อยู่แต่ใน Kid’s Room อยากให้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทางโครงการก็ยังได้ออกแบบให้มี Playground ขนาดใหญ่อยู่ในบริเวณเดียวกัน ดีไซน์เป็นรูปวาฬสีน้ำเงินสดใส มาพร้อมกับสไลเดอร์บ่อทรายดูท่าทางน่าสนุกมาก ซึ่งโครงได้ออกแบบให้เป็นพื้นยางเพื่อรองรับแรงกระแทกและป้องกันอันตราย อีกทั้งเรายังสามารถชวนเด็กๆ มาปูผ้านั่งเล่นบนสนามหญ้านั่งปิคนิก หรือรับบทนักสำรวจตัวจิ๋วได้
ภายในสวนมีพื้นที่สำหรับเด็กๆ และสมาชิกในครอบครัวจัดวางเอาไว้ในหลายจุด อาทิ สนาม Street Basketball สนามเด็กเล่น เครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง
เราชอบบรรยากาศตอนเย็นๆ ของสวนมาก ที่นี่เหมือนเป็นศูนย์รวมกิจกรรมนอกบ้านให้กับสมาชิกของโครงการ หากบ้านไหนมีผู้สูงอายุก็อยากให้ชวนกันมาเดินแกว่งแขวนเบาๆ ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพยามเช้า หรือวิ่งจ๊อกกิงก็ได้เช่นกัน หากเหนื่อยนักก็มีที่นั่งผ่อนจัดวางกระจายกันไปในหลายจุดรอบ ๆ สวน
นอกจากนี้ โครงการยังเปิดพื้นที่เพื่อรองรับสัตว์เลี้ยงตัวเล็กของเราให้ได้มีพื้นที่เล่นสนุก พามาเดินเล่นออกกำลังกายนอกบ้านได้เช่นกัน ที่สำคัญและประทับใจเรามาก ดีเทลเล็กๆ ของการออกแบบ โดยเปิดให้มีพื้นที่ทำความสะอาดโดยติดตั้งอ่างล้างมือกลางแจ้งเอาไว้อำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านหลัังทำกิจกรรมเสร็จสิ้น
การออกแบบจัดวางผังโครงการถือว่าส่งเสริมการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้ดี เน้นพื้นที่สีเขียวและต้นไม้สมกับชื่อ CHEREA ภาพรวมของการพักอาศัยจึงทำให้เราได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่น

ปัจจุบันโครงการมีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ ดังนี้

Hestia (เฮสเทีย) : บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 54 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 235.83 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์

Gaia (ไกอา) : บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 38.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 188.64 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์

Aeolus (เอโอลัส) : ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 20.95 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 137.95 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์

Achelous (แอคคิโลอัส) : ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 19.25 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 123.46 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ / 2 ห้องอเนกประสงค์ 
ซึ่งแบบบ้านที่เราพามาชมกันในพาร์ทนี้จะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นดีไซน์สวยโดดเด่นด้วยหลังคาทรงจั่ว ตกแต่งด้วยซุ้มโค้ง ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวซึ่งเป็นไฮไลท์ของโครงการ 
A Warm Welcome ทันทีที่เปิดประตูก้าวเข้ามาสู่ Foyer ภายในบ้าน เราจะพบว่าตรงนี้คือพื้นที่ส่วนตัวที่รอกางแขนต้อนรับเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าการผจญภัยในชีวิตนอกบ้านจะเหนื่อยเพียงไหนก็ตาม 
ด้านหน้าทางเข้าโดดเด่นด้วยโถงสูงแบบ Double Volume ซึ่งไม่ค่อยได้พบบ่อยหนักในบ้านระดับราคานี้ จึงถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครที่ชอบบ้านที่มีดีไซน์โปร่ง เปิดรับแสงจากธรรมชาติภายนอกเข้าสู่ภายในบ้าน ทำให้บ้านสว่างในช่วงเวลากลางวันโดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ เป็นการประหยัดพลังงานไปในตัว ส่วนบานประตูหน้าต่างติดตั้ง Magnetic Sensor มาให้แล้วที่ชั้น 1 เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับทุกคนในครอบครัว 
ด้านหน้าทางเข้ามีพื้นที่จัดเก็บรองเท้า ส่วนภายในบ้านออกแบบให้มี Common Area เชื่อมต่อกับทุกห้อง รองรับการทำกิจกรรมร่วมกันสำหรับทุกเจนเนอเรชั่นในครอบครัว แต่การออกแบบจะลงดีเทลให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ด้วยการจัดให้มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับแยกไปทำกิจกรรมของตัวเอง ถือเป็นหลักการออกแบบที่ดี 
มุมนั่งเล่นรับแขกจัดวางชุดโซฟาที่นั่งบุด้วยหนังกลับสีเบจดูเข้ากับสีผนังด้านใน ประดับด้วยคิ้วบัวเพื่อให้บ้านดูคลาสสิคสไตล์ตะวันตก เป็นงานดีไซน์แบบ East meet West พื้นชั้นล่างปูด้วยกระเบื้องแกรนิโตแผ่นใหญ่ช่วยให้บ้านดูแกรนด์ขึ้น 
ไฮไลท์คือมุมนี้สามารถเปิดประตูออกไปสู่ Courtyard กลางบ้าน ใครจะทำเป็นสวนก็ได้ 
บ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็น Glass House เพื่อเปิดรับอากาศภายนอกหรือทำเป็นห้องสำหรับน้องหมาน้องแมว เชื่อมต่อกับห้องเอนกประสงค์ด้านหน้าหรือว่าจะปรับเป็นโฮมออฟฟิศก็ได้ 
ด้านในยังมีห้องนอนอีกห้อง หากบ้านไหนมีผู้สูงอายุก็สามารถใช้เป็นห้องนอนชั้นล่างได้เพราะมีห้องน้ำในตัวสะดวกสบายมากเลยครับ สามารถปรับฟังก์ชันการใช้สอยได้ตามใจ ชั้นนี้ยังมีห้องน้ำอีกห้องสำหรับสมาชิกทุกคนที่บริเวณห้องรับแขก 
ด้านในจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6-8 ที่นั่งจัดวางเอาไว้ได้อย่างลงตัว บ้านตัวอย่างจัดแต่งมุมนี้ได้เรียบหรูดี พร้อมเปิดรับวิวสวนสีเขียวด้านข้างเพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหาร สามารถใช้เป็นพื้นที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์เล็กๆ ให้สมาชิกในครอบครัวหรือกลุ่มญาติ เพื่อนสนิทได้ 
“The family is one of nature’s masterpieces.” ​

-George Santayana 
ด้านในเป็นห้องครัวไทยมีขนาดใหญ่พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง สามารถแยกฟังก์ชันการทำงานของคุณแม่ได้ในเวลาเดียวกัน เช่น ทำกับข้าวไว้บนเตาและใช้งานบริเวณอ่างล้างจานได้โดยที่ไม่กระทบซึ่งกันและกัน 
ออกแบบให้มีตู้เก็บของบน-ล่างเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมพื้นที่ด้านข้างสำหรับติดตั้งตู้เย็น 2 ประตูขนาดใหญ่ ส่วนด้านหลังบ้านเป็นพื้นที่ของลานซักล้างครับ 
ชั้นบนถือเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของบ้าน โครงการจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบ Connecting Space ฟังก์ชันสำคัญที่เชื่อมต่อการใช้งานของห้องหับต่างๆ ภายใน ตลอดจนการเปิดพื้นที่เชื่อมต่อกับภายนอกบ้านได้อย่างกลมกลืนผ่านกระจกใส พื้นชั้นบนปูด้วยพื้นไม้สำเร็จรูป SPC ชั้นบนจะมี 3 ห้องนอนพร้อมกับพื้นที่อเนกประสงค์เป็นพื้นที่เฉพาะสำหรับสมาชิกในบ้านที่เชื่อมต่อกับโถงบันไดและทางเดินร่วมชั้นบน สามารถมองจาก Family Area ลงไปชั้นล่างผ่านระเบียงที่เปิดกว้างเชื่อมต่อกับโถงสูงแบบ Double Volume ได้ ติดตั้งราวกันตกเป็นกระจกใสพร้อมขอบไม้ดูกลมกลืนกันดีครับ 
บ้านตัวอย่างจัดวางชุดโซฟาเข้าล็อคเต็มพื้นที่ขอบที่เชื่อมต่อกับโถงบันได ออกแบบให้เป็นมุมนั่งเล่น พูดคุยกันในบรรยากาศสบายๆ ในช่วงเวลาก่อนนอนของสมาชิกในครอบครัว หรือจะใช้เป็นมุมนั่งพักผ่อน อ่านหนังสือหรือทำการบ้านก็ได้ 
ติดกันเป็น Master Bedroom ที่มีขนาดใหญ่ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้สอยภายในเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว รู้สึกถึงความโปร่งด้วยช่องแสงจากแนวด้านหน้าบ้านทั้งหมด

เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเป็นพื้นที่ห้องแต่งตัวก่อน ส่วนเตียงนอนจะถูกจัดไว้หลบเอาเข้าไปด้านในอีกฝั่ง ทำให้ได้รับความเป็นส่วนเมื่อมีคนเปิด-ปิดประตูเข้ามา กานต์มองว่าเป็นไอเดียการออกแบบที่น่าสนใจ 
พื้นที่ด้านในห้องกว้างขวางมากครับ เราสามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้เลยแถมยังมีพื้นที่กว้างเดินได้รอบ ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นด้วยการเลือกใช้ดีไซน์ของเตียง โต๊ะหัวเตียง โคมไฟและการจับคู่สีน้ำเงิน-ส้มที่ทำออกมาได้น่าสนใจ เตียงนอนมีระยะห่างมากพอที่จะติดตั้งทีวีจอใหญ่บริเวณปลายเตียง สามารถติดตั้ง Cabinet สำหรับวางทีวีขนาดใหญ่ให้เรานอนชมซีรีย์เรื่องโปรดจาก Netflix บนเตียงเลยได้สบายๆ เลยครับ 
นอกจากนี้ยังออกแบบให้มีระเบียงสำหรับเปิดออกไปรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าหลังตื่นนอน ชมวิวสีเขียวของต้นไม้ให้สบายใจ สามารถปลูกไม้กระถางเพิ่มได้และหาเก้าอี้มาวางสักตัว เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่ใส่ใจเรื่องการมองเห็นและสัมผัสพื้นที่ธรรมชาติภายนอก ด้วยการดีไซน์แบบ Inside out – Outside in มองออกไปจะเห็นวิวของสวนและต้นไม้ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านของเราไปโดยปริยาย 
ถัดจากเตียงนอน แบ่งฟังก์ชันเป็น Walk-in Closet Space ด้วยความที่ห้องนอนหลักมีพื้นที่เยอะมาก ทำให้มุมแต่งตัวปรับให้มีขนาดใหญ่และพื้นที่ใช้สอยภายในเยอะตามไปด้วย มาพร้อมกับกระจกตู้สีชาช่วยให้ห้องดูมีมิติมากยิ่งขึ้น 
ไอเดียในการติดตั้งตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่รอบห้องเพื่อให้เราได้ใช้พื้นที่ส่วนตัวอย่างเต็มที่ โดยมีโต๊ะเครื่องแป้งเป็นตัวแบ่งกึ่งกลางพื้นที่ห้อง สามารถแต่งหน้าแต่งตัวพร้อมกับเปิดรับแสงจากภายนอกด้วย ทำให้เราพลอยดูดีแบบมีความเป็น Natural Look ตามไปด้วยในช่วงเวลาเสริมสวยก่อนออกจากบ้านไปทำงาน เราเชื่อเลยว่าคนที่รักในการแต่งตัวแต่งหน้าจะชอบห้องนอนนี้มาก 
ห้องนอนอีก 2 ห้องจะอยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อเดินขึ้นบันไดมาจะเจอห้องนอนนี้ก่อนเลยครับ จุดเด่นของห้องนี้ความที่คืออยู่ทางด้านหลังบ้านทำให้ได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบ ตกแต่งภายในห้องโดยจัดแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน 
ภายในห้องโดยจัดแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน ห้องน้ำแบบฟูลฟังก์ชันจะอยู่บริเวณหน้าห้อง เราสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่สูงจรดเพดานได้ที่บริเวณนี้เลยครับ เป็นการออกแบบที่กระชับพื้นที่ดีมาก ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีเหลือค่อนข้างมาก 
ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่พักผ่อน สามารถวางเตียงนอนขนาดควีนไซส์ ได้สบายเลยครับ ห้องนี้ตกแต่งในโทนสีพาสเทลสำหรับเด็กๆ วัยสดใส ดูสบายตา ชวนให้น่านอนพักผ่อน ทำให้เปิดรับแสงจากด้านข้างเตียงแทน ส่วนอีกฝั่งติดกับประตูทางเข้าห้องจะเป็นพื้นที่ของโต๊ะทำงาน อ่านหนังสือ หรือนั่งพักผ่อนสบายๆ 
ห้องนอนห้องถัดมาออกแบบเน้นการเลือกใช้ฟอร์มและสีของเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบหรู ภายในห้องนอนจัดวางฟังก์ชันได้ค่อนข้างลงตัว 
เมื่อเดินเข้าประตูไปจะเป็นแนวตู้เสื้อผ้าเชื่อมต่อกับพื้นที่พักผ่อน จัดวางเตียงนอนหัวเตียงดีไซน์บุนวมหนังกลับสีเบจสวยงามมาก ข้างเตียงจัดวางโคมไฟและข้าวของตกแต่งเอาไว้ มีพื้นที่โดยรอบเตียงสามารถเดินได้สบายเลยครับ สามารถเปิดผ้าม่านเพื่อรับแสงสว่างจากภายนอกได้ 
ปลายเตียงดีไซน์เป็นเคาน์เตอร์อเนกประสงค์แนวยาว สามารถติดตั้งตู้ขนาดเล็กด้านล่างได้ สำหรับเก็บข้าวของและยังใช้เป็นโต๊ะนั่งทำการบ้านและโต๊ะเครื่องแป้งไปในตัว ส่วนห้องน้ำจะอยู่โซนด้านหน้าห้องเช่นกัน มาพร้อมกับฟังก์ชันของอ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อยครบตามมาตรฐาน 
#สรุป CHEREA VICINITY ราชพฤกษ์-เจษฎาบดินทร์ โครงการที่เหมาะสำหรับใครที่มองหาที่อยู่อาศัยท่ามกลางต้นไม้และธรรมชาติสีเขียวแวดล้อม มีให้เลือกทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮม ตอบโจทย์ได้หลากหลายกว่า บนทำเลที่เชื่อมต่อกับถนนสายหลักหลายสาย ทำให้สะดวกรวดเร็วในการสัญจรไปมาและเป็นทำเลที่แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สาธารณูปโภคครบครัน ใครสนใจสามารถแวะมาชมบ้านตัวอย่างของจริงได้เลยครับ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายเข้าชมโครงการ คลิก : https://bit.ly/41UIx2k หรือโทร 097-282-2256 
KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน