Can Tho,Vietnam

📍ชวนเธอ … ไปเกิ่นเทอ🇻🇳

____________________________

หลายคนรู้จัก โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh) แต่ไม่รู้จัก เกิ่น เทอ (Can Tho) ซึ่งอยู่ที่เวียดนามเหมือนกัน

.

ทริปนี้กานต์จะพาไปทำความรู้จัก “เกิ่นเทอ” เมืองที่มีอัตราการเติบโตเรื่องท่องเที่ยวสูงมาก

.

การเที่ยวเมืองเกิ่นเทอนั้น ทำได้ง่ายๆ ครับ ยิ่งตอนนี้ แอร์เอเชีย AirAsia เปิดงบินเส้นทาง ดอนเมือง-เกิ่นเทอ แล้ว เป็นไฟล์ทบินตรงชั่วโมงเศษ ก็จะถึงเมืองเกิ่นเทอ … ง่ายมากๆ หากจะพาคุณเธอมาเที่ยวที่นี่

.

เกิ่นเทอเป็นเมืองไม่ใหญ่มาก เที่ยวสัก 3 วันกำลังดี แนะนำให้เรียก Grab Taxi เวลาจะไปไหน จะสะดวกที่สุดครับ แต่จะมีบางจุดที่เราเที่ยวทางน้ำ ก็ต้องอาศัยนั่งเรือเอา ทำให้ทริปนี้เราจึงได้ไปเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็น

.

🔴“ไคราง” ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุด (Cai Rang Floating Market)

🔴ล่องเรือไปเที่ยวโรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยว (Rice Noodle Factory)

🔴อนุสาวรีย์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Monument)

🔴ศาลเจ้ากลางใจเมืองเกิ่นเทอ (Ong Temple)

🔴กินเฝอปู เฝอล็อปสเตอร์ (Crab & Lobster Pho)

🔴เดินตลาดกลางคืน (Can Tho Night Market)

🔴สะพาน Ninh Kieu quay and Pedestrian Bridge

🔴บ้านโบราณ Binh Thuy Ancient House

🔴กินอาหารเวียดนามออริจินัลที่ร้าน Mekong 1965

.

ทริปนี้กานต์ไปพักโรงแรมระดับ 5 ดาว⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ของเมืองนี้ ที่ชื่อว่า Azerai Resort Can Tho ซึ่งมีความพิเศษตรงที่เป็นเกาะส่วนตัวที่ตั้งอยู่กลางสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (Mekong Delta)

.

การเดินทางต้องใช้เรือในการรับส่งจากที่ Azerai Arrival Pavilion ซึ่งอยู่บนฝั่งของเมืองไปยังท่าเรือส่วนตัวของโรงแรม ซึ่งกลายเป็นคอนเซปต์เดียวกันกับเมืองเกิ่น เทอ ทั้งหมด เพราะเน้นการสัญจรทางเรือเป็นหลัก

.

อ่านรีวิวทริปฉบับเต็ม คลิก >> https://www.kantjournal.com/cantho-vietnam

#ไปเกิ่นเทอกับแอร์เอเชีย

#ประเทศเพื่อนบ้านเที่ยวเลยไม่ต้องรอ

#AirAsia#AirAsiaTravels

#AZERAI#AzeraiCanTho

เกริ่นก่อน เรื่อง เกิ่น เทอ …

เกิ่นเทอเป็น 1 ใน 5 มหานครขนาดใหญ่ที่สำคัญของเวียดนาม ตั้งอยู่ทางภาคใต้บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

มีจุดขายคือการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำของทั้ง 13 จังหวัดบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
กลายเป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ โลจิสติกส์ การค้าการเงิน การบริการ วัฒนธรรมและเทคโนโลยีต่างๆ
โดยมีแหล่งอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ผนวกเข้ากับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
ทำให้ในปี 2561 เกิ่นเทอมีนักท่องเที่ยวมากว่า 7.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับปี 2560
มีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 59

ถ้าคาดเดาจากสถิติ จะเห็นว่าอนาคตของเมืองเกิ่นเทอนั้น ไม่ธรรมดาแน่นอน

รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายส่งเสริมให้ “เกิ่น เทอ” เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของจังหวัดลุ่มแม่น้ำโขงเวียดนาม

เมืองนี้จึงมีฐานะเป็นนครที่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลกลางโดยตรง และได้รับการส่งเสริมด้านการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างมหาศาลและนายกรัฐมนตรีลงไปดูอย่างใกล้ชิดทุกโครงการ

เกิ่น เทอ เน้นการส่งออกข้าวเป็นหลักถึงร้อยละ 90 นอกจากนั้นเป็นการส่งออกอาหารทะเลและส่งออกผลไม้

ทริปเกิ่น เทอ กานต์บินกับแอร์เอเชียครับ เพราะมีบินตรง 3 ไฟล์ทต่อสัปดาห์มาลงเกิ่น เทอ ได้เลย

เท่าที่สังเกต จะพบว่า ผู้โดยสารคนไทยมีจำนวนไม่มากเท่า ชาวเวียดนามครับ สอดคล้องกับตัวเลขที่บอกว่า คนเวียดนามเลือกมาเที่ยวไทยเป็นอันดับหนึ่ง

แต่ช่วงเวลาที่น่ามาเที่ยวเกิ่นเทอ ก็จะเป็นเดือนธันวาคม – เมษายน อากาศดี ส่วนพฤษภาคม อากาศจะเริ่มร้อน จากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงหน้าฝนแล้วครับ

แต่เกิ่น เทอ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจ ตามกานต์ไปดูกันดีกว่าครับ

นานๆ จะได้นั่งแอร์เอเชียสักที ก็รู้สึกว๊าวดี กับนวัตกรรมการบริการที่แปลกใหม่ โดยเฉพาะเรื่องอาหาร อย่างที่รู้ ว่าโลว์คอสอาจจะต้องซื้ออาหารร้อนหรือของว่างเพิ่มบนเครื่อง

แต่เมนูกลับไม่ธรรมดา จำได้ว่า ช่วงที่บินมีเบอร์เกอร์จากเชฟหงส์ มีชีสเค้กหน้าไหม้จากอาฟเตอร์ยู (อร่อยมาก) และเด็ดสุดกับการดื่มชาไข่มุกบนความสูง 30,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ฟินๆ เพลินๆ แปบเดียวก็ถึงเกิ่นเทอครับ

lonely planet ยังเป็นไกด์บุ๊คชั้นดี สำหรับการท่องเที่ยวในเมืองที่มีศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและยังไม่มีสิ่งเร้ามากวนใจมากนัก ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามครรลอง และเราก็ควรลองมาเที่ยวสักครั้ง

อ่านไประหว่างทานอาหารเช้า ก็เพลินๆ ดีครับ

ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เกิ่นเทอได้รับการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีความทันสมัยมากขึ้นและเปรียบเหมือนเมืองหลวงของภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงที่เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ โลจิสติกส์ การค้าการเงิน การบริการ วัฒนธรรมและเทคโนโลยีต่างๆ โดยมีแหล่งอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงมีสวนต้นไม้และสวนผลไม้ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจด้วย

ตามไกด์บุ๊คแนะนำว่า ถ้าเป็นมื้อค่ำ ให้ออกไปทานที่ตลาดกลางคืน ซึ่งก็พบว่าร้าน CHO CAN THO ได้รับการพูดถึงมากที่สุด เป็นร้านอาหารเวียดนามผสมยุโรป คงจะดังจริง เพราะฝรั่งต่างชาติ มาทานเยอะมาก

สั่งไปหลายอย่าง สเต๊ก สลัด ผัดหมี่ รสชาติค่อนข้างจืดครับ ไม่ค่อยถูกปากเท่าไร ดีที่ราคาไม่แพงมาก เฉลี่ยแต่ละจานราคา VND 100,000 บวกลบ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 100-150 บาท

อัตราแลกเปลี่ยนเทียบง่ายๆ VND 10,000 = 13 บาทไทยครับ

ยัง ยังไม่เข็ด อ่านรีวิวมา บอกว่าร้านขายขนมปังบาแก็ต หรือขนมปังฝรั่งเศส ที่ดังที่สุดในเกิ่นเทอ คนต่อคิวยาวมาก

เปิด Google Map กดค้นหาแล้วพิมพ์ “Banh Canh Minh Thu” ก็พบว่าอยู่ไม่ไกล เดินไปได้

ไปถึงหน้าร้านก็เห็นคนต่อแถวเยอะมาก ยืนดูป้าคนขายทำ ก็เพลินดี ทำเร็วมาก แปบๆ ก็ได้ละอันนึง แต่ละคนสั่งกันหลายอัน

ขนมปังกรอบและหอมมาก สดใหม่จากเตา ไส้ก็เยอะดีครับ ส่วนซอสที่ราดมาอร่อยมาก (น่าจะบอกว่าเพิ่มซอสอีกหน่อย) แถมราคาไม่แพง 15,000 ดอง เท่านั้น

ติดกันเป็นร้านขายข้าวเหนียวทรงเครื่อง ผมตั้งชื่อให้แบบนั้นละกัน ลองซื้อมาทานแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆ ตามจริตผมแล้วล่ะก็ …. ชอบมากครับ ข้าวนึ่งผสมซอสมารสชาติหอมมันเค็ม ทานกับหน้ากุนเชียง หมูยอ หมูฝอย ไข่สับ ราดด้วยซอสพริก ทานแปบเดียวหมดเลย

ว่าแล้วก็อยากกินอีก

เดินเล่นตลาดกลางคืน เจอร้านกาแฟ Las Vegas แต่อยู่ที่ Can Tho คนเยอะมาก บรรยากาศเหมือนร้านเหล้าปั่น แต่นั่งดื่มชากาแฟ หันหน้าเข้าถนนกันทั้งนั้น

สังเกตดูพบว่าร้านกาแฟลักษณะนี้มีเยอะมาก อยากลองนั่งเหมือนกัน แต่โต๊ะเต็มตลอด

ตลาดกลางคืนเกิ่นเทอ (Can Tho Night Market) คึกคักดีนะครับ คนเยอะมาก อาจจะเป็นเพราะตลาดตั้งอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะ คนมาออกกำลังกายทำกิจกรรมกันในช่วงเย็น ร้านค้าที่เห็นก็มีทั้ง ร้านขายเสื้อผ้า ของที่ระลึกต่างๆ ร้านกาแฟนั่งชิลล์ รวมไปถึงร้านขายอาหารแบบ Street Foods ที่มีเมนูน่าลองในหลายๆ ร้านอีกด้วย

ในตลาดกลางคืนถ้าเดินมาอีกหน่อยจะเจอร้านกาแฟ โคมไฟเยอะๆ Cho Co Cafe’ เป็นมุมเก๋ๆ กลางเกิ่นเทอ แวะมาถ่ายรูปกันได้ ยิ่งถ้าขึ้นมาชั้นสองแล้วถ่ายจากมุมสูงยิ่งสวย

อนุสาวรีย์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Monument) อยู่บริเวณท่าเรือ Ninh Kieu เดินผ่านตอนจะไปขึ้นเรือกลับรีสอร์ต และบริเวณนี้ยังเป็นสวนสาธารณะริมน้ำ แหล่งพบปะ พักผ่อนหย่อนใจของคนที่นี่ มีลานโล่งๆ ให้คนมาทำกิจกรรม มีที่นั่งริมน้ำ ลมพัดเย็นๆ เห็นคู่รักมานั่งจีบกันหลายคู่เลย นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ

ร้านอาหาร Mekong 1965 ผมยกให้ร้านนี้เป็น Hidden Gems สำหรับเกิ่นเทอเลยครับ ด้วยความที่ไหว้พระวัดอ๋องเสร็จแล้วหิว เดินมาไม่กี่ก้าวเจอร้านนี้เข้า เลยกะจะไปหาอะไรทานเล่น สั่งปอเปี๊ยะกุ้งทอดมา อร่อยแหะ ขนมเบื้องญวน ก็อร่อย เกี้ยวน้ำซึ่งเป็นเมนูแนะนำ ผมชอบมาก ซุปหวานดี ส่วนหมูอบซีอิ๊วก็อร่อย เค็มไปหน่อย แต่พอเอามาราดข้าวแล้ว …. ลงตัว กลมกล่อมมาก แถมยังราคาไม่แพง จานละ 60-120 บาท บรรยากาศเหมือนร้านเงียบๆ แต่เจ้าของร้านก็มาชวนคุยเป็นกันเองอยู่ ยกนิ้วให้เลยร้านนี้ อร่อยถูกปากผม

เดินเล่นบนสะพาน Cau Di Bo Ninh Kieu ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กของเมืองเกิ่นเทออีกอย่าง ตัวสะพานออกแบบมาได้ทันสมัยมากๆ ยามค่ำคืน สะพานจะเปิดไฟประดับสีสันสวยงาม และจะพบกับผู้คนมากมายที่พากันออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศกัน มองออกไปในแม่น้ำ เห็นเรือใหญ่ที่พาคนไปทานข้าวล่องแม่น้ำ แล่นกันขวักไขว่

อย่างที่ตลาดน้ำไคราง “Cai Rang Floating Market” เป็นแหล่งค้าปลีกค้าส่ง สินค้าทางการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม

ที่นี่เป็นตลาดน้ำเช้าที่มีชื่อเสียงมาก ดังนั้น อาจจะต้องยอมตื่นเช้าหน่อย เพื่อมาชมบรรยากาศ เนื่องจากเป็นบรรยากาศกลางแม่น้ำ นักท่องเที่ยวที่มาจะเดินทางไปตลาดและช็อปปิ้งกันก็จะต้องใช้เรือเช่นกัน นั่งจากโรงแรมมาราวๆ ครึ่งชั่วโมง ครับ

นั่งเรือไปพักใหญ่ เราเริ่มจะมองเห็นกลุ่มเรือที่จอดลอยลำ ทั้งลำเล็ก ลำใหญ่ กลางแม่น้ำ ซึ่งกำลังทำการซื้อขายสินค้ากัน สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในตลาดน้ำไครางก็จะเป็นผลิตผลทางการเกษตร จำพวกผัก และ ผลไม้ มีเรืออาหารและน้ำดื่มปะปนมาด้วย

โดยตลาดจะเริ่มคึกคัก ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด และเริ่มวายในช่วงสายไม่เกิน 10 โมงเช้า

การเดินทางไปเที่ยวชม ตลาดน้ำไคราง ก็ต้องใช้วิธี เหมาเรือ ไป ซึ่งก็มีหลายแบบ หลายราคา อย่างลำที่ผมเหมามา ราคาค่าเหมาเรือ VND 850,000 (ประมาณ 1,200 บาทต่อลำ)

จากนั้นก็นั่งเรือเข้าคลองต่อไปยัง โรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยว (Sáu Hoài Rice Noodle Factory) ที่เรากินๆ กันในโรงแรมหรือร้านอาหารทั่วไปนี่แหละครับ เป็นโรงงานที่แปรรูปข้าวมาเป็น เส้นก๋วยเตี๋ยว โดยมีการสาธิตขั้นตอนวิธีการทำให้นักท่องเที่ยวได้ชม และ นักท่องเที่ยวก็สามารถลองลงมือทำได้อีกด้วย

เราสามารถเข้ามาร่วมเวิร์คช้อปทำเส้นก๋วยเตี๋ยวเวียดนามได้ฟรี ตั้งแต่เวลา 7:00-18:00 น. ครับ

เที่ยวทางน้ำเสร็จ มาเที่ยวทางบกกันบ้าง

เกิ่นเทอ เป็นเมืองเรียบๆ ยังไม่วุ่นวายเท่าฮานอย หรือโฮจิมินห์ สามารถเดินเล่นได้อย่างสบายใจ จะเดินทางไปไหนเรียก Grab ได้เลยครับ ผมว่าเป็นจุดขายเลยนะ พอมีรถรับส่งแบบนี้ แถมราคาก็ไม่แพงอีกด้วย อยากจะไปไหนก็ปักหมุดเรียกได้เลย คุ้มงบได้สบายๆ

ยกตัวอย่างถ้าเรียก Grab จากสนามบินเข้ามาในตัวเมืองก็จะตก VND 120,000-150,000 หรือประมาณ 150-200 บาทต่อคัน

ถูกมว๊ากกกกกกกกก

ทริปนี้ ทีแรกว่าจะแบกจักรยานจากรีสอร์ตมา แต่ไม่เอาดีกว่า 555 ผมเลยเรียก Grab ไปในหลายจุดครับ

บ้านโบราณ Binh Thuy Ancient House บ้านหลังนี้ดังมาก เพราะเคยเป็นฉากในหนังหลายเรื่อง สร้างมาตั้งแต่ปี 1870 เจ้าของบ้านเป็นคหบดีที่ร่ำรวยมากในยุคนั้น และมีแนวคิดจะสร้างสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่เชื่อมโยงโลกตะวันตกกับตะวันออกเข้าไว้ด้วยกัน จึงกลายเป็นบ้านหลังนี้ เป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์โคโลเนียลและสไตล์เวียดนามไว้อย่างลงตัว ทาสีเหลืองสดใส ตัดสลับกับหน้าตาสีเทอควอยซ์ ตกแต่งแบบโบราณ

ตอนนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกแห่งชาติของเวียดนาม พิเศษกว่านั้นคือบ้านนี้เคยใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “The Lover” หนังรักสุดคลาสสิก เรื่องราวความรักของนักธุรกิจชาวจีนและสาวชาวฝรั่งเศส ฉากหลังเป็นเวียดนามสมัยยังเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส เพราะความสวยงาม เรื่องราว และเอกลักษณ์

ปัจจุบันยังมีผู้อยู่อาศัยจริง เป็นคุณป้าท่านหนึ่ง พูดภาษาอังกฤษได้ดี เพราะเคยเป็นครูสอนภาษามาก่อน

บ้านมีปิดพักเที่ยงด้วยนะครับ เลยไปนั่งคาเฟ่ข้างๆ บ้านรอเปิดตอนบ่าย ระหว่างรอก็ขอเก็บภาพไปพลางๆ ก่อนนะครับ มุมบันไดโค้งนี่ถือเป็น signature ของบ้านหลังนี้เลย

วัดอ๋อง (Ong Temple)
บางคนเรียกอ่อง ผมเรียกอ๋อง เพราะจะได้จำง่าย คล้ายๆ กับท่านอ่อง เพราะที่นี่เป็นวัดสถาปัตยกรรมจีน ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำ สร้างมาตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่ 19 เพื่อบูชา Kuang Kung ซึ่งเป็นเทพสัญลักษณ์แห่งความภักดี ความฉลาดหลักแหลม มีเหตุผล มีความยุติธรรม มีเกียรติและความกล้าหาญ บริเวณด้านซ้ายและขวาของเทพ จะมีขนาบด้วยเทพแห่งโชคลาภ โดดเด่นเรื่องการเงิน และเทพแห่งดิน คอยให้ความคุ้มครองความปลอดภัย ตลอดทั้งวันจะมีมาไหว้ไม่ขาดสาย วัดอยู่ไม่ไกลจากสวนสาธารณะโฮจิมินห์เกิ่นเทอมากนัก เดินได้สบายๆ ครับ 

มาเวียดนามต้องทานเฝอ เจอเป็นไม่ได้ ต้องขอเข้าไปลอง เพราะชอบมาก ซุปหอมหวาน

ไปเจอร้านเฝอปู เฝอล็อปสเตอร์ ที่นี่เรียกว่า Noodle Crab หรือบะหมี่ปู จุดเด่นของร้านนี้คือน้ำซุปสีเข้มข้น พร้อมปูและกุ้งทั้งตัวใส่ลงไปในชาม ทานกับเส้นบะหมี่นุ่มๆ ซุปเข้มๆ แบบไม่ต้องปรุงก็เข้ากันได้ดี ร้านนี้อยู่หน้าสวนสาธารณะ แถวตลาดกลางคืนครับ

ราคาตามไซส์ของกุ้งและปู อยู่ที่ประมาณ VND 200,000-300,000 หรือ 260-390 บาท

ไฮไลท์อีกอย่างของทริปเกิ่น เทอ คือการมีพักผ่อนที่รีสอร์ตหรูเป็นเกาะกลางแม่น้ำ อย่าง Azerai จากภาพถ่ายโดรนจะเห็นว่า มีพื้นที่สีเขียวเยอะมาก อากาศดี มีความเป็นส่วนตัวของวิลล่าแต่ละหลัง กิจกรรมเยอะ สามารถพักผ่อนอยู่ที่นี่ได้นานตามที่ใจต้องการเลยล่ะครับ

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ใครจะเดินทางมาเกิ่นเทอ ต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่เมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างโฮจิมินห์ แล้วนั่งรถรถบัสเป็นรถนอนต่อมา ใช้เวลาอีกประมาณ 6 ชั่วโมง

แต่ตอนนี้มีสายการบินแอร์เอเชีย เปิดเส้นทางบินตรง ดอนเมือง – เกิ่นเทอ แล้วย่นเวลาเหลือชั่วโมงครึ่งเท่านั้น บิน 3 วันต่อสัปดาห์ ทุกวันอังคาร, พฤหัสบดี และ เสาร์

ความชิคของรีสอร์ต Azerai คือป้ายที่จะบอกว่า “นี่คือโรงแรม” เพราะนี่คือภาพแรกและภาพเดียวที่เราจะเห็นสัญลักษณ์ในการบ่งบอกว่า อาคารนี้คือสถานที่อะไร เป็นป้ายไฟขนาดเล็กๆ ชนิดที่ว่าถ้าขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านไวๆ ก็คงมองไม่เห็น

อาคารตรงนี้เรียกว่า Azerai Arrival Pavilion ซึ่งอยู่บนฝั่งของเมืองเกิ่นเทอครับ จากสนามบินเราจะมาลงกันที่จุดนี้ ก่อนจะนั่งเรือส่วนตัวต่อไปยังรีสอร์ต

บรรยากาศภายใน Azerai Arrival Pavilion กว้างขวางและโอ่อ่ามากครับ เป็นอาคารไม้ดีไซน์แปลกตา บริเวณโดยรอบร่มรื่นดี

ผมชอบโคมไฟที่ห้อยมาจากฝ้าเพดานมากๆ ครับ ดูเก๋ดี เข้าใจว่าได้รับอิทธิพลในการออกแบบมาจากธูปยักษ์ของเวียดนามที่เป็นขดๆ วงๆ

ที่ตรงนี้จะเป็นจุดรอเรือมารับเพื่อจะล่องไปตามแม่น้ำ เพื่อข้ามไปยังรีสอร์ตซึ่งเป็นเกาะ

รอเรือไม่นานครับ ซึ่งจะเป็นยานพาหนะหลักในการรับ-ส่งเราจากรีสอร์ตที่เกาะ เพื่อจะเข้ามายังตัวเมืองเกิ่นเทอ หรือตกแต่งหรูหราดี มีเบาะผ้าบริเวณช่วงท้าย ถ้าแดดร่มๆ ลมเย็นก็ออกมาถ่ายรูปสบายๆ ใช้เวลานั่งเรือไม่นานครับ ไม่เกิน 10 นาที

ผมเทียบ 2 รูปนี้ให้ดูเรื่องอัตลักษณ์ทางการออกแบบที่สอดรับกันดีของ 2 อาคาร

ซ้ายคือ อาคาร Azerai Arrival Pavilion ซึ่งอยู่บนฝั่งของเมืองที่เรารอขึ้นเรือมาครับ
ส่วนรูปขวาคือ Lobby Hall ในตัวรีสอร์ต ซึ่งเราจะเช็คอินกันที่นี่

จะเห็นว่า ออกแบบได้กลมกลืนกันมาก แม้จะอยู่กันคนละฝั่ง เป็นการสร้างการจดจำให้กับผู้บริโภคได้ดี ในแง่ของการสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์โรงแรม นั่นคือ Azerai ของผู้ก่อตั้งเครือโรงแรม Aman Resorts ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

แน่นอนว่าหากเราประทับใจกับ Aman Resorts ในความเรียบง่ายหรูหราและความรู้สึกถึงสัมผัสที่ลึกซึ้งของสถานที่ที่เราไปพักผ่อน เราจะต้องนึกถึง Azerai Resort ด้วย

ต้องบอกว่า วิสัยทัศน์ของคุณปู่ Adrien Zecha วัย 86 ปี นั้น ไม่ธรรมดาจริงๆ 

Azerai Can Tho ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำ มีพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ ด้วยห้องพัก 60 ห้องที่ตั้งอยู่หลากหลายมุมของรีสอร์ต บางห้องหันหน้าไปทางแม่น้ำ หรือทะเลสาบ บางห้องก็รายล้อมด้วยสวนเขียวชอุ่ม การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากเรือที่ลอยลำอยู่ในตลาดน้ำ

อย่างห้องที่กานต์พักเป็นแบบ Lake Room ครับ หันหน้าเข้าหาสระบัว ตอนเช้าช่วงบัวบานจะสวยมาก

ตัววิลล่าเป็นคล้ายกับบ้านแฝดสองหลังติดกัน แต่กั้นค่อนข้างห่างด้วยพุ่มไม้ ให้ความเป็นส่วนตัวดีครับ

ห้องพักได้รับการออกแบบด้วยวัสดุที่มาจากท้องถิ่นเป็นหลัก ใช้โทนสีที่เป็นกลาง อย่างน้ำตาล เพื่อสื่อสารความเป็นธรรมชาติออกมา นำเอาองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น เช่น เพดานสูงแหลม ช่วยให้การระบายอากาศดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันที่อากาศอบอุ่น

ส่วนตัวชอบโคมไฟที่ออกแบบคล้ายกับหมวกงอบเวียดนามครับ อยากขอซื้อกลับไทย แต่เค้าไม่ยอมขาย

เป็น Room Type ที่เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง สามารถนั่งมองสระบัว สีเขียว ตัดกับบัวสีขาว มองไปไกลๆ จะเห็นความเคลื่อนไหวของผู้คนภายนอกที่อยู่ภายในรีสอร์ต ก็ได้อารมณ์ปลีกวิเวกดีครับ

บางทีเราก็อยากหลบหนีความวุ่นวาย ไปอยู่ในมุมส่วนตัว แต่ก็ไม่ได้อยากหายไปจากที่แห่งนั้น ขอเพียงได้เฝ้ามองมันบ้างตามโอกาสอันสมควร … ก็เพียงพอแล้ว

ผมประทับใจในความเรียบหรู ดูมีสไตล์ของ Azerai Resort มากๆ ครับ ถ้าเปรียบเป็นคน ก็ดูจะมีรสนิยมที่ดี โดยไม่จำเป็นต้องประโคมแบรนด์เนมเต็มตัว แต่เป็นคนรู้จักหยิบจับ ผสมนั่นนี่โน่น มิกซ์แอนด์แมทช์จนลงตัว กลายเป็นบุคลิกของคนคลูๆ ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะ

บรรยากาศภายในรีสอร์ตร่มรื่นดีครับ มีพื้นที่สีเขียวเยอะมาก เช้าๆ สามารถมาเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ได้ ไฮไลท์คือสระบัวที่จะชูช่อบานในยามเช้า สระนี้เลี้ยงปลาด้วย ตัวใหญ่มาก

ส่วนตัวแล้วประทับใจที่ได้อยู่กับธรรมชาติที่ยังไม่ผ่านการปรุงแต่งมากจนเกินไปเช่นนี้ครับ

บรรยากาศในรีสอร์ตก็ร่มรื่นดีครับ เนื่องด้วยก่อนหน้านี่พื้นที่เป็นป่า ดังนั้นต้นไม้จึงเยอะเป็นพิเศษ และพื้นที่กว้างขวาง ใช้วิธีการปั่นจักรยานเที่ยวไปรอบๆ รีสอร์ตดีกว่าครับ มุมถ่ายรูปเยอะดี

ฟิตเนสจะอยู่โซนคนละฟากกับที่ผมพัก ปั่นจักรยานมาฟิตเนส ซึ่งวิ่งสวยมากกกกกกก อยู่สุดขอบเกาะ ซึ่งมองเห็นแม่น้ำล้อมรอบ ตัดสลับกับสีเขียวของต้นไม้ เพิ่มความสดชื่น คลายเหนื่อยจากการออกกำลังกายได้ดี

Center ของรีสอร์ต เป็นอาคารสองหลังตั้งอยู่ตรงข้ามกัน ที่เห็นอยู่นี้คือ Open Bar เปิดโล่งรับลมธรรมชาติที่พัดตลอดทั้งวัน รายล้อมด้วยวิวที่สวยสะดุดตา สร้างบรรยากาศได้แบบชิวๆ แต่ฟีลกู๊ดมาก

ถัดไปอีกด้านคั่นด้วยสระว่ายน้ำหลัก (Main Pool) คือห้องอาหารของที่นี่ ทุกมื้อที่ไม่ได้ออกไปทานข้างนอก ผมจะสั่งอาหารทานที่นี่ บางทีก็สั่งรูมเซอร์วิสไปทานที่ห้อง

เป็นห้องอาหารที่ใหญ่ โต๊ะเยอะมาก มีทั้งแบบในห้องแอร์และรับลมภายนอก สามารถทานสายๆ แล้วว่ายน้ำไปด้วยก็ได้ ชิลล์ไปอีกแบบ

หรือจะนอนอ่านหนังสือบนเตียงผ้าใบริมสระแล้วสั่งเครื่องดื่มจากบาร์มาจิบก็เป็นไอเดียที่ดี

มื้อเช้าที่นี่จะเริ่มตั้งแต่ 6:30 โดยมื้อเช้าจะถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์ไลน์อาหารก็จะแน่นหน่อย มีเฝอชุดใหญ่ตั้งโต๊ะไว้บริการ นอกนั้นก็เป็นอินเตอร์คอนติเนนทัลทั่วไป แต่ถ้าวันธรรมดาจะให้เป็นเมนูสั่งแบบ A la carte

ที่ต้องสั่งก็คือกาแฟเวียดนาม เข้มดิบปนหอมนุ่ม และหวานมาก … ต้องบอกเค้าลดนมข้นลงหน่อย บาดคอมากๆ

มานอน Azerai Can Tho ผมสั่งเฝอทานทุกวัน อร่อยได้ใจจริงๆ ครับ ซุปหอม หวานแทบไม่ต้องใส่ซอสเพิ่มเลย

ยอมรับตามตรงว่าค่อนข้างถูกปากกับอาหารเวียดนามที่ได้ทานจากห้องอาหารของ Azerai มีความประยุกต์ให้เป็นสากลมากขึ้น ทานง่าย แต่ยังคงเน้นผักเหมือนเดิม

ยำยอดมะพร้าวกุ้งสดกับยำมะม่วงกุ้งสดอร่อยมาก

ตอนเย็นๆ พระอาทิตย์ตกดิน นั่งเรือล่องแม่น้ำ Hau River ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง กว้างมากเลยครับ

นั่งดูวิวไป จิบเครื่องดื่มฉ่ำๆ ไป ให้สบายใจครับ

เกิ่นเทอ เป็นเมืองเที่ยวได้ เมืองเที่ยวง่าย ใช้เวลาสัก 3 วัน 2 คืนกำลังดี แต่ถ้าเป็นสไตล์ผมก็อาจจะเที่ยวนานหน่อย เพราะอยากจะพักผ่อนในโรงแรม สลับกับออกไปเที่ยวด้วย เราไปเรื่อยๆ ไม่รีบ ค่าครองชีพก็ไม่ได้แพงมาก อาหารค่อนข้างถูกปาก อยากทานผักสด ซีฟู๊ดสดๆ ที่นี่มีหมดครับ

บินตรงกับแอร์เอเชีย ไปเกิ่นเทอ 3 ไฟล์ทต่อสัปดาห์ ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.airasia.com

#ไปเกิ่นเทอไปกับแอร์เอเชีย

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน