Baan Klang Krung Sathupradit 57

Marcel Wanders นักออกแบบชื่อดังได้กล่าวไว้ว่า “𝐋𝐮𝐱𝐮𝐫𝐲 𝐢𝐬 𝐧𝐨𝐭 𝐚𝐛𝐨𝐮𝐭 𝐭𝐡𝐞 𝐭𝐡𝐢𝐧𝐠𝐬 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐲𝐨𝐮 𝐨𝐰𝐧. 𝐈𝐭 𝐢𝐬 𝐚𝐛𝐨𝐮𝐭 𝐬𝐨𝐦𝐞𝐭𝐡𝐢𝐧𝐠 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐫𝐞𝐟𝐥𝐞𝐜𝐭𝐬 𝐲𝐨𝐮𝐫 𝐩𝐞𝐫𝐬𝐨𝐧𝐚𝐥 𝐯𝐚𝐥𝐮𝐞𝐬, 𝐬𝐨𝐦𝐞𝐭𝐡𝐢𝐧𝐠 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐬𝐡𝐨𝐰𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐜𝐡𝐨𝐢𝐜𝐞𝐬 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐲𝐨𝐮 𝐡𝐚𝐯𝐞 𝐦𝐚𝐝𝐞 𝐢𝐧 𝐲𝐨𝐮𝐫 𝐥𝐢𝐟𝐞.” – ความหรูหราไม่ใช่แค่สิ่งของที่คุณเป็นเจ้าของ แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนค่านิยมส่วนตัว เป็นทางเลือกที่คุณได้ตัดสินใจในชีวิต”

บนทำเลพระราม 3 ที่พลุ่งพล่านไปด้วยพลังชีวิตของคนกรุงเทพมหานคร โครงการบ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์ 57 ปรากฏตัวอย่างสง่างามในรูปแบบของบ้านพักอาศัย 5 ชั้นและ 6 ชั้น ที่ออกแบบมาเพื่อการอยู่อาศัยและ “เชื่อมโยง” ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในบ้านด้วยกันเอง และสัมพันธ์กับเมืองใหญ่ที่โอบล้อมอยู่โดยรอบ

บ้านถูกจัดวางอย่างมีชั้นเชิง ทุกยูนิตออกแบบเพื่อการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีคุณภาพ โครงการนำเสนอในคอนเซปต์ The Pinnacle of Vertical Estate Living เป็นบ้านเดี่ยวสูง 5 ชั้นและ 6 ชั้น โดยแต่ละชั้นให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ภายใน Penthouse ส่วนตัวที่เชื่อมโยงทุกความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัวทุกคนเอาไว้ด้วยกัน

ในวันที่ความเร่งรีบกลายเป็นวิถีของชีวิตเมือง บ้านกลับสร้างจังหวะที่เรียบหรูและแตกต่าง ด้วยฟังก์ชันการอยู่อาศัยที่เชื่อมต่อทุกสมาชิกของครอบครัว แม้จะต่างวัย ต่างจังหวะชีวิตแต่ก็ตอบโจทย์ความต้องการได้

พื้นที่ส่วนกลางภายในบ้านที่เปิดรับการใช้ชีวิตร่วมกัน เช่น ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ หรือครัวยุโรปที่ต่อเนื่องกับ Living Area สอดรับกับพื้นที่ส่วนตัวแต่ละชั้น ห้องนอนได้รับการออกแบบให้มีความโปร่ง โล่งสบาย เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีมุมพักผ่อนของตัวเอง

ฟังก์ชันที่มีการจัดวาง เพื่อให้ทุกคนมีมุมส่วนตัว และสอดแทรก Pocket Garden มาตามจุดต่าง ๆ ภายในตัวบ้าน เพิ่มความร่มรื่นและสุนทรียภาพในการอยู่อาศัย ตอบโจทย์ครอบครัวขนาดใหญ่ อยู่รวมกันหลาย Generation ได้อย่างลงตัว

ที่นี่จึงไม่ใช่แค่ “บ้านสูง 6 ชั้น” แต่คือบ้านที่มีระดับของความใส่ใจ และพื้นที่ในการเติมเต็มความสัมพันธ์ — บ้านที่ทุกก้าวเดินสามารถเชื่อมโยงกันได้ผ่านสายตา รอยยิ้ม และความเข้าใจ

ทำเลสาธุประดิษฐ์ไม่ใช่แค่ศูนย์กลางของการเดินทาง แต่ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่อทุกแกนกลางของกรุงเทพฯ ได้อย่างลงตัว ทั้งถนนพระราม 3, นราธิวาสฯ, สีลม และสาทร พร้อมทางด่วนเฉลิมมหานครที่พาเราเข้าสู่ใจกลางเมืองในไม่กี่นาที

ที่ตั้งของโครงการจึงไม่ใช่แค่เรื่องของ “โลเคชั่น” แต่คือการออกแบบจุดยืนใหม่ของคนเมือง ที่ต้องการอยู่ในจุดที่สามารถเชื่อมโยงกับโอกาส ความสะดวก และแรงบันดาลใจของมหานคร โดยไม่ต้องละทิ้งความสงบส่วนตัว

บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์ 57 จึงตอบโจทย์ทุกคำตอบของการใช้ชีวิตทั้ง “ความเป็นส่วนตัว” กับ “การใช้ชีวิตร่วมกัน” ผสาน “ความสงบ” กับ “ความเชื่อมโยงกับใจกลางเมือง”

ที่นี่คือการออกแบบชีวิตให้มีทุกสิ่ง…ในจังหวะที่พอดี

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม https://apthai.ly/pch12C

#BAANKLANGKRUNG#บ้านกลางกรุง#บ้านกลางกรุงสาธุประดิษฐ์57#APThai#APHome#APLivingseries#บ้านเดี่ยวAPบ้านที่เข้าใจชีวิต#APbeyondSPACE

บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์ 57 โครงการระดับ SUPER LUXURY CLASS บนที่ดิน 2 ไร่ กว่า ทว่ามีจำนวนเพียง 9 ยูนิตเท่านั้น ออกแบบภายใต้แนวคิด “The Pinnacle of Vertical Estate Living” ตั้งใจให้สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด
โครงการตั้งอยู่ในย่านที่เป็นดั่งย่านที่เป็นทำเลแห่งขุมทรัพย์ เพราะรองรับส่วนขยายมาจากสีลม-สาทรในเวลาเพียงไม่กี่นาที อีกทั้งตอนนี้โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เคยชะลอไปในช่วงโควิดได้ดำเนินการต่อจนใกล้แล้วเสร็จในหลายจุด เช่น โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก หรือจะใช้เส่้นทางในปัจจุบันที่เชื่อมต่อสาธุประดิษฐ์เข้ากับใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร เข้าสู่พระราม 3, สาทร, สีลม, เจริญกรุง, เจริญนคร, พระราม 4, พระราม 6, พระราม 9, วิภาวดีรังสิต, รัชดาภิเษก, ไปได้หลายเส้นทางมากๆ ส่วนทางพิเศษเฉลิมมหานคร ก็ใช้เดินทางสู่วงแหวนกาญจนาภิเษก, สุขสวัสดิ์, พระราม 2 มุ่งหน้าสู่ประตูของภาคใต้ได้อย่างสะดวกรวดเร็วเช่นกัน 
ทำเลที่ตั้งของโครงการยังเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า อย่าง Central พระราม 3, Terminal 21 พระราม 3, Asiatique The Riverfront, Iconsiam, ดิ อัพ พระราม 3, Int-Intersect Rama 3, Homepro พระราม 3 ฯลฯ 
โครงการยังแวดล้อมด้วยสถานศึกษาชั้นนำที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ปกครองและเด็กๆ ลดระยะเวลาการเดินทางได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น King’s College International School ที่อยู่ใกล้โครงการมากๆ Shrewsbury International School, Hampton International Pre-School, โรงเรียนอัสสัมชัญ, โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน, โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา, St. Andrews International School, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น 
ส่วนสถานพยาบาลใกล้เคียงที่สร้างความอุ่นใจในการดูแลสุขภาพ อาทิ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์, โรงพยาบาลวรรณสิริ, โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์, โรงพยาบาลบีเอ็นเอช, โรงพยาบาลเมดพาร์ค, โรงพยาบาลคริสเตียน ฯลฯ เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้ บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์ 57 เป็นโครงการที่น่าอยู่และสะดวกสบาย รองรับได้ทุกไลฟ์สไตล์ความต้องการ 
ประตูทางเข้าโครงการบานใหญ่มากปิดสูงทึบจนมองไม่เห็นการอยู่อาศัยภายใน ด้านหน้ามีป้ายหินอ่อนสีเข้มประดับโลโก้ของ AP และมี Sculpture Art จัดวางเอาไว้ด้านหน้าเป็นสัญลักษณ์ของ Infinity และเลข 8 ซึ่งสะท้อนความอุดมสมบูรณ์และความสุข สานความสัมพันธ์ของทุกคนในครอบครัว อีกทั้งยังเดินสายไฟร้อยท่อลงดินทั้งโครงการ ทำให้ได้ทัศนียภาพภายในที่สวยงาม ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์ 57 เข้าใจทุกความต้องการของครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ จึงนำเสนอแบบบ้าน 3 สไตล์ ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน พร้อมมอบความสะดวกสบายสูงสุดด้วยลิฟต์โดยสารส่วนตัวทุกหลังซึ่งเป็นฟังก์ชันสำคัญที่ช่วยเชื่อมต่อการใช้ชีวิตในแนวตั้งให้เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกหลากหลายช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ต้องการความคล่องตัวในการใช้สอยพื้นที่ สะท้อนรสนิยมเหนือระดับ พร้อมความสะดวกสบายครบครันใจกลางเมือง 
มีแบบบ้านทั้งหมด 3 แบบ คือ

TRIBECA (ไทรเบก้า): บ้านแฝด 5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม. บนที่ดินเริ่มต้น 61.8 ตร.วา โดดเด่นด้วยการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ประกอบด้วย 3 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, 1 ห้องอเนกประสงค์, 1 ห้องนั่งเล่น, 2 ห้องครัว, ที่จอดรถ 2+1 คัน และ 1 ห้องแม่บ้าน เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการความโปร่งโล่งและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์

SOHO (โซโห): บ้านเดี่ยว 6 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 620 ตร.ม. บนที่ดินเริ่มต้น 78.64 ตร.วา มอบความกว้างขวางเหนือระดับกับ 4 ห้องนอน, 7 ห้องน้ำ, 2 ห้องอเนกประสงค์, 2 ห้องนั่งเล่น, 2 ห้องครัว, ที่จอดรถ 4+1 คัน และ 1 ห้องแม่บ้าน นี่คือแบบบ้านที่พร้อมให้เราเนรมิตทุกมุมเป็นพื้นที่แห่งความสุขและความผ่อนคลาย เราจะพามาชมบ้านตัวอย่างกันครับ

RINCON (รินคอน): บ้านเดี่ยว 6 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 120.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยมหาศาลถึง 915 ตร.ม. นี่คือนิยามของคฤหาสน์หรูใจกลางเมือง พร้อมฟังก์ชันและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับสูงสุด ได้แก่ 4 ห้องนอน, 7 ห้องน้ำ, 2 ห้องอเนกประสงค์, 2 ห้องนั่งเล่น, 2 ห้องครัว, ที่จอดรถ 3+1 คัน, 1 ห้องแม่บ้าน และที่สุดของความพิเศษคือ สระว่ายน้ำส่วนตัว ที่พร้อมเติมเต็มทุกช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนและการสังสรรค์ในบรรยากาศส่วนตัว 
ภาพรวมของงานดีไซน์ภายนอกเป็นแบบ Modern Classic Luxury โดยผสมผสานเสน่ห์ของดีไซน์คลาสสิกเข้ากับองค์ประกอบแบบโมเดิร์นในรูปแบบที่ดูสร้างสรรค์ทันสมัย ซึ่งจะมีความงดงามในรายละเอียด มีความพิถีพิถันจากการจัดวางองค์ประกอบงานดีไซน์ ความสมมาตรและสัดส่วนที่ลงตัว มีดีเทลในงานออกแบบ เช่น ลักษณะของเสา คิ้วบัว ลายเซาะร่อง กรอบหน้าต่างหรือราวระเบียงที่ตกแต่งอย่างประณีตเพื่อแสดงออกถึงความสง่างาม

โทนสีของตัวบ้าน เลือกใช้เฉดสีที่สื่อถึงอบอุ่นสะท้อนถึงความหรูหราแต่ยังคงความอบอุ่นเหมาะกับการอยู่อาศัย ตอนที่แดดส่องแสงในช่วงเวลาเช้าและยามเย็นทำให้เกิดเป็นลวดลาย หรือสาดแสงเงาเข้าไปภายในบ้านทำให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นการสร้างงานสถาปัตยกรรมดีไซน์ใหม่ให้เป็นเอกลักษณ์ของบ้านกลางกรุง เพิื่อสะท้อนภาพลักษณ์ผู้นำด้านที่พักอาศัยที่หรูหรามีระดับ ตอบสนองต่อวิถีชีวิตและความต้องการได้อย่างโดดเด่นและแตกต่าง 
ด้านหน้าเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถยนต์ตามแนวลึกได้ 3 คัน พื้นลานจอดลงเสาเข็มลึกเท่าตัวบ้านและ On Ground ด้านหน้า เราสามารถติดตั้ง Parking Lift เองได้เพื่อให้จอดรถเพิ่มได้อีก 2 คันรวมทั้งหมด 5 คัน อีกทั้งยังได้ติดตั้งระบบไฟ 3 เฟส 200 แอมป์ เพื่อรองรับ EV Charger ซึ่งโครงการติดตั้งให้เป็นยี่ห้อ Zaptec นำเข้าจาก Norway 
ส่วนบ้านตัวอย่างตกแต่งให้ด้านหน้าและด้านข้างบ้านเป็นพื้นที่สวนสีเขียว เพื่อให้ความร่มรื่น พักผ่อนได้อย่างสบายใจ 
ทางเข้าบ้านหลักเป็นประตูไม้บานอลูมิเนียมลายไม้แบบ Oversize โครงการติดตั้งให้เป็นของ TOSTEM ทำให้บ้านดูแกรนด์และสะดวกมากในการขนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่เข้าไปภายในบ้านพร้อมติดตั้ง Digital Doorlock ยี่ห้อ Lockin มาให้ด้วยแล้ว

เราเปิดประตูเข้ามาดูภายในบ้านตัวอย่างกันก่อนครับ ตัวบ้านดีไซน์สไตล์ Modern Classic Luxury ทืี่มีความร่วมสมัย เหนือกาลเวลา (Timeless)

เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะพบกับความใหญ่โตโอ่โถงของ Common Area ด้วยฝ้าเพดานที่สูงถึง 3.5 เมตร ภายในบ้านประกอบด้วย Living Area จัดชุดที่นั่งโซฟาขนาดใหญ่สีเทาน้ำตาลอ่อน ตัดกับอาร์มแชร์สีเขียวเข้ม ดูเรียบหรูดีครับ ผนังเป็นกระจกใสบ้านใหญ่เพื่อให้เปิดรับวิวสวนสีเขียวด้านข้างบ้านได้เป็นการเชื่อมต่อกับธรรมชาติแบบ Inside out-Outside In 
บริเวณนี้ทางโครงการยังได้ติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อให้สะดวกและง่ายต่อการใช้ชีวิต อาทิ ติดตั้ง IP Camera 2 จุดคือ โรงจอดรถและห้องนั่งเล่นชั้น 1 ติดตั้ง Magnetic Sensor และ Shock Sensor ติดตั้ง Smoke Detector เซนเซอร์สำหรับตรวจจับควันไฟ รายงานผ่านมือถือ ติดตั้ง Smart Plug ปลั๊กไฟอัจฉริยะที่สามารถเปิด-ปิด เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ มีแผงจอควบคุมอัจฉริยะแบบ Touch Screen เพื่อควบคุม Smart Home ภายในบ้านได้และยังเชื่อมต่อ Video Phone Door ด้านหน้าบ้านเพื่อพูดคุยกับคนที่มาติดต่อได้ให้เกิดความเป็นส่วนตัวและเป็นการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ส่วนด้านในสุดของแต่ละชั้นจะมีบันไดหนีไฟโครงสร้างเหล็ก มีชุดประตูเหล็กทนไฟ SPR แบบบานทึบ เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินติดตั้งเอาไว้ให้แล้วด้วยครับ 
“True luxury is being able to own your time – to be able to take a walk, sit on your porch, read the paper, not take the call, not be compelled by obligation.” 
บ้านตัวอย่างต่อเติมห้องอเนกประสงค์ด้านข้างเอาไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งจะทำให้เราไม่สามารถติดตั้ง Parking Lift ได้นะครับ อย่างไรก็ตามอาจจะพิจารณาตามความเหมาะสมและการใช้งานจริงของแต่ละครอบครัว หากมีรถยนต์ 3 คันก็เพียงพอต่อการจอดรถแนวลึกด้านข้างและทำให้เรามีพื้นที่ใช้สอยภายในเพิ่มเติมได้ 
ส่วนของครัวไทยจะ Maid Plaza จะอยู่ด้านในสุด แยกเป็นสัดส่วนชัดเจนดี ภายในห้องครัวไทยทางโครงการได้ Build-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้แล้วพร้อมติดตั้ง Hob and Hood จาก Kuppersbusch และอ่างล้างจานจาก Teka บ้านตัวอย่างออฟบบตู้เก็บของบานปิดมาดูเป็นไอเดีย ทั้งยังแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นหน้าต่างบานสไลด์เปิดได้เพื่อระบายอากาศ ส่วนด้านหลังเป็นลานซักล้างและห้องนอนแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว เราสามารถแยกส่วนการพักอาศัยระหว่างเจ้าของบ้านและแม่บ้านได้เลยครับ ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย 
ขึ้นมาดูชั้น 2 กันบ้างครับ ด้วยความที่เป็น Vertical Living ทางโครงการจึงได้ติดตั้งลิฟต์โดยสารภายในบ้านมาให้เป็นของยี่ห้อ Jardine Schindler แบรนด์ลิฟต์หรูจากฝรั่งเศสเป็นระบบไฮดรอลิค สามารถใช้งานได้ครั้งละไม่เกิน 5 คนและรองรับการใช้งานวีลแชร์ด้วยครับ จากการทดลองขึ้นลงก็ถือว่ารวดเร็วและนุ่มนวลดีอยู่ครับ

ส่วนด้านข้างเป็นบันไดให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินขึ้น-ลง โครงสร้างบันไดจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยปาร์เก้ไม้สัก ส่วนราวจับบันไดเป็นไม้สักแท้เพื่อให้ได้สัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติภายในบ้าน อีกทั้งยังติดตั้งไฟ LED ตามแนวขั้นบันไดเพื่อช่วยในการมองเห็นขณะขึ้นลงและเน้นเรื่องความปลอดภัย 
เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 2 ต้องบอกว่าเราประทับใจมาก เพราะออกแบบฟังก์ชันได้ดี มีความเป็นส่วนตัวที่แยกออกจากส่วนต้อนรับบริเวณชั้น 1 ทำให้กลายเป็นพื้นที่ของสมาชิกในครอบครัวอย่างแท้จริง 
ภายในดีไซน์แบบ Open Plan ประกอบด้วย Pantry และพื้นที่จัดเตรียมอาหารแบบครัวยุโรป พร้อมเก้าอี้สตูลทรงสูงสำหรับนั่งรับประทานอาหารมื้อเช้าแบบง่ายๆ ของเด็กๆ ก่อนไปโรงเรียน หรือจะนั่งที่โต๊ะรับประทานอาหารก็ได้จัดวางไว้ 6-8 ที่นั่งหรือเราจะสั่งโต๊ะที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ก็ได้เช่นกันเพราะมีพื้นที่เพียงพอ ส่วนด้านหน้าเป็น Living Area สำหรับพักผ่อนสบายๆ ใช้เวลาร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว 
“The ultimate luxury is being able to relax and enjoy your home.”

— Jeff Lincoln 
นอกจากนี้ ทางโครงการยังได้ติดตั้ง Smart Oxyflow เป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ไม่เพียงแค่ปรับอากาศภายในบ้านให้สะอาดและสดชื่นอยู่เสมอ แต่ยังสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ด้วย HEPA Filter และฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย 
เพื่อให้ ทุกคนในครอบครัวได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ ช่วยลดอุณหภูมิในบ้านและช่วยเติมอากาศใหม่เข้ามาในบ้าน ปลอดภัยจากเชื้อโรค และส่งเสริมสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง เชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัส ระบบนี้จะช่วยกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
ด้านในเชื่อมต่อกับ Living Area จะมี Multi-purpose Area ที่มีขนาดใหญ่ สามารถออกแบบให้เป็น Home Office จัดวางโต๊ะทำงานหรือเป็นห้องสำหรับเด็กๆ นั่งทำการบ้าน อ่านหนังสือได้เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว ขณะเดียวกันก็จะเชื่อมโยงกับสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันได้ 
เรามาชม Master Bedroom ที่ชั้น 3 กันบ้าง ออกแบบให้เป็น Penthouse เต็มพื้นที่ทั้งชั้น จะเห็นว่าภายในห้องแบ่งฟังก์ชันการใช้สอยได้หลากหลายและลงตัวดีครับ ราวกับเป็นบ้านอีกหนึ่งหลัง เมื่อเดินเข้าประตูไปจะไม่สามารถมองเห็นพื้นที่พักผ่อนได้ในทันที ด้านหนึ่งจะเป็นพื้นที่ของ Living Area สำหรับเจ้าของห้องได้พักผ่อนในฟีลลิ่งส่วนตัว 
บ้านตัวอย่างตกแต่งห้องนี้ในสไตล์คลาสสิค ด้วยการเลือกเฟอร์นิเจอร์โทนน้ำตาลเข้ม ขาว เทา ดำ เพื่อเสริมบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น หรือจะเพลิดเพลินไปกับหนังสือเล่มโปรดที่อ่านค้างไว้จากคืนก่อน เป็นพื้นที่สำหรับพักกายพักใจให้หายเหนื่อยจากการทำงาน เพื่อให้บ้านได้ทำหน้าที่โอบกอดเราอย่างละมุนใจ ถัดเข้าไปจะเป็นพื้นที่ของการพักผ่อน 
เตียงนอนถูกจัดเหลื่อมไว้บริเวณทางเข้าโดยหลบเข้าไปด้านใน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว เราสามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้เลยครับเพราะมีพื้นที่กว้างเดินได้รอบเลย 
สถาปนิกออกแบบให้ห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ด้วยการ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดตั้งไว้ทั้ง 2 ฝั่ง ทางเข้าห้องเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง 
ติดกันกับห้องแต่งตัวจะเป็น Master Bathroom เป็นห้องน้ำในตัวที่มีขนาดใหญ่มาก ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย มาพร้อมกับอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวดูโมเดิร์น ติดกันอ่างล้างหน้าแบบ His&Her ส่วนห้องอาบน้ำจะอยู่ฝั่งตรงข้ามสามารถเปิดหน้าต่างระบายความชื่้นได้ มาพร้อมห้องสุขาที่อยู่ติดกัน 
ด้วยความที่ออกแบบให้ห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet อยู่ติดกับห้องน้ำเราสามารถใช้พื้นที่ได้ต่อเนื่องกัน ทำให้สะดวกเวลาออกจากห้องน้ำมาก็สามารถแต่งตัวต่อได้เลย จบในจุดเดียว อีกไฮไลท์ที่เราชอบคือ Magic Mirror เป็นกระจกที่มีไฟ LED โดยรอบกระจกเพิ่มความขาวสว่าง มีระบบไล่ฝ้าหน้ากระจก หน้าจอจะโชว์เวลาและอุณหภูมิ รวมถึงมีลำโพงสามารถต่อ Bluetooth เชื่อมกับโทรศัพท์ได้เปิดเพลงฟังสบายๆ ขณะอาบน้ำได้ 
ชั้น 4 ก็จะมี 2 ห้องด้วยกัน เริ่มจากห้องนอนแรกบริเวณด้านหน้าลิฟต์ จะอยู่ค่อนไปทางด้านหลังบ้าน ข้อดีก็คือได้เปรียบเรื่องความเงียบและวิวที่มองเห็นยาวไปจนถึงสะพานแขวน อีกทั้งยังค่อนข้างโปร่งด้วยช่องแสงขนาดใหญ่จากประตูกระจกฝั่งด้านหลังบ้าน เราชอบมากครับ ช่วยให้ห้องนี้ดูสว่างโดยใช้แสงจากธรรมชาติเข้ามา 
บ้านตัวอย่างตกแต่งในสไตล์เด็กวัยรุ่นชายที่มีความเป็นตัวของตัวเอง ด้านในจัดวางเตียงนอนเป็นรูปรถยนต์ เป็นอะไรที่คูลสำหรับเด็กยุคนี้มาก ผนังหัวเตียงเน้นสีน้ำตาลเข้ม พร้อมโต๊ะเตี้ยจัดวางไว้ที่หัวนอนสำหรับชาร์ตโทรศัพท์ วางหนังสือหรืออุปกรณ์ต่างๆ อีกทั้งยังมีพื้นที่โดยรอบเตียงเดินได้สบายเลยครับ 
ส่วนมุมแต่งตัวจะอยู่ด้านข้างเชื่อมต่อกับห้องน้ำภายในตัว เรามองว่าน่าจะสะดวกมาก ทำให้สามารถจัดการธุระส่วนตัวได้เรียบร้อยในบริเวณนี้เลยครับ ภายในห้องน้ำมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน 
ส่วนอีกห้องนอน Junior Master Bedroom จะอยู่ฝั่งหน้าบ้าน จะสังเกตว่าช่วงหัวนอนจะปิดทึบตามดีไซน์ของ Exterior บ้าน แต่จะเปิดช่องแสงขนาดใหญ่จากด้านข้างแทน 
ภายในห้องนอนแยกส่วนพักผ่อนกับการใช้งานภายในห้องออกจากกันชัดเจน บ้านตัวอย่างจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้ด้านในสุด พร้อมโต๊ะหัวเตียงและโคมไฟ มีพื้นที่โดยรอบเตียงเดินได้สบายเลยครับ 
พื้นที่ปลายเตียงสามารถติดตั้งชั้นวางทีวีได้ มีโซฟาพร้อมโต๊ะกลางให้เป็นมุมพักผ่อนหรืออ่านหนังสือมาพร้อมช่องแสงธรรมชาติขนาดใหญ่ 
โต๊ะเครื่องแป้งจะอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้า ส่วนด้านหลังพาร์ติชันทีวีจะเป็นพื้นที่สำหรับแต่งตัวและเป็นห้องที่มีห้องน้ำในตัวเช่นกัน ฟังก์ชันจะคล้ายๆ กับห้อง Master Bathroom ที่มีครบทุก Elements พร้อมติดตั้ง Magic Mirror มาให้แล้วด้วยเช่นกัน 
ห้องน้ำตกแต่งหรูหรา 
ขึ้นมาดูชั้น 5 กันบ้าง ชั้นนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ห้อง เมื่อเดินออกจากลิฟต์มาเราจะเจอห้องแรก บ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็น Home Fitness สำหรับออกกำลังกายเบาๆ ภายในบ้าน เพื่อสุขภาพที่ดีของสมาชิกทุกคนในบ้าน มาพร้อมกับห้องน้ำในตัว อย่างไรก็ตามเราสามารถปรับพื้นที่ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และความต้องการได้เช่น ทำเป็นห้องพระ สวดมนต์ ห้องทำงาน อ่านหนังสือหรือทำเป็น Entertainment Room ห้องดูหนังฟังเพลงได้ 
ส่วนอีกห้องจะอยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน แม้ฟังก์ชันหลักจะเป็นห้องนอนอีกหนึ่งห้อง แต่ด้วยความที่บ้านออกแบบโดยใช้หลัก Adaptability of Design คือทำให้กลายเป็นบ้านที่พร้อมปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย เปิดกว้างให้เราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันและดีไซน์ภายในบ้าน ให้ตรงกับความต้องการของแต่ละครอบครัวได้ 
จริงๆ แล้วหากบ้านไหนสมาชิกในครอบครัวไม่ได้เยอะมาก เราอยากแนะนำให้จัดการแบ่งเป็นห้องอเนกประสงค์แบบบ้านตัวอย่าง เช่นห้องนี้ที่ปรับฟังก์ชันจากห้องนอนออกมาทำเป็นห้องทำงานและ Entertainment Room สำหรับนั่งดูหนังฟังเพลง กินดื่มสังสรรค์กันเบาๆ ในบรรยากาศสบายๆ ส่วนตัว มาพร้อมกับห้องน้ำในตัวเนื่องจากบ้านมาตรฐานจะเป็นห้องนอน เพราะอย่างที่บอกไปว่า ทุกห้องล้วนเป็นพื้นที่เอนกประสงค์ที่สามารถออกแบบได้ตามใจ ซึ่งโดยหลักของการออกแบบที่เราเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้คือ Open Plan การออกแบบจึงเปิดให้มีความยืดหยุ่นในการใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่และตรงตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยในบ้านนั่นเองครับ 
ชั้น 6 เป็นชั้นบนสุดที่เราชื่นชมไอเดียในการออกแบบมาก เพราะสามารถใช้พื้นที่ Vertical Living ได้อย่างสมบูรณ์แบบ กลายเป็นคอนเซปต์ที่คิดแบบทวิสต์ ก็คือเปิดให้มีพื้นที่สีเขียวบริเวณชั้นบนสุดของบ้าน กลายเป็น Rooftop Garden โดยสถาปนิกได้คำนวนน้ำหนักเผื่อเอาไว้สำหรับการปลูกต้นไม้ที่ด้านบนนี้เอาไว้แล้ว ทำให้ภายในโครงการมีการผสมผสานกันระหว่างงานสถาปัตยกรรมและธรรมชาติเป็นสไตล์การออกแบบที่เข้ากับยุคสมัยมากครับ เราสามารถใช้พื้นที่ชั้นบนในการทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นดินเนอร์มื้อค่ำท่ามกลางวิวมุมสูงของพระราม 3 หรือจะนั่งอ่านหนังสือยามเช้า จิบชายามบ่ายหรือออกกำลังกาย โยคะ ยามเย็นก็ทำได้เช่นกัน 
#สรุป บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์ 57 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ สำหรับใครที่มองหาบ้านหลังใหญ่ในรูปแบบ Vertical Living ที่มีด้วยกันทั้งแบบ 5 ชั้นและ 6 ชั้น ตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่อยู่อาศัยกันหลายเจนเนอเรชั่น ทว่ายังคงให้ความเป็นส่วนตัวของกันและกันได้ ภายใต้ทำเลที่เชื่อมต่อทุกการเดินทางเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างรวดเร็ว มีสิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อมครบครัน

ราคาเริ่ม 65 – 130 ล้าน*

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://apthai.ly/pch12C 
KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน