AIRES Rama 9

มีคำพูดหนึ่งของ Albert Einstein อัจฉริยะชื่อก้องโลกที่กานต์ชอบมาก

“𝑰 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒏𝒐 𝒔𝒑𝒆𝒄𝒊𝒂𝒍 𝒕𝒂𝒍𝒆𝒏𝒕𝒔. 𝑰 𝒂𝒎 𝒐𝒏𝒍𝒚 𝒑𝒂𝒔𝒔𝒊𝒐𝒏𝒂𝒕𝒆𝒍𝒚 𝒄𝒖𝒓𝒊𝒐𝒖𝒔.”

คำที่สะดุดใจผมคือ Passion (แพชชั่น) มันเป็นความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพาให้เราทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือก้าวไปสู่จุดนั้น ผมเองก็เป็นคนขับเคลื่อนความฝันด้วย Passion

ตอนที่มาชมโครงการ AIRES พระราม 9 ได้ขึ้นไปชมห้องหนึ่งในบ้านอยู่ชั้นบนสุด โครงการตั้งใจออกแบบให้เป็น Passion Room คือห้องที่เราจะทำอะไรก็ได้ในแบบที่เป็นตัวเอง … และในชีวิตประจำวันเราอาจจะไม่ได้ทำ

ไอเดียนี้ดีมาก ทำให้ผมรู้ว่า Passion ของ D’Well ผู้พัฒนาโครงการ คือตั้งใจออกแบบที่พักอาศัยดีๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกบ้านในมุมที่โครงการอื่นไม่ค่อยได้นึกถึง

ทันทีที่ผมขับรถเข้ามาในโครงการ AIRES พระราม 9 สัมผัสแรกคือ Privacy มีความเงียบสงบมาก งานดีไซน์สวยต่างจากทั่วไป ดูครั้งแรกก็รู้เลยว่าเจ้าของต้องเป็นสถาปนิก เพราะออกแบบได้ทวิสต์จากโครงการอื่นอย่างชัดเจน ซึ่งก็จริงตามที่คิด เราจึงได้เห็นบ้านหน้ากว้างแต่อยู่ใจกลางเมือง มี Living ขนาดใหญ่แบบ Double Volume พื้นที่ใช้สอยเยอะแต่จำนวนยูนิตไม่มาก ออกแบบให้มี Passion Room สำหรับเติมเต็มแรงบันดาลใจ

อีกจุดที่ชอบคือมี Private Rooftop Terrace ราวกับอยู่อพาร์ทเม้นท์ใจกลาง New York มองออกไปเห็นวิวรอบๆ แบบเปิดโล่งเต็มไปด้วยต้นไม้ โลเคชั่นนี้ดีตรงที่ไม่มีตึกสูงบังวิว สามารถทำเป็น Sky Garden เพื่อพักผ่อนได้ นับเป็นโครงการที่ยูนีคมีสไตล์ชัดเจน ดังนั้น มันจึงเป็นการสร้าง Community ของเพื่อนบ้านคือคนที่มี Passion และความชื่นชอบที่คล้ายเรา

กานต์พาไปชมภาพในคอลเลคชั่น AIRES พระราม 9 พร้อมอ่านเรื่องราวที่เต็มไปด้วย Passion ของผมในการเล่า เอาจริงๆ นะ มีไม่กี่โครงการหรอกที่ทำให้ผมตื่นเต้น หลงใหลและปรารถนาจะได้ครอบครองครับ

สนใจสอบถามข้อมูลและนัดหมายเข้าชมโครงการได้ที่ >> โทร. 090-996-4949

https://www.aires-residence.com/

Atelier Residence เป็นคำนิยามของโครงการ AIRES พระราม 9 ที่พัฒนาขึ้นมาภายใต้แนวคิด “Artist In Residence” ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 1-3-73.2 ไร่ ถือว่ามีความเป็นส่วนตัวมากๆ เข้าออกทางเดียว พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย

ออกแบบให้เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง พื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่เริ่มต้น 243 – 304 ตร.ม. หน้าบ้านออกแบบให้เป็นพื้นที่จอดรถได้มากถึง 3 คัน มาพร้อมกับพื้นที่อเนกประสงค์ชั้นบน ข้อดีที่โดดเด่นคือจะเป็นพื้นที่ให้เราสามารถสร้างสรรค์ได้ตาม Passion ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน

ฟังก์ชันก็น่าสนใจภายใต้คอนเซ็ปต์ Atelier Residence เพื่อตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มครอบครัวสมัยใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว สามารถผสมผสานการใช้ชีวิตแบบ Work-life Integration ได้อย่างลงตัว

เนื่องจากโครงการมีเพียง 18 ยูนิตเท่านั้น จึงได้ความเป็นส่วนตัวสูง และด้วยความที่ดีไซน์ค่อนข้างชัดเจนต่างจากทาวน์โฮมทั่วไป จึงเป็นสังคมแห่งการอยู่อาศัยที่รวมเอาคนที่มีความชอบความสนใจไม่ต่างกัน มาอยู่ร่วมกัน

โครงการ AIRES พระราม 9 อยู่บนถนนพระราม 9 เข้าซอย 49 มาเล็กน้อย ถือว่าอยู่ใจกลางเมืองเลยนะครับ ผมใช้เวลาขับรถจากบ้านมาโครงการไม่นานนัก แต่ที่ชอบคือลงทางด่วนแล้วขับตรงมาอีกเล็กน้อยก็ถึงเลยครับ นับว่าสะดวกมาก

ผมเคยขับเข้ามาในซอยนี้ เป็นทำเลที่ร่มรื่นดี มีต้นไม้สองข้างทาง ฟุตบาทกว้างเดินได้สบาย เชื่อมต่อกับถนนหัวหมากทางด้านหลังจึงเป็น Prime Location ที่สามารถเข้า-ออกเมืองได้สะดวกหลายเส้นทาง ทั้งรามคำแหง, อโศก, ทองหล่อ, เอกมัย, พระราม 9 และมอเตอร์เวย์ออกไปสุวรรณภูมิ-ชลบุรี หรือไปขึ้นถนนกาญจนาภิเษกเพื่อไปบางนา-พระราม 2 -บางปะอินก็ได้เช่นกัน

ไม่ไกลจากโครงการมีสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link สายสีแดง และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีเหลืองมาเพิ่มอีกด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกในย่านนี้ก็มีครบครัน ใกล้ๆ โครงการมีห้าง The Nine Center พระราม 9 สามารถขับอ้อมวนด้านหลังโครงการเพื่อเข้าห้างได้เลยครับ

“Do something nice for yourself today. Find some quiet, sit in stillness, breathe. Put your problems on pause. You deserve a break.”

― Akiroq Brost

โครงการออกแบบภายนอกได้ดูโมเดิร์นดีมาก รั้วหน้าบ้านเป็นบานเฟี้ยมอลูมิเนียมน้ำหนักเบาสามารถติดตั้งระบบรีโมทไฟฟ้าเพิ่มได้ บ้านแต่ละหลังจะเว้นผนังให้มีช่องอากาศเพื่อแยกบ้านออกจากกัน ข้อดีก็คือจะเป็นฉนวนกันเสียงรบกวนกัน ทำให้ได้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น โครงการเก็บเสาไฟฟ้าลงใต้ดินทำให้ทัศนียภาพสวยงาม

งาน Exterior เลือกใช้โทนสีเบจกับสีดำทำให้ดูหรูหราอารมณ์ CHANEL มีความเรียบหรูโก้ หน้าบ้านออกแบบให้มีปลั๊กไฟและ Junction ของงานระบบเพื่อรองรับการติดตั้ง EV Charger สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเอาไว้ให้แล้ว

ประตูทางเข้าบ้านเป็นบานไม้ทึบสีน้ำตาลธรรมชาติเป็นแบบ Over Size 2 บาน ด้านขวาบานใหญ่กว้าง 1 เมตรและมีประตูบานเล็กทางซ้ายอีก 40 เซนติเมตร สามารถเปิดออกพร้อมกันได้เพื่อขนของชิ้นใหญ่เข้าบ้าน มือจับติดตั้ง Digital Door Lock ส่วนด้านในติดตั้งโช๊คอัพลดแรงกระแทก และมี Stopper ติดตั้งไว้ให้ทั้ง 2 บานพร้อมใช้งานรองรับการติดตั้งระบบ Home Automation ในอนาคตด้วยครับ ลงดีเทลดีมาก

สัมผัสแรกที่เรามองเห็นเมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาจะเป็นมุมมองนี้ครับ ซึ่งจะต่างจากทาวน์โฮมทั่วไปเพราะด้านหน้าจะยังไม่ใช่มุมรับแขก

เมื่อเดินเข้ามาอีกเล็กน้อยตัวพื้นจะยก Step ขึ้นนิดหน่อยเพื่อเป็น Common Area ขนาดใหญ่แบบ Open Space ให้เราตกแต่งได้ตามใจ ชั้นล่างจะเป็น Socializing Floor

ด้านหน้าเป็นโถงต้อนรับพร้อมกับห้องน้ำแบบ Powder Room เราสามารถถอดรองเท้าแล้ววางเก็บเข้าตู้ก่อนเดินเข้าไปในบ้านได้ที่บริเวณนี้ มีพื้นที่ใต้บันไดสามารถเปิดออกเพื่อเป็นพื้นที่เก็บของ

ติดกันจะเป็นครัวไทยที่เป็นครัวปิดแยกเอาไว้ต่างหาก สามารถทำอาหารได้จริงจัง โครงการจัดวางระบบดูดอากาศจากครัวไทย เชื่อมกับท่อภายในต่อออกไปนอกบ้านให้เรียบร้อยแล้วครับ

บ้านตัวอย่างจะประกอบไปด้วย Living Area พื้นที่รับประทานทานอาหาร เคาน์เตอร์ครัวฝรั่ง เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนด้านหลังบ้าน

Living Area ออกแบบให้บริเวณชั้นล่างเชื่อมต่อกับชั้นลอย ถือเป็นพระเอกของบ้านเลยครับเพราะโดดเด่นด้วยโถงสูงแบบ Double Volume มองเห็นพื้นที่สวนด้านนอกผ่านกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน 6.3 เมตร เป็นกระจกนิรภัย Tempered Glass สีเขียวตัดแสง กันความร้อนและเก็บเสียงได้ดี ส่วนประตูบานเลื่อนเป็นแบบ 4 ตอนสามารถเลื่อนเปิดได้ด้านเดียว

ด้านหลังจึงออกแบบเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนหรือจัดสวนสวยๆ เพื่อให้เราได้มองเห็นจากด้านในบ้านผ่านกระจกบานใหญ่นั่นเองครับ จะสังเกตว่าหลังบ้านไม่มีถังเก็บน้ำแบบทาวน์โฮมทั่วไป เพราะงานระบบทั้งหมดถูกย้ายไปอยู่หน้าบ้านแล้วครับ

ทำให้พื้นที่ด้านหลังจึงเหมาะสำหรับนั่งพักผ่อน ชมสวนหรือทำกิจกรรมในวันสบายๆ ที่เราได้อยู่บ้านอย่างเต็มพื้นที่

ข้อดีของงานดีไซน์ภายในบ้านหลังนี้ ก็คือทำให้เราเปิดพื้นที่ได้กว้างกว่าเดิม สามารถปาร์ตี้บาร์บีคิวในบ้านกับเพื่อนฝูงหรือสมาชิกในครอบครัวได้ทั้ง 3 จุด เพียงแค่เราเปิดประตูออกเชื่อมต่อพื้นที่ภายนอกและภายในก็ทำให้มี Space เพิ่มมากขึ้น

ผมชอบส่วนของพื้นที่หลังบ้านตรงนี้มาก กระจกบานใหญ่ช่วยทำให้บ้านดูโปร่งโล่งอยู่สบาย ไม่อึดอัด บ้านตัวอย่างซึ่งเป็นหลังแปลงหัวมุม ทำให้ได้สวนด้านข้างและมีช่องหน้าต่างเพิ่มมาด้วย ช่วยเพิ่มช่องทางเปิดรับแสงธรรมชาติได้มากขึ้นไปอีก

กรอบประตูและหน้าต่างทั้งหมดในบ้านเป็นอลูมิเนียมสีดำ ทำให้บ้านดูมีมิติมากขึ้น บ้านตัวอย่างจัดมุมนี้ให้เป็นที่นั่งจิบน้ำชาอ่านหนังสือ หรือว่าจะเป็นมุมนั่งจิบไวน์เบาๆ นั่งคุยนั่งดื่มกันก่อนจะเข้าสู่มื้ออาหารต่อไป

ขึ้นบันไดไปดูชั้นลอยกันต่อครับ สำหรับบันไดชั้น 1 ขึ้นชั้นบน เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กที่ดูแล้วมีความแข็งแรงทนทานดี

ลูกนอนหน้ากว้าง 1 เมตร ปิดผิวด้านบนด้วยไม้จริง ออกแบบให้มีราวจับเป็นไม้เสาเหล็กเป็นซี่ ทำให้มุมบันไดดูโมเดิร์นและโปร่งดีไม่ทึบตัน

บ้านตัวอย่างติดตั้งไฟส่องสว่างไว้ที่ขั้นบันไดดูเก๋ดีครับ สามารถนำไปเดียไปปรับใช้ได้

“We should attempt to bring nature, houses, and human beings together in a higher unity”

– Ludwig Mies van der Rohe

ขึ้นมาชั้นนี้ เป็นชั้นลอย ออกแบบให้เป็น Private Living Area ห้องนี้กั้นผนังระหว่างโถงบันไดด้วยชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ ให้เราสามารถติดตั้งสมาร์ททีวีจอใหญ่ได้สบายเลยครับเพราะมีระยะห่างในการนั่งรับชมประมาณ 3.5 เมตร บ้านตัวอย่างจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่เป็นรูปตัวแอล (L-Shape) สีเทาควันบุหรี่ดูคลาสสิคดีครับ

ผมสังเกตว่าพื้นที่ภายในบ้านจะค่อนข้างเน้นความโปร่งและการไหลเวียนถ่ายเทของอากาศ เมื่อได้มาสัมภาษณ์พูดคุยกับผู้บริหารจึงพบว่าโครงการให้น้ำหนักกับเรื่องของพื้นที่-คน-แสง-อากาศ (Space-People-Light-Air) มาเป็นคอนเซ็ปต์หลักในการออกแบบโครงการ AIRES นั่นเองครับ

เห็นได้ชัดเจนจากพื้นที่ชั้นลอย ถูกออกแบบให้มีช่องแสงธรรมชาติส่งผ่านกันทั้งด้านหน้าและด้านหลังบ้าน เพราะด้านหลังเป็นกระจกสูงบานใหญ่จากพื้นจรดเพดานซึ่งแน่นอนว่าเชื่อมต่อมาที่ชั้นลอยด้วย

ส่วนหน้าบ้านจะเป็นช่องแสงจากชานพักบันได ทำให้เพิ่มแสงส่องสว่างและยังมีหน้าต่างจากมุมนั่งเล่นให้เราเปิดออกไปได้ กลายเป็นพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ด้านนอกและถ่ายเทอากาศบริสุทธิ์เข้ามาภายในบ้าน

ดังนั้น Private Living Area จึงเป็นอีกมุมที่ผมชอบมาก

ผมเพิ่งเคยเจอโครงการที่ปูพื้นด้วย Stone Composite เพราะไม่ค่อยเห็นจากโครงการอื่นมากนัก อาจจะด้วยว่าตอนนี้ราคายังสูงอยู่ แต่ทางโครงการก็เลือกของดีมาให้ เป็นลายไม้ดูเนียนมาก

ข้อดีมีความแข็งแรงทนทาน กันน้ำ เพราะมีส่วนผสมของหิน ไม่บวมเหมือนไม้และให้ผิวสัมผัสแบบพื้นไม้ได้ฟีลสบายตา

อีกด้านเป็นราวกั้นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่าง ให้เรามองเห็นวิวภายนอกจากชั้นบนทำให้ได้มุมมองที่ไกลกว่า

บ้านตัวอย่างติดตั้งราวกันตกเป็นกระจกนิรภัย Tempered Glass แต่บ้านจริงจะเป็นราวจับไม้ซี่เหล็กแบบเดียวกับราวบันได ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนเองทีหลังได้ตามใจชอบครับ

Private Living Area จึงเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับสมาชิกภายในบ้าน สามารถมานั่งพักผ่อน ดูทีวีหรือนั่งพูดคุยกันได้นี่ ผมชอบมาก บ้านตัวอย่างตกแต่งในบรรยากาศสบายๆ อบอุ่นและเป็นกันเอง

จากชั้นลอยเราจะเดินขึ้นไปชมกันต่อที่ชั้น 2 ครับ จะสังเกตว่ามีความเปลี่ยนแปลงของบันไดซึ่งเอาลูกตั้งออกไปกลายเป็นบันไดเหล็กมีลูกนอน วัสดุปิดผิวด้วยไม้จริง ทำให้บ้านดูโปร่ง แสงจากชานพักบันไดและผนังกระจกด้านหลังสามารถลอดผ่านได้ ช่วยเพิ่มความสว่างและการไหลเวียนของอากาศให้บ้าน

ชั้น 2 เป็น Master Bedroom ครับ สิ่งที่ผมชอบคือการออกแบบตกแต่งภายในที่คำนึงถึงความโปร่งสบาย เวลาไปทำงานหรือเดินทางกลับจากต่างประเทศมาเหนื่อยๆ พอมาถึงบ้านแล้วรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลายมากเลยครับ

Master Bedroom ออกแบบให้มีช่องแสงขนาดใหญ่ส่องมาจากด้านหน้าบ้านเป็นประตูกระจกเขียวตัดแสง เราสามารถติดตั้งม่านหรือมู่ลี่เพิ่มเติม เปิด-ปิดม่านได้หากต้องการความเป็นส่วนตัว

Master Bedroom ได้พื้นที่ประมาณเต็มชั้น ภายในมีขนาดกว้างขวาง บ้านตัวอย่างจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่เอาไว้ตรงกลางพร้อมกับมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้เดินได้สบาย และยังสามารถจัดวางโต๊ะหัวเตียงพร้อมโคมไฟเอาไว้อีกด้วย

ถ้าเป็นห้องนอนในฝันของกานต์ อยากจะขยับเตียงมาชิดผนังด้านใน เพื่อที่จะมี Space เหลือด้านข้างริมประตูกระจก จะได้จัดวางเดย์เบดสำหรับเป็นมุมพักผ่อนภายในห้องนอน เอาไว้นั่งอ่านหนังสือ หรือดูทีวีและเทควิวจากด้านนอก

ติดกันเป็นประตูกระจกสามารถเปิดออกไปยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าหลังตื่นนอนได้ที่ระเบียงห้องส่วนตัว

ปลายเตียงเป็นชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ บ้านตัวอย่างใช้ทีวีแบบแขวนผนังทำให้ห้องดูโมเดิร์นมากขึ้น เป็นไอเดียที่เข้าท่าดี มีคาบิเบทแบบแขวนเช่นกันให้เราวางของจุกจิก

ส่วนผนังอีกด้านบ้านตัวอย่างกั้นเพื่อเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet

ห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ออกแบบให้เป็นรูปตัวยู (U-Shape) เพื่อให้เราได้ใช้พื้นที่ส่วนตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะคนที่ชอบแต่งตัวแบบผมจะสนุกกับห้องนี้มาก

มาพร้อมกับมุมโต๊ะเครื่องแป้งกระจกเงาขนาดใหญ่เต็มบานขนานไปกับความกว้างของห้อง ถือเป็นห้องนอนหลักที่มีขนาดพื้นที่กว้างขวางและออกแบบฟังก์ชั่นใช้สอยภายในได้ค่อนข้างลงตัวเลยครับ

ถัดไปด้านในเป็นห้องน้ำแบบ Full Bath ซึ่งมีขนาดใหญ่เช่นกัน พื้นปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนแผ่นใหญ่ แบ่งฟังก์ชั่นการใช้งานออกเป็นสัดส่วน

ด้านในสุดจะเป็นห้องอาบน้ำพร้อม Hand Shower และ Rain Shower บ้านตัวอย่างติดตั้ง Shower Screen กระจกนิรภัย เพื่อแยกส่วนการใช้งานเปียกและแห้ง ถัดไปเป็นสุขภัณฑ์ได้เป็น Villeroy & Boch แบรนด์สุขภัณฑ์สุดหรูจากเยอรมัน มาพร้อมเคาน์เตอร์หินอ่อนติดตั้งอ่างล้างมือแบบ His & Her ขนาดใหญ่จากแบรนด์เดียวกัน ใต้อ่างเป็นตู้เก็บของซึ่งติดตั้งระบบเครื่องทำน้ำร้อนเอาไว้ให้แล้ว ด้านบนมีกระจกเงาติดตั้งไว้ยาวเต็มบานเต็มผนัง ดูเก๋ดีมาก

ติดกันเป็นพื้นที่จัดวางอ่างอาบน้ำ ได้เป็นงานดีไซน์รุ่น Signature ของ Villeroy & Boch มาพร้อมช่องแสงที่เปิดเฉพาะมุมนี้ ข้อดีคือได้เทควิวภายนอก พร้อมมีแสงสว่างเข้ามาภายในห้องน้ำและยังช่วยเรื่องการระบายความชื้นระบายอากาศภายในห้องน้ำได้อีกทางหนึ่งด้วย

ขึ้นไปชมชั้น 3 กันบ้างครับ ราวจับเป็นไม้และซี่เหล็กที่ทำให้มุมบันไดดูไม่ทึบจนเกินไป ชานพักด้านในประดับด้วยงานศิลปะดูเก๋ๆ อาร์ตดีๆ

แปลนบ้านจริงๆ จะเป็นห้องนอน 2 ห้อง โดยมีห้องน้ำอยู่ด้านหน้า เพื่อใช้งานร่วมกัน

พื้นที่ชั้น 3 ถูกออกแบบให้เป็น Passion Room พื้นที่ที่ออกแบบมาให้กับความเป็น Artist ในตัว กานต์ชอบมากครับ คิดว่าที่นี่น่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวให้ผมคลุกอยู่ภายในได้ทั้งวัน เติมเต็ม Passion ความฝันได้อย่างเต็มที่

Passion Room สวยจริงๆ ครับ ออกแบบเป็นห้อง Workshop ที่โดดเด่นด้วยโต๊ะไม้ขนาดใหญ่พร้อมผนังด้านในที่ออกแบบให้เป็นชั้นโชว์สำหรับจัดวางสิ่งของแห่งแรงบันดาลใจ เรียงรายกันไป

มีทั้งเครื่องเล่นแผ่นเสียง หนังสือ นิตยสาร โมเดล และอีกหลากหลาย ซึ่งบอกเลยว่าถ้าเป็นห้องส่วนตัวของผมอาจจะไม่พอ เพราะเต็มไปด้วยข้าวของที่มีความทรงจำติดไว้เยอะไปหมดเลยครับ ตามประสาคนชอบสะสม แต่ที่แน่ๆ คือต้องโชว์กล้องถ่ายรูปกับแผ่นเสียงสักหน่อยเพราะเก็บไว้เยอะสุด

ระหว่างเดินชมก็คิดตามไปด้วยว่าถ้าเป็นบ้านของเราจะตกแต่งให้ห้องนี้เป็นโทนอะไรดีนะ ระหว่าง Art Gallery กับ Bar ยุค 70s-80s ที่มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงจากศิลปินคนโปรด

ที่ผมได้ข้อมูลมาก็คือ โครงการนี้เป็นการก่อสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูน ทำให้เราสามารถต่อเติมเสริมทุบได้โดยไม่ต้องกังวลการรับน้ำหนักเหมือนบ้านแบบพรีแคสดังนั้น

ห้องนี้จึงเป็น Multi-purpose Room ที่โดดเด่นมากตามคอนเซ็ปต์ Atelier Residence สามารถปรับฟังก์ชั่นได้ตามไลฟ์สไตล์และการพักอาศัยจริงของเรา ซึ่งแน่นอนว่า แต่ละบ้านก็จะออกแบบให้มีความแตกต่างกันไป 

มุมด้านในตกแต่งให้เป็นมินิบาร์ พร้อมจัดวางที่นั่งสำหรับชวนเพื่อนมาครีเอทเครื่องดื่มแก้วโปรดที่บ้าน ในบรรยากาศกันเอง

ส่วนอีกด้านเป็นผนังหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้ บ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็นที่นั่งสำหรับนั่งดื่มและเลือกฟังเพลงจากศิลปินคนโปรด ผมหยิบแผ่นเสียงของ Lionel Richie ศิลปิน Pop R&B คนโปรดในยุค 80 มาฟัง ทันทีที่หัวเข็มกระทบกับไวนิล เสียงเพลง Stuck On You ก็ดังขับกล่อมไปทั่วบ้าน นับเป็นการมาชมบ้านตัวอย่างที่ชิลล์และได้ฟีลดีมากครับ

เอาเข้าจริงผมว่าโครงการตั้งใจออกแบบให้เป็น Urban Townhome ที่คิดต่างจากโครงการทั่วไป มีความยูนีค มีกลุ่มลูกค้าชัดเจน เป็นเจ้าของธุรกิจที่มีความคิดทันสมัย เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความมั่นใจ มากความสามารถ เปี่ยมไปด้วย Passion ที่อยากจะประสบความสำเร็จ มีไลฟ์สไตล์ความชอบที่ชัดเจน

ดังนั้น Passion Room จึงเป็นพื้นที่ในการครีเอทชิ้นงานใหม่ๆ หรือว่าทำเป็นห้องสำหรับไล่ตามความฝัน เช่นใครที่เป็น Youtuber หรือขายของออนไลน์ ผมว่าห้องนี้น่าจะเหมาะมากที่จะปรับให้เป็นสตูดิโอสำหรับถ่ายงานหรือพื้นที่สำหรับไลฟ์ขายของ เพราะมีขนาดพื้นที่กว้างขวาง ออกแบบและปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้ตลอดเวลา

บริเวณชานพักบันไดทางขึ้นชั้น 3 จะมีประตูกระจกบานเลื่อนที่แยกส่วนออกไปเป็นบันไดวนแบบ Semi-Outdoor สำหรับขึ้นไปยัง Private Rooftop Terrace ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Highlight ของโครงการ

Private Rooftop Terrace เป็นไฮไลท์ที่โดดเด่นมากเลยนะครับ โครงการออกแบบให้มีหลังคากันแดดกันฝนได้ประมาณนึง เป็นพื้นที่ให้เรามาจัดวางที่นั่งชมวิวได้ตามใจ ตกแต่งเพิ่มเติมเป็นสวนลอยฟ้า Sky Garden ก็ได้เช่นกัน ที่นี่จึงมีความแตกต่างจากทาวน์โฮมอื่นอย่างชัดเจน

ความประทับใจแรกเลยคือวิวครับ อารมณ์เหมือนเราอยู่อพาร์ทเม้นท์หรูใจกลางเมืองใหญ่ เพราะได้มองเห็น Cityscape ในมุมที่สูงกว่าบ้านทั่วไป มองเพื่อนบ้านรอบๆ โครงการจะเห็นความสูงของดาดฟ้าที่เลยหลังคาบ้านมาเยอะมาก ทำให้เราเทควิวได้ไกลกว่า

โครงการออกแบบให้ตู้ Build-in ที่ชั้นนี้ พร้อมระบบน้ำและไฟ เพื่อให้เราสามารถจัดวางเครื่องซักผ้า ซักและตากผ้าที่ดาดฟ้าได้เลยครับ เราจะได้ใช้พื้นที่สวนด้านหลังบ้านเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริงแทน

บ้านตัวอย่างเป็นบ้านหลังมุม ทำให้ได้พื้นที่ด้านข้างบ้านมาด้วย ให้เราออกแบบได้ตามไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะจัดเป็นสวนแบบญีปุ่น ผนังน้ำตก แปลงผักปลอดสาร หรือเป็นสระว่ายน้ำก็ได้ครับ

#โดยสรุป AIRES พระราม 9 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่กานต์ประทับใจมากครับ ด้วยความลงตัวที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผมหลายๆ อย่าง

ไม่ว่าจะเป็นงานดีไซน์ที่ดูโมเดิร์นและฟังก์ชั่นแตกต่างจากจากทาวน์โฮมทั่วไป ทำให้เรารู้สึกได้ถึงงานดีเทลที่คราฟท์มาก เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากได้แค่ บ้าน แต่ยังต้องการ Integrade ให้เป็นทั้งที่อยู่อาศัย สถานที่พักผ่อนหย่อนใจและทำงานไปด้วยได้ในคราวเดียวกัน

สัมผัสได้ถึง Passion ในการออกแบบและพัฒนาโครงการของ D’Well แม้ตัวบริษัทไม่ใหญ่แต่ใจใหญ่มาก จัดฟังก์ชั่นมาให้ครบเลยครับ

ที่สำคัญคือเป็นโครงการที่มีจำนวนยูนิตไม่มาก เงียบสงบดีครับ รู้สึกได้ถึงความ Privacy ทันทีที่ขับรถเข้ามาในโครงการ ส่วนเรื่องโลเคชั่นผมว่าก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะอยู่บนถนนพระราม 9 ลงทางด่วนแล้วเลี้ยวเข้าซอยมาเพียงเล็กน้อยก็ถึงโครงการเลยครับ นับว่าเดินทางสะดวกมาก อาจจะยังไม่ต้องรีบตัดสินใจ อยากชวนให้เข้ามาชมบ้านตัวอย่างกันก่อนครับ

สนใจสอบถามข้อมูลและนัดหมายเข้าชมโครงการได้ที่ >> โทร. 090-996-4949
https://www.aires-residence.com/

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน