137 PILLARS SUITES & RESIDENCES BANGKOK

ชวนไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน ว่ายน้ำใต้แสงดาว

กับโรงแรมหรูที่เริ่มมาจากตำนานเสา 137 ต้น

_

137 PILLARS SUITES & RESIDENCES BANGKOK เป็นโรงแรมที่ไม่ค่อยเห็นรีวิวคนไทยมากนัก แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่นี่คือ a Must เลยครับ เพราะว่าวิวจากสระว่ายน้ำชั้น Rooftop คือสวยสุดๆ เป็นมุมที่เปิดโล่งแบบ 360 องศา ได้เห็นกรุงเทพมหานครตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืน และ Exclusive เฉพาะแขกที่พักห้อง Suite เท่านั้นครับ

กานต์กำลังเล่าถึงโรงแรม 137 PILLARS SUITES & RESIDENCES BANGKOK เข้าซอยสุขุมวิท 39 มาเล็กน้อย ใกล้ห้างสรรพสินค้า The Emquartier

ทุกห้องพักของที่นี่จะเป็นห้อง Suite หมดเลยครับ ผมชอบการตั้งชื่อ Suites Type มาก เริ่มจาก สุโขทัย / อยุธยา / ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด ส่วนห้องพักอีกประเภทจะเป็น Residence มีทั้งรายวันและ Long Stay

ผมพักห้อง “ธนบุรี” ครับ เหมือนจะรู้ว่าเป็นคนฝั่งธน ตัวห้องคือพิเศษมากเพราะอยู่มุมด้านในสุด ทำให้ได้ห้องหน้ากว้าง ตัดขวางกันไปกับตัวตึก จะได้วิวจากทั้ง 2 ฝั่งคือ Living Area จะได้ทิศตะวันตก เหมาะแก่การนั่งชมวิว Sunset in the city ที่ระเบียงสุดๆ

ส่วนห้องนอนจะอยู่ฝั่งพระอาทิตย์ขึ้น ให้เราได้ตื่นพร้อมกับแสงแรกของวัน จากนั้นค่อยไปทานอาหารเช้ากันท่ามกลางสวนสีเขียวที่ห้องอาหาร BANGKOK TRADING POST

ผมชอบการตกแต่งภายในห้องที่ดูคลาสสิคมาก มีเรื่องราวที่สอดรับกันดีกับ 137 PILLARS HOUSE ที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ส่วนข้าวของทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูก Customise ให้เป็น 137 PILLARS only รวมถึงงานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยครับ

ส่วนห้องอาหาร NIMITR ที่ชั้น 27 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดที่ต้องมาครับ กับบรรยากาศรีแลกซ์ นั่งด้านนอกรับลมสบายๆ ชมวิวกรุงเทพสวยๆ ยามเย็น ที่นี่จะเน้นอาหารแนวผสมผสานครับ ซึ่งใครที่ถือบัตรเครดิต ttb reserve จะได้รับสิทธิพิเศษ มา 3 จ่าย 2 สำหรับอาหาร 5 Courses Set Dinner ที่มีให้เลือกหลายเมนูที่น่าสนใจ

อยากแนะนำ 137 PILLARS SUITES & RESIDENCES BANGKOK สำหรับใครที่มองหาโรงแรมมา Staycation พร้อมรับส่วนลดห้องพัก 15% เอกสิทธิ์พิเศษสำหรับผู้ที่ถือบัตรเครดิต ttb reserve แบบผมเท่านั้น ไปชมภาพพร้อมอ่านเรื่องราวกันต่อด้านในดีกว่าครับ

#ttbreserve#137PILLARS#137PILLARSBANGKOK#KANT

“Above us, the sky was an endless expanse of velvety black, with millions of stars spreading like glittering diamonds spilled across the dark canvas.”

– Sara B. Larson

137 PILLARS SUITES & RESIDENCES BANGKOK เป็นโรงแรมที่มีจุดเริ่มต้นมาจากเชียงใหม่คือ 137 PILLARS HOUSE กับตำนานบ้านโบราณที่มีเสาไม้จำนวน 137 ต้นอันสุดแสนคลาสสิค

ผมชอบการนำชื่อของบุคคล สถานที่ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบ้านบอร์เนียว เชียงใหม่ มาใช้กับ 137 PILLARS ที่กรุงเทพ เพื่อความต่อเนื่องของเรื่องราวแม้ว่าทั้ง 2 โรงแรมจะอยู่ห่างกันหลายร้อยกิโลเมตรก็ตาม แต่ก็ยังเชื่อมต่อกันได้อย่างน่าสนใจ

งานออกแบบของ 137 PILLARS SUITES & RESIDENCES BANGKOK ได้นำเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ 137 PILLARS HOUSE เชียงใหม่มาสอดแทรกไว้มากพอสมควรเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น ทุกห้องจะเป็นห้องสวีทขนาดใหญ่ มีระเบียงกว้าง ทุกๆ ส่วนของห้องออกแบบโดยคำถึงการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย วัสดุที่เลือกใช้คุณภาพสูงสะท้อนความหรูหราของการพักผ่อน

เข้ามาเช็คอินกันก่อนที่ชั้น 1 ครับ ผมยื่นบัตรเครดิต ttb reserve ให้ไปด้วยตามที่ได้จองมาก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะได้รับส่วนลดพิเศษสำหรับห้องพัก 15% เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะผู้ถือบัตรเครดิตนี้เท่านั้น

แนะนำว่าให้สมัครกันไว้เลยครับ สำหรับใครที่ชอบกิน เที่ยว พักผ่อนในโรงแรมหรู เพราะดูตัวอย่างจากผมได้เลย ในช่วงหลายเดือนมานี้ผมได้รับ Bebefits จากบัตรเครดิต ttb reserve เยอะมากจริงๆ

ผมนั่งสักพักพนักงานก็นำ Registration Form มาให้กรอก

ตัว Lobby ของโรงแรมค่อนข้างโอ่โถงด้วยเพดานแบบ Double Volume ที่มีความโดดเด่นด้วย Chandelier ดีไซน์แปลกตา ที่ขับเน้นให้บริเวณโถงต้อนรับไม่ดูโล่งจนเกินไป

ภายใน Lobby ประดับด้วยงานศิลปะทั้งภาพจิตรกรรมและงาน Installation Art ทำให้ดูเก๋มากยิ่งขึ้น

ข้อดีของการพักในโรงแรมที่ขยับตัวเข้ามาจากถนนใหญ่ คือจะได้เปรียบเรื่องความเงียบของเสียง ไม่ค่อยวุ่นวาย ไม่มีรถราวิ่งกวนใจ แถมมีต้นไม้น้อยใหญ่คอยให้ความร่มรื่น เหมาะกับวันพักผ่อนสบายๆ มา Staycation ใจกลางเมือง

นอกจากนี้ ยังเสริมพื้นที่สีเขียวของสวนและเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ให้โอโซนใจกลางสุขุมวิท เหมาะสำหรับเป็นสถานที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายมารับความสะดวกสบายที่นี่ สอดแทรกงานศิลปะไว้ในทุกจุดของโรงแรม เพื่อเติมเต็มสุนทรียะในการใช้ชีวิตให้กับแขกผู้เข้าพัก ทั้งในส่วนของห้อง SUITES จำนวน 34 ห้องและ RESIDENCES จำนวน 179 ห้อง

ห้องพักมีด้วยกัน 4 แบบ ห้องเริ่มต้นก็คือสวีทเลยครับ โดยห้องสวีทสุโขทัย จะมีไซส์เล็กสุด 70 ตารางเมตร ต่อมาคือห้องสวีทอยุธยาขนาด 95 ตารางเมตร ห้องสวีทธนบุรี ขนาด 116 ตารางเมตร พร้อมระเบียงขนาดใหญ่และห้องรับแขกที่กว้างขวาง ห้องสวีทรัตนโกสินทร์ ขนาด 127 ตารางเมตร เป็นแบบ 2 ห้องนอน ซึ่งเป็นห้องใหญ่ที่สุด ทริปนี้ผมพักที่ห้องสวีทธนบุรี เป็นห้องมุมด้านในสุดครับ จะได้พาขึ้นลิฟต์ไปชมกัน

บัทเลอร์คนสวยพาเราขึ้นบนชั้น 25 เดินตรงเข้ามาด้านในสุด เปิดประตูสู่ห้องสวีทธนบุรี

บัทเลอร์กำลังจัดเตรียม Welcome Drink เป็นน้ำอัญชัญมะนาว พร้อมกับขนมหวานเป็นมะยงชิดชีสต์ทาร์ต ซึ่งรสชาติดีมากความนุ่มเนียนของครีมชีสต์ตัดกันดีกับรสเปรี้ยวหวานฉ่ำของมะยงชิดสีส้ม เป็นการผสมผสานที่ลงตัวมาก

ก็คงคล้ายกับความหวานสไตล์เชียงใหม่ล้านนา เมื่อต้องมาอยู่กรุงเทพใจกลางสุขุมวิท ก็ยังตั้งตระหง่านได้อย่างกลมกลืนและน่าสนใจ

สัมผัสแรกคือหรูหรามาก ห้องมีขนาดกว้างขวางด้วยเพราะเป็นห้องมุมสุดด้านในที่ตัดขวางตัวอาคาร ทำให้ได้วิวฝั่งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก

ภายในแบ่งพื้นที่การใช้สอยออกเป็น 2 ส่วนคือ ด้านซ้ายจะเป็น Living Area จัดวางชุดโซฟารูปตัวแอล (L) ขนาดใหญ่เลือกใช้สีเทาควันบุหรี่ทำให้เสริมความคลาสสิคของตัวห้องได้ดี รับกับผนังสีดำซึ่งตีด้วยแผ่นไม้คล้ายกับฝาบ้านโบราณที่เชียงใหม่ ประดับด้วยกรอบรูปที่บอกเล่าเรื่องราวของ 137 PILLAR HOUSE เมื่อครั้งยังเป็นบ้านบอร์เนียว เพื่อให้เรื่องราวสอดรับกัน ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวีและติดตั้งระบบเครื่องเสียง Bose

ด้านในเป็นส่วนของโต๊ะรับประทานอาหารทรงครึ่งวงกลมดูเก๋ไก๋

ริมสุดเป็นระเบียงขนาดใหญ่ ซึ่งทางโรงแรมตั้งใจสร้างห้องพักที่มีระเบียงพร้อมกับเตียงนอนแบบเดย์เบดด้านนอก ให้แขกให้นั่ง (หรือนอน) รับลมชมวิวพระอาทิตย์ตก

ผมว่าระเบียงขนาดใหญ่แบบนี้เราไม่ค่อยได้พบเห็นในโรงแรมใจกลางกรุงมากนัก มุมนี้ผมชอบมากครับ

ลองถ่ายภาพย้อนกลับมายังระเบียงห้อง ก็สวยไปอีกแบบ ผมว่าเป็นห้องที่ออกแบบได้ดีมาก มาพร้อมกับการได้เห็นวิวกรุงเทพจากระเบียงห้องพักตัวเอง

เมื่อเดินย้อนกลับมาทางทิศตะวันออกอีกฝั่งของห้องจะเป็นโซนพักผ่อนและมุมส่วนตัว มีทั้งห้องแม็กซี่บาร์พร้อมด้วยเครื่องดื่มที่หลากหลายที่รอให้เราครีเอทขึ้นมาเอง ห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก จากนั้นจะเป็นห้องน้ำที่แบ่งสัดส่วนกันได้อย่างลงตัว

Bathroom Amenities เป็นของแบรนด์ HARNN ที่เบลนด์กลิ่นขึ้นมาใหม่ให้กับ 137 PILLARS BANGKOK กลิ่นจะมีความหอมที่ละมุน นุ่มลึกเข้ากับโรงแรมมากครับ

ตรงกลางห้องจะมีอ่างจากุซชี่ทรงกลมขนาดใหญ่ ที่ตีฟองพร้อมรอให้เราแช่ตัวอย่างสบายใจพร้อมกับชมวิวกรุงเทพมุมสูง ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งสวย หรือจะดูทีวี จิบเครื่องดื่มไปเบาๆ ด้วยก็ได้ครับ

ขณะเดียวกัน เมื่อเดินออกจากห้องน้ำมาจะเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งได้คลาสสิคมากครับ ผมชอบการลงดีเทลของวัสดุที่ใช้ในงานตกแต่งเช่นกระเบื้องหินอ่อน พรมทอลายฟันปลาสีเทาดำ การตกแต่งผนังด้วยไม้ที่ให้ความรู้สึกเหมือนฝาบ้านโบราณ สลับกับวอลล์เปเปอร์สีเทาเข้มที่ประดับภาพวาดดอกบัวสีสดใสไว้บนหัวเตียง เหล่านี้เป็นงานออกแบบที่เรียบหรู ทว่าลงตัวดีมาก

ภายในห้องนอนยังแบ่งฟังก์ชันการใช้สอยได้ดี เข้ากับการมาพักผ่อนสบายๆ ที่ใจกลางสุขุมวิทแบบนี้ ด้วยเก้าอี้นั่งชมวิวริมหน้าต่างหันหน้าไปทางทิศเหนือ ขณะที่หน้าต่างบานใหญ่สุดจะอยู่ทางทิศตะวันออก คอยทำหน้าที่ทักทายเราด้วยแสงตะวันแรกยามเช้าของวัน ซึ่งหากไม่ต้องการก็เพียงปิดม่านทึบเพื่อพักผ่อนต่อบนเตียงนอนอันแสนนุ่มนวล

ยอมรับเลยว่า 137 PILLARS BANGKOK เป็นไม่กี่โรงแรมที่ผมนอนหลับได้อย่างสนิทเพราะเครื่องนอนไม่นุ่มหรือแข็งจนเกินไป และชอบผิวสัมผัสของผ้าปูที่นอนมาก ดูนิ่ม ลื่น สบาย จนทำให้ตื่นสายกว่าปกติครับ

หลังจาก นั่งพักผ่อนในห้องได้สักพักก็ได้เวลาทำสปาที่ นิทรา เซเรนนิตี้ เซ็นเตอร์ ผมจองค่อนข้างกระชั้น ทำให้มีสลอตเหลือไม่มากนัก จึงได้ทำสปาในช่วงเวลาเย็นๆ

ภายใน นิทรา เซเรนนิตี้ เซ็นเตอร์ ออกแบบและตกแต่งสไตล์ล้านนาประยุกต์ดูคลาสสิคดีครับ ห้องทรีตเม้นต์มีให้เลือกทั้งแบบห้องเดี่ยวและห้องคู่

ที่นี่มีบริการ Holistic Therapies ที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะชอบการบำบัดด้วยการนวด หรือจะเลือกเป็นโปรแกรมและทรีตเม้นต์สำหรับดูแลร่างกายจิตใจก็ได้ เพื่อปรับความสมดุลในแบบเฉพาะตัว

ส่วนตัวผมชอบนวดอโรม่า เลือกน้ำมันเป็นกลิ่นกระดังงา ผมว่ามีความหอมให้อารมณ์วินเทจดีครับ โดยให้เน้นคอ บ่า ไหล่ หลังและขา ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของคนทั่วไปที่ทำงานหนักและต้องการบรรเทาความเมื่อยล้าตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งพี่สร เทอราพิสที่ดูแลผมก็ทำผลงานได้ดีมากครับ นวดสบายจนหลับไปเลย

สนนค่าบริการก็เป็นไปตามมาตรฐานสปาในโรงแรมระดับ 5 ดาวทั่วไป ชำระด้วยบัตรเครดิต ttb reserve ได้ทันที หรือใครจะสะดวกให้ชาร์จเข้าห้องแล้วไปจ่ายทีเดียวตอนเช็คเอ้าท์ก็ได้ครับ

ช่วงเย็นย่ำตั้งใจว่าจะไปว่ายน้ำชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สระว่ายน้ำบนชั้น Rooftop ครับ ซึ่งที่ 137 PILLARS SUITES & RESIDENCES BANGKOK จะมีสระว่ายน้ำให้บริการใน 2 จุดคือชั้น 27 สำหรับแขกทุกคนทั้งห้อง SUITES และแขกที่เข้าพักใน RESIDENCES แต่สำหรับสระว่ายน้ำที่ชั้น R จะเป็นเอกสิทธิ์พิเศษสำหรับแขกที่เข้าพักห้องสวีทเท่านั้น

ผมชอบ Green Wall ซึ่งเป็นผนังต้นไม้เขียวที่กรุบริเวณสระว่ายน้ำ เหมือนที่เชียงใหม่เลยครับ ให้ความรู้สึกสดชื่นสบายตา เป็นสวนบนดาดฟ้าที่สวยมาก

Rooftop Pool เป็นสระว่ายน้ำที่วิวสวยมาก มองเห็นกรุงเทพในมุมสูงแบบ 360 องศา เราสามารถว่ายน้ำไปชมวิวไปเพื่อการออกกำลังกายและพักผ่อนได้ในเวลาเดียวกัน

สระว่ายน้ำเปิดให้บริการถึงเที่ยงคืนเลยครับ

นี่เป็นครั้งแรกของผมที่ได้ว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้าในเวลากลางคืนที่มองเห็นวิวแสงสีจากตึกระฟ้า และขยับสายตาขึ้นไปเรื่อยๆ จนมองเห็นแสงดาวจากท้องฟ้าใจกลางกรุงเทพมหานคร นับเป็นอีกโมเมนต์ที่ประทับใจมากครับ ที่สำคัญคือรูปถ่ายที่ออกมาผมว่ามันสวยมาก

นอกจากนี้ยังมีในส่วนของจากุซชี่ 2 จุดซึ่งสามารถปรับอุณภูมิน้ำให้อุ่นได้ด้วย เราจึงนั่งพักผ่อนชมวิวสวยๆ ของกรุงเทพได้อย่างสบายใจ

เหนื่อยจากว่ายน้ำก็มาพักผ่อนต่อในห้อง มื้อค่ำวันนี้ผมสั่งอาหารเป็น Dining Inroom ครับ สะดวกสบายดี มีอาหารอร่อยๆ พร้อมวิวสวยๆ จากในห้องให้ชม

จิบเบาๆ พร้อมกับแช่น้ำอุ่นๆ ชมวิวกรุงเทพยามค่ำคืนจากในห้อง

“Good night, slept tight, awake full of joy at the morning light.”

-Theodore Higgingsworth

ตอนเช้า ใจกลางสุขุมวิท ผมไม่ได้รีบตื่นมากนัก ตั้งใจว่าอยากจะพักผ่อนให้เต็มที่ จากนั้นค่อยลงมานั่งทานอาหารที่ BANGKOK TRADING POST BISTRO & BAR

แน่นอนว่าเปิดให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่มตลอดทั้งวัน ในบรรยากาศสบายๆ มีให้เลือกนั่งทั้งในห้องปรับอากาศและสวนสีเขียวด้านนอก ผมสังเกตว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นแขกโรงแรมก็สามารถมานั่งทานอาหารเช้าถึงเย็นได้เลยครับ แถมยังเป็น Dog Friendly ด้วย

ความเก๋ของ BANGKOK TRADING POST BISTRO & BAR คือตั้งใจจะให้เป็นจุดนักพบของนักเดินทางซึ่งเป็นคอนเซปต์ Traveler’s Club ตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้ของนักเดินทาง เพดานสูง ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย ตลอดทั้งวันที่ต่อเนื่องมาจากบริษัทบอร์เนียว อีสต์ เทรดดิ้งที่เชียงใหม่ เพราะธุรกิจค้าไม้ในอดีตคือรุ่งเรืองมาก เป็นที่รู้จักของนักเดินทางและนักธุรกิจทั่วโลก

อาหารเช้ามีให้เลือกหลากหลาย ทั้งไทย เอเชี่ยนและยุโรป เราสามารถเลือกอาหารจานหลักได้คนละ 2 เมนู ส่วนขนมปัง ชีส โยเกิร์ต ชา กาแฟ ผลไม้ สามารถสั่งได้เรื่อยๆ ครับ

ทานอาหารเช้าเสร็จผมตั้งใจว่าจะเดินเล่นถ่ายรูปบริเวณสวนที่ชั้น 1 มองออกมาเห็นศาลาสีขาวขุ่นดูคลาสสิคน่านั่งมาก มีบ่อปลาคราฟท์ตัวใหญ่มาก ว่ายน้ำเล่นไปมาดูมีชีวิตชีวาดี มองไปเห็นสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า ผมว่าเป็นฟีลลิ่งที่ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือใจกลางสุขุมวิท ที่ดินมีค่ายิ่งกว่าทองคำ แต่โรงแรมใจป้ำมากครับ นำที่ดินส่วนหนึ่งมาทำเป็นพื้นที่สีเขียวเพื่อให้เกิดสมดุลของธรรมชาติกับวิถีชีวิตของคนเมือง

มาเดินเล่นชั้นบน จะเป็นสวนที่โรงแรมตั้งใจปลูกสมุนไพรและเครื่องเทศบางชนิดเพื่อนำไปปรุงอาหารเสิร์ฟในโรงแรม

บัทเลอร์ แจ้งข้อมูลว่า ตอนนี้ Afternoon Tea ของโรงแรมกำลังมีคอลเลคชั่นใหม่ชื่อว่า Boutique of Jewels ต้องขอไปลองหน่อย

ห้องที่เราจิบน้ำชากัน ชื่อ BAAN BORNEO CLUB บรรยากาศดีมาก

Pastry Chef ชาวฝรั่งเศสได้แรงบันดาลในการรังสรรค์ขนมหวานและของคาวมาจากเครื่องประดับอันหรูหราของชนชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นแหวนเพชร อัญมณี สีสันสดใส เอามาลองสวมได้เลยครับ เชฟครีเอทเป็นเมนูจิบน้ำชายามบ่ายที่น่าสนใจและน่ารักมาก

ผมชอบ Scone มากครับ ในเซ็ทจะมี Plain Scone และรสสตอร์เบอรี่ ทานคู่กับโฮมเมดแยมรสสตอร์เบอรี่และแอพริคอตที่หอมกลิ่นลาเวนเดอร์

จิบกับชาที่เบลนด์รสชาติเป็น Signature ของโรงแรมคือ Longan Moringa Green ชาเขียว ลำไย มะรุม และชาอีกตัวคือ Mangosteen Anchan Oolong เป็นชาอู่หลง อัญชัญ มังคุด ตัวนี้หอมมากครับ เข้ากันดีกับขนมหวาน

เมนูนี้เก๋ดีครับเป็นกาแฟที่นำไป infuse กับน้ำมะพร้าว หอม หวาน เข้มข้นดี

BAAN BORNEO CLUB ผมชอบมากเลยครับ เข้ามาแล้วบรรยากาศดีมาก ดูคลาสสิค ผมชอบการตกแต่งด้วยชุดที่นั่งสีน้ำเงินเข้มซึ่งเป็น Signature ของโรงแรม ขลิบด้วยสีทองดูเรียบหรูคลาสสิคดีครับ เหมาะที่จะมานั่งสังสรรค์พบปะพูดคุยกันพร้อมกับชมวิวกรุงเทพมุมสูงจากชั้น 26 ของโรงแรม

เราสามารถชำระค่าบริการ Afternoon Tea ผ่านบัตรเครดิต ttb reserve ได้เลยครับ

ส่วนมื้อค่ำ ผมนัดเพื่อนมานั่งทานดินเนอร์ด้วยกันที่ห้องอาหาร NIMITR (นิมิตร) ครับ เป็นห้องอาหารที่สวยมากราวกับหลุดมาในความฝันกับบรรยากาศของกรุงเทพในมุมสูง

ห้องอาหารมีให้เลือกนั่งทั้งในห้องปรับอากาศและระเบียงด้านนอก ซึ่งแนะนำให้โทรจองก่อนล่วงหน้าเพราะว่าโต๊ะเต็มทุกวันเลยครับ

อาหารมีให้เลือกทั้งแบบ a la carte และเป็นคอร์ส 5 เมนูครับ ผมเลือกเป็นอย่างหลัง เพราะถ้าชำระเงินผ่านบัตรเครดิต ttb reserve จะได้สิทธิพิเศษมา 3 จ่าย 2 ซึ่งถือว่าคุ้มมาก

เพราะนอกจากจะได้ทานอาหารอร่อยๆ ร่วมกันในราคาที่เซฟลงไปมากแล้ว ยังได้พบปะเม้าท์มอยกันกับเพื่อนเก่าท่ามกลางวิวสวยๆ โดยเฉพาะตอนพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศสบายๆ ไว้ให้หายคิดถึงกันอีกด้วยครับ

อยากให้ลองมาชิลล์กันที่นี่ เพราะยอมรับว่าวิวคือเปิดโล่งมาก ยิ่งตอนกลางคืนก็จะสวยไปอีกแบบครับ ที่ชั้นนี้

นอกจากจะมีห้องอาหารแล้ว ใกล้กันยังมี Marble Bar ที่จะให้บริการเครื่องดื่มเสิร์ฟทั้งที่ห้องอาหารและสระว่ายน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยครับ

อาหารของเราในมื้อค่ำวันนี้จะเป็นแบบ 5 Courses Set Dinner ซึ่งผมจะลงรายละเอียดของเมนูไว้ให้ตามที่เราได้เลือกสั่งมารับประทานกันครับ

โดยเริ่มจากการเสิร์ฟขนมปังเป็นออร์เดิร์ฟก่อน ซึ่งผมว่ามีความหอมกลิ่นสมุนไพรดีมาก

จากนั้น จะตามมาด้วย Amuse-Bouche ซึ่งแต่ละวันจะมีความแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ว่าเชฟจะรังสรรค์อะไรให้เราได้ทานกัน

เมนู Appetizers ผมเลือกเป็น Ravioli Beetroot เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสคาโบนาร่า

สลัดผักรวมและ Cheese Truffle Samosa ตัวนี้ Dressing อร่อยดีครับ

ส่วนอีกจานเป็น Slow-Cooked Pork Tenderloin Ham นุ่มมาก ทานง่ายดีจานนี้ตกแต่งสวย

Soup จะมีให้เลือก 3 ตัวครับ คือ ซุปปลาไหลรมควันและปลาฮามาจิเสิร์ฟพร้อมโซบะ จะมีรสอูมามิสไตล์ญี่ปุ่น

ซุปหัวหอม เสิร์ฟพร้อม Crispy Onion อร่อยมาก ใครชอบรสชาติหอมหวานต้องสั่ง

อีกจานเป็นซุปใสสไตล์ฝรั่งเศสสูตรของ Paul Bocuse ที่มีทั้ง Foie Gras และ Truffle ผมว่ารสค่อนข้างเค็มไปสักหน่อย

Soup จะมีให้เลือก 3 ตัวครับ คือ ซุปปลาไหลรมควันและปลาฮามาจิเสิร์ฟพร้อมโซบะ จะมีรสอูมามิสไตล์ญี่ปุ่น

ซุปหัวหอม เสิร์ฟพร้อม Crispy Onion อร่อยมาก ใครชอบรสชาติหอมหวานต้องสั่ง

อีกจานเป็นซุปใสสไตล์ฝรั่งเศสสูตรของ Paul Bocuse ที่มีทั้ง Foie Gras และ Truffle ผมว่ารสค่อนข้างเค็มไปสักหน่อย

ส่วน Dessert จะมีให้เลือก 2 แบบคือ Chocolate Burnt Honey Cake รสชาติเข้มข้นหอมมันของช็อกโกแลตดีมาก ตัดเลี่ยนด้วยผลไม้รสเปรี้ยวผมว่าเข้ากันดี

ของหวานอีกจานคือ Raspberry Yoghurt Cremeux ตัวมูสทำได้เนียนนุ่มดี มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว

วิวกรุงเทพมุมสูงจากห้องอาหาร สวยมากครับ ช่วยเสริมอรรถรสให้มื้อค่ำวันนี้พิเศษยิ่งขึ้น

ย้ำกันอีกครั้งสำหรับใครที่ถือบัตรเครดิต ttb reserve ทั้งบัตร Infinite และ Signature จะได้รับสิทธิพิเศษจากห้องอาหาร NIMITR โรงแรม คือ มา 3 จ่ายเพียง 2 ท่านสำหรับ 5 Courses Set Dinner สามารถสำรองโต๊ะล่วงหน้าผ่าน ttb reserve line 02-010-1428 เท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้

นอกจากนี้ ผู้ถือบัตรเครดิต ttb reserve ทั้งบัตร Infinite และ Signature จะได้รับส่วนลดราคาห้องพัก 15% เมื่อชำระด้วยบัตรเครดิตนี้เท่านั้น และทำการสำรองห้องพักโดยตรงผ่านโรงแรม 137 PILLARS SUITES & RESIDENCES BANGKOK โทร. 02-079-7000

สิทธิพิเศษนี้ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. 2565 – 31 ธ.ค. 2565

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน