MUJI HOTEL GINZA, JAPAN

MUJI HOTEL🇯🇵#โรงแรมนี้มีเรื่องเล่า EP3 :

#เคยคิดมั้ยว่าอยากไปนอนในร้านมูจิสักคืน

กานต์เคยและได้ไปนอนมาแล้วที่โรงแรมมูจิ กินซ่า

_

ดูพิธีเปิดโอลิมปิคแล้วก็อุทานในใจ “ญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นญี่ปุ่น”

ดูเรียบง่าย เป็นไปตามสถานการณ์และสื่อสารภาษาสากล

กานต์นึกไปถึงไลฟ์สไตล์สโตร์แบรนด์ MUJI (มูจิ)

แบรนด์เป็นโปรดของใครหลายคน แน่นอนว่ารวมถึงผมด้วยครับ

ปรัชญาของมูจิคือ “แบรนด์ที่ไม่มีแบรนด์”

ย่อมาจากคำว่า Mujirushi Ryohin ในภาษาญี่ปุ่น

มีความหมายว่า “สินค้าคุณภาพดีที่ไม่มียี่ห้อ”

เป็นการตลาดแบบไร้แบรนด์

ทว่า แนวคิดการออกแบบของ MUJI กลับเต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน

ในทุกๆ ขั้นตอน คือ Less is More

สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้ดี

จนหลายคนมักจะนิยามว่า MUJI=Minimal

พอมาเปิดโรงแรม ก็เลยทำให้หลายคนตั้งตารอว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร

แต่เดาได้เลยว่า เกือบของใช้ เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด

จะต้องเป็นสินค้าของ MUJI เพราะมีขายแทบจะทุกอย่าง

สาขาแรกเป็นที่เซิ่นเจิ้น สาขาต่อมาคือปักกิ่ง ประเทศจีน

สาขาที่ 3 ที่กานต์ไปพักมาคือกินซ่า (Ginza) บ้านเกิดของ MUJI ครับ

จำได้เลยว่า ผมรีบจองห้องพักล่วงหน้า

ผ่านทางเวปไซต์ https://hotel.muji.com/ginza/en ทันทีที่เปิดให้จอง

จากนั้นค่อยตีตั๋วบินตามไปพัก

ตอนนั้นเหลือห้อง type ไหนก็ต้องรีบบุ๊คเพราะเต็มไวเหลือเกิน

… สุดท้าย ก็ได้วันแรกๆ ของการเปิดให้เข้าพัก

ห้องพักมีทั้งหมด 79 ห้อง เริ่มที่ชั้น 7-10 ของโรงแรม

ส่วนชั้นใต้ดินเป็นห้องอาหาร MUJI Diner, ชั้น 1-5 เป็นร้านค้า MUJI

ชั้น 6 เป็น Bar และ Gallery เชื่อมต่อกับ Lobby โรงแรมที่ชั้นนี้

ห้องพักมี 9 type แต่ละห้องราคาจะแตกต่างกัน

ที่สำคัญคือราคาในแต่ละแบบนั้นจะเท่ากันทุกวัน

ตรงนี้ เป็นจุดที่ชอบมากคือเรื่องราคาที่ไม่เปลี่ยน

แม้จะเป็นวันหยุดหรือช่วงเทศกาล ก็จะยังได้ราคานี้

ขอเพียงจองให้ทัน ตามคอนเซปต์ “anti-gorgeous, anti-cheap”

ห้องพักแต่ละแบบดีไซน์ให้มีความสงบ

เปิดรับช่องแสงจากด้านนอกไม่มาก มีแสงจากโคมไฟ (ของ MUJI)

และเตียงที่คิดค้นมาอย่างดีว่าจะช่วยให้การนอนหลับของแขกง่ายขึ้น

ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

เฟอร์นิเจอร์ในห้องและในโรงแรมทุกชิ้น ล้วนแต่เป็นของ MUJI ทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะบิลด์อิน หรือลอยตัว วัสดุตกแต่งส่วนมากทำจากไม้

ของใช้ ของประดับภายในห้องกระจุกกระจิก

ปากกา ยาสีฟัน Amenity ในห้องน้ำ ช้อนกาแฟ กาต้มน้ำ แก้วน้ำ

อโรม่า โซฟา โต๊ะ เก้าอี้ เตียง หมอน ที่นอน ผ้าห่ม โคมไฟ

ล้วนเป็นของ MUJI ทั้งสิ้น ขนาดทีวี ก็ยังใช่

มีขนมของมูจิวางไว้ให้ทาน มีกาแฟและชามะลิให้ดื่มฟรี

แต่ชักโครกที่เป็นของ TOTO เพราะมูจิยังไม่ได้ทำชักโครกขาย

ชุดนอนเป็นผ้าลื่นๆ บางๆ เบาสบายดีไซน์แบบมินิมอล

ใส่แล้วน่ารักมาก (ไม่มีใครชม ก็ชมตัวเอง 555) ถ้ามาเป็นคู่คงได้ตีมเสื้อนอนคู่

มีแคทตาล็อกสินค้า MUJI ไว้ในห้อง อยากได้ชิ้นไหน โทรสั่งได้เลย

อาหารเช้าเสิร์ฟอาหารที่นำวัตถุดิบจากฟาร์มเกษตร เน้นทำสดใหม่

ทำรสชาติที่เป็นธรรมชาติให้มากที่สุด

ใครเคยลองทานที่ MUJI CAFE and MEAL มาก่อนจะเก็ทเลย

หลักการของ MUJI คือ การเลือกสรรวัตถุดิบ / วัสดุที่มีคุณภาพ

เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่เสริมแต่งมากนัก

หรือแม้แต่การนำวัสดุเหลือทิ้งมาคิดค้นใหม่ หาทางปรับปรุง

แล้วนำมากลับมาใช้ให้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามคอนเซปต์

“เรียบง่าย สร้างสรรค์ ผ่านกระบวนการคิดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

ส่วนวิธีคิดในการทำงานดีไซน์ จะมีปรัชญาการออกแบบคือ

การตอบโจทย์ชีวิตของลูกค้า

เฟ้นหาช่องโหว่ต่างๆ แล้วสร้างอะไรบางอย่างมาเติมเต็ม

ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้หลายคนคิดในใจ “คิดได้ไงอ่ะ”

ลองคิดดูสิว่า 40 ปีที่ผ่านมา มีคนเห็นสินค้าของ MUJI

แล้วจะร้องแบบนี้กี่ครั้ง!?!!

แต่ที่แน่ๆ วันที่ผมเข้าพักที่โรงแรม MUJI GINZA

ผมอุทานเบาๆ มากกว่า 40 ครั้งแน่นอน

อ่านเรื่องราวของโรงแรม MUJI GINZA เพิ่มเติมได้ที่ Blog https://www.kantjournal.com/muji-hotel-ginza-japan ครับ

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน